ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘หลงยู่อิน’ เม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนที่จะถามว่า
“เช่นนั้น ท่านอาจารย์ข้าขอดูตัวอักษร ‘กระบี่’ ของท่านได้หรือไม่?”
“เจตจำนงแห่งกระบี่นั้นไม่เหมาะเจ้า ข้าจะเขียนอักษรอื่นให้เจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้ค่อย ๆ ทำความเข้าใจมัน”
‘เนียหลี่’ยิ้ม เขาตระหนักดีว่า’หลงยู่อิน’ นั้นยังอยากรู้เกียวกับมัน
“แต่ข้าต้องการที่จะลอง!”
‘หลงยู่อิน’กล่าว นางยังคงรู้สึกว่าค่อนข้างรบกวนจิตใจของนางยิ่งนัก ทำไม ‘กู้เบ่ย’สามารถเข้าใจ แต่นางกลับไม่เข้าใจมัน
“เอาหล่ะ แต่มันยังมีอนับพันหนทางมากมายในวิถีแห่งการต่อสู้ การที่เจ้ามัวแต่เปรียบเทียบข้อบกพร่องของเจ้ากับผู้อื่นเป็นสิ่งที่หาควรไม่”
‘เนี้ยหลี่’ สอนด้วยความจริงใจ
“หากเจ้ามัวแต่หลงไปกับรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง มันจะทำให้เจ้าไม่อาจที่จะก้าวไปข้างหน้าต่อไปได้”
‘หลงยู่อิน’ ถึงกับหัวใจสั่นไหวกับคำพูด’เนี่ยหลี่’ นางพยักหน้า
“ค่ะ”
ได้เห็นความจริงจังของ’หลงยู่อิน’ ‘เนี่ยหลี่’ยิ้มเล็กน้อยและอดคิดไม่ได้ว่าหลงยู่อินในตอนนี้เป็นเพียนเด็กสาวไร้เดียงสาเท่านั้น
สิ่งใดที่นางให้กลายเป็นผู้หญิงสารเลวในชีวิตที่แล้วของเขากันแต่ทว่าก็ไม่มีหนทางที่’เนี่ยลี่’ จะตรวจสอบสิ่งที่ผ่านมาในชีวิตที่แล้วได้
หลังจากที่เขาได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง คงจะเป็นการดีถ้าหากว่าขานั้นสามารถเปลี่ยนแปลง’หลงยู่อิน’ได้
จากนั้นเขาจะช่วยให้’หลงยู่อิน’เข้าชิงชัยในตำแหน่งผู้นำตระกูลผนึกมังกรมาให้ได้
‘เนี่ยหลี่’มองไปยังท้องฟ้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและกล่าวว่า
“ในจักรภพนี้ยังมีเรื่องอีกมากที่เจ้าไม่รู้
“ท่านอาจารย์ ท่านพูดถึงสิ่งใดกัน”
‘หลงยู่อิน’กล่าวด้วยความสงสัย
“เจ้าไม่คิดว่ามันแปลกไปหน่อยเหรอ แม้อายุข้าจะเท่ากับเจ้าแต่ความสามารถในเจตจำนงค์ต่างๆของข้ากลับเหนือกว่าเจ้า นั่นเพราะข้ารู้อะไรที่ผู้อื่นไม่รู้ เทพแห่งสงครามไม่ใช่จุดสูงสุดของวิถีแห่งการต่อสู้ มีผู้หนึ่งถูกขนานนามว่าจักรพรรดิปราชญ์ เขาได้ปิดผนึกห้วงมิติเวลาที่ไร้สิ้นสุด และควบคุมโลกทั้งสามในอาณาจักรซากมังกร หากผู้ใดท้าทายอำนาจของเขา เขาจะทำให้แน่ใจว่าจะส่งพวกคนเล่านั้นไปสู่ความตาย ในหลายแสนปีมานี้มีผู้คนนับไม่ถ้วนที่ท้าทายโชคชะตาและสู้กับห้วงมิติเวลาเพียงเพื่อเผชิญหน้ากับจักรพรรดิปราชญ์”
คำพูดของ’เนี่ยหลี่’ทำให้’หลงยู่อิน’ตกตะลึง สิ่งที่’เนี่ยหลี่’พูดนั้นเกินกว่าจินตนาการของนางเสียอีก
‘เนี่ยหลี่’เริ่มพูดต่อ
“มีอีกหลายสิ่งที่เจ้ายังไม่รู้ ผู้ที่เรียนเทคนิคทำนายชะตาฟ้าเท่านั้นจึงจะสามารถเชื่อมต่อกับมันได้ ปรมาจารย์เฉียนคง 玄空:ไร้ลักษณ์ ปรมาจารย์เทียนเหยี่ยน 天衍:เทียมฟ้าและอาจารย์ของเจ้าปรมาจารย์ ยู่อวี่่ 巫羽:ขนนกมนตรา ต่างก็ฝึกเทคนิคทำนายชะตาฟ้าทั้งสิ้น เทคนิคนี้จะช่วยพัฒนาร่างกายของพวกเขา ก่อนที่จะบรรลุจุดสุดยอด พวกเขาจะต้องตาย มิฉะนั้นจะเป็นเหตุให้นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์เกิดความพินาศได้ เพราะว่าเมื่อเทคนิคนั้นบรรลุขั้นจุดสุดยอด จักรพรรดิปราชญ์ จะรับรู้ถึงการมีอยู่พวกเขา ผู้ที่ฝึกฝนเทคนิคทำนายชะตาฟ้าล้วนแต่เป็นศัตรูของจักรพรรดิปราชญ์ทั้งสิ้น!”
“ในหลายแสนปีมานี้ มีอัจฉริยะจำนวนมากได้ตกตายลงด้วยน้ำมือจักรพรรดิปราชญ์จนไม่สามารถนับได้ เขาต้องการรักษาอำนาจที่แน่นอนของเขาไว้”
“มันเป็นเรื่องธรรมดา ที่มีคนต่อต้านเขา เหล่าอัจฉริยะที่เรียนเทคนิคทำนายชะตาฟ้าพยายามทำลายผนึกห้วงมิติเวลาเพื่อที่จะเชิญหน้ากับจักรพรรดิปราชญ์อย่างไรก็ตามไม่มีผู้ใดทำมันได้สำเร็จ”
‘หลงยู่อิน’เข้าใจอย่างคลุมเครือกับคำพูดของ ‘เนี่ยหลี่’
ก่อนที่ปรมาจารย์ ยู่อวี่่ 巫羽:ขนนกมนตรา จะตายนางกล่าวว่า
“สวรรค์นั้นโหดร้ายและมนุษย์มีชะตาที่จะต้องถูกทำลาย ดวงวิญญาณนับล้านจักต้องไม่ตายอย่าง ไร้ค่า หลงยู่อินเวลานั้นมีจุดสิ้นสุดและชีวิตของแต่ละคนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเวลาไร้สิ้นสุด อย่าได้สนใจกับการจากไปของข้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เจ้าจะต้องไม่ฝึกฝนเทคนิคทำนายชะตาฟ้าเด็ดขาด เทคนิคทำนายชะตาฟ้าต้องการผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น”
เทคนิคทำนายชะตาฟ้าเป็นเทคนิคการบ่มเพาะที่ทรงพลัง มันกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของ ‘หลงยู่อิน’ยิ่งนัก นางต้องการที่จะเรียนรู้มัน แต่มันก็ถูกชิงไปโดย ‘อิงเย่วลู่’ และนางก็ไม่สามารถเรียนรู้มันได้อีก
ถ้านี่คือความจริง!
หัวใจของ’หลงยู่อิน’สั่นไหว น้ำตาเอ่อล้นจากดวงตาของนาง
นั่นไม่ได้หมายความว่าศิษย์พี่ของนางที่ได้เรียนเทคนิคทำนายชะตาฟ้าจะตายเมื่อไรก็ได้หรือ?!
ความเข้าใจผิดของ’หลงยู่อิน’ ต่อ ‘อิงเย่วลู่’ กระจ่างชัดพร้อมกับข้อสงสัยของนาง ตอนนี้นางอดไม่ได้ที่จะกังวลเกี่ยวกับศิษย์พี่ของนาง
‘เนี่ยหลี่’ จ้อง’หลงยู่อิน’ ในขณะที่เขาพูดด้วยเสียงต่ำ
“หลงยู่อิน ข้าวางแผนที่จะเผชิญหน้ากับ จักรพรรดิปราชญ์ เจ้าจะช่วยข้าไหม”
จากคำพูด ‘เนี่ยหลี่’ ‘หลงยู่อิน’ มองลึกลงไปในดวงตาของเขา ความจริงแล้ว ‘เนี่ยหลี่’ช่างกล้าหาญยิ่งนัก ที่อาจหาญเผชิญหน้าจักรพรรดิปราชญ์ที่ไม่มีใครเคยประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม ‘เนี่ยหลี่’ไม่ได้ลังเลเลยที่จะทำมัน
“ไม่ว่าเรื่องใด ขอเพียงท่านบอกข้า ข้าก็จะทำมัน!”
‘หลงยู่อิน’กล่าวด้วยความจริงจัง
‘เนี้ยหลี่’มองไปที่’หลงยู่อิน’ ในขณะที่เขากล่าวว่า
“หลงยู่อิน การที่จะเผชิญหน้ากับจักรพรรดิ์แห่งนักปราชญ์เพียงผู้เดียวนั้นไม่เพียงพอ ข้าต้องการให้เจ้าควบคุมตระกูลผนึกมังกรและขึ้นเป็นผู้นำตระกูล”
‘หลงยู่อิน’สงสัยกับคำพูด’เนี่ยหลี่’
“ท่านต้องการให้ข้าเป็นผู้นำตระกูลผนึกมังกรเช่นนั้นหรือ ? ข้าจะทำได้อย่างไร? อีกทั้งหลงเทียนหมิงนั้นแข็งแกร่งกว่าข้ามากนัก”
‘เนี่ยหลี่’มองไปที่’หลงยู่อิน’ขณะที่เขาพูดด้วยท่าทีจริงจัง
“หากเจ้ามีความตั้งใจจริงเจ้าสามารถทำมันได้อย่างแน่นอน ความสามารถของเจ้าหาได้ด้อยไปกว่าหลงเทียนหมิงไม่ เพียงแค่เขาได้บ่มเพาะพลังก่อนเจ้า อีกทั้งเจ้าเองก็มีจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้าเช่นเดียวกับเขา ตอนนี้เจ้ามีข้าช่วยชี้แนะในการบ่มเพาะพลัง เจ้าจะเหนือกว่าหลงเทียนหมิงได้อย่างแน่นอน แต่ก่อนหน้านั้น ข้าต้องการให้เจ้าก่อตั้งกองกำลังในโลกภายนอกภายใต้ชื่อของเจ้าเสียก่อนข้าจะช่วยเหลือเจ้าในเรื่องนั้นเอง”
จากคำพูดของ ‘เนี่ยหลี่’ สีหน้าที่งงงวยของนางก็กระจ่างชัดขึ้น นางพยักหน้า
“ค่ะ ข้าจะเชื่อฟังท่าน “
“เจ้ามีสายเลือดมังกร ไหลเวียนภายในร่างกายของเจ้า ยังคงมีขีดจำกัดที่สำคัญที่ยังไม่ได้คลายผนึกเส้นลมปราณ เมื่อขีดจำกัดของเจ้าถูกเปิดแล้วระดับพลังของเจ้าจะพุ่งไปถึงระดับที่น่ากลัวเลยทีเดียว ด้วยพลังระดับนั้นไม่ใช่สิ่งที่หลงเทียนหมิงจินตนาการได้ เมื่อข้าเป็นอาจารย์ของเจ้า ข้าจะช่วยคลายผนึกเส้นลมปราณของเจ้าให้เอง แต่พวกเราต้องหาสถานที่ลับ เพื่อทำเรื่องเหล่านี้สักวันหนึ่งฟังแปลกๆแฮะ”
‘เนี่ยหลี่’พูด คลายผนึกเส้นลมปราณในร่างกายข้า? ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้เข้าใจคำพูดของ’เนี่ยหลี่’มากนัก ‘หลงยู่อิน’ก็รู้สึกได้ว่า’เนี่ยหลี่’นั้นไม่ได้โกหกนาง เมื่อเส้นลมปราณของนางถูกเปิดแล้ว ระดับพลังของนางจะพุ่งทะยานไปถึงระดับใหนกัน?
‘หลงยู่อิน’ อดไม่ได้ที่จะเพิ่มความคาดหวังของนาง
หาก’หลงยู่อิน’สามารถช่วยเขาควบคุมตระกูลผนึกมังกรได้นั้น มันจะทำให้’เนี่ยหลี่’ก้าวเข้าไปใกล้กับตำแหน่งผู้นำนิกายเข้าไปอีกขั้น
เพื่อที่จะสู้เพื่อตำแหน่งผู้นำนิกาย มันยังมีเงื่อนไขอีกมากที่ต้องบรรลุ แม้แต่คนอย่าง’หลงเทียนหมิง’เองก็ยังบรรลุเหล่านั้นได้ไม่หมด ดังนั้น’เนี่ยหลี่’จะค่อยๆทำมันอย่างช้าๆ
ชั่วระยะเวลาสั้นต่อมา ‘หลี่ซิงอวิ๋น’ก็กลับมา เมื่อเขาเห็น’หลงยู่อิน’อยู่กับ’เนี่ยหลี่’เขาตกตะลึงก่อนที่จะหัวเราะและยกนิ้วโป้งให้กับ’เนี่ยหลี่’
‘เนี่ยหลี่’ช่างสุดยอดเสียจริง ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เพิ่งจากไปและตอนนี้ก็มีสาวงามอีกคนมาอยู่ข้างกายเขาแถมยังเป็น’หลงยู่อิน’ ที่ทุกคนต่างรู้ในความอารมณ์ร้อนของนาง เขาทำให้’หลงยู่อิน’เชื่อฟังเขาตั้งแต่เมื่อไรกัน ‘หลี่ซิงอวิ๋น’อดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่เขาเห็นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาหรือไม่
เมื่อหญิงที่ดุร้ายได้พบกับคนที่สามารถปราบนางได้อย่างสมบูรณ์นางจะสูญเสียความดุร้ายของนางไป
‘เนี่ยหลี่’รุ้ว่า’หลี่ซิงอวิ๋น’เข้าใจผิด เขายิ้มอย่างขมขื่น
“มันไม่ใช่สิ่งที่ท่านคิด นางแค่ขอเป็นศิษย์ข้าเท่านั้น”
‘หลี่ ซิงอวิ๋น’ตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วเขาพยักหน้าและยิ้ม
“โอ้ ข้าคิดว่านางเป็นผู้หญิงของเจ้าเสียอีก”
ใบหน้า’หลงยู่อิน’ เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความอายหลังจากที่ได้ยินคำพูดของ’หลี่ซิงอวิ๋น ‘
‘หลี่ซิงอวิ๋น’นั้นเป็นคนที่ตรงไปตรงมา เขาไม่สนว่า’หลงยู่อิน’นั้นจะคิดเกี่ยวกับมันเช่นไร
ในความเป็นจริง ‘หลี่ซิงอวิ๋น’ ค่อนข้างชื่นชม ‘เนี่ยหลี่’ ไม่ว่าความสัมพันธ์ของ’หลงยู่อิน’และ’เนี่ยหลี่’จะเป็นเช่นไร เขาก็ยังคงตระหนักถึงอารมณ์ของนาง มันทำให้คู่หมั้นของนางพิการมาแล้ว แต่ตอนนี้นางกลับเชื่อฟังคำสั่ง’เนี่ยหลี่’
“ท่านพี่ ซิงอวิ๋น หลงยู่อินได้ตัดสินใจที่จะต่อสู้เพื่อตำแหน่งผู้นำตระกูลของตระกูลผนึกมังกร หากนางต้องการที่จะสร้างกองกำลังของนางเองในอนาคต ข้าอยากจะขอให้ท่านพี่ ซิงอวิ๋น ช่วยนางสักหน่อย “
‘เนี่ยหลี่’ยิ้มเล็กน้อย
ได้ยินคำพูดของ’เนี่ยหลี่’ ‘หลี่ซิงอวิ๋น’ ตกตะลึงชั่วครู่ นี้เป็นที่น่าตกใจอย่างมากสำหรับเขา
อย่างไรก็ตาม ‘กู้เบ่ย’ได้กลายเป็นผู้สืบทอดลำดับ1 ใตระกูลกู่ ภายใต้การส่งเสริมของ’เนี่ยหลี่’ ‘หลงยู่อิน’ก็ตัดสินใจที่จะเข้าต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งผู้นำตระกูล
โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้’เนี่ยหลี่’มีสองตระกูลอยู่ภายในกำมือของเขาแล้ว และ’หลี่ซิงอวิ๋น’ ก็ ได้รับการช่วยเหลือในการต่อสู้ชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลในตระกูลเถ้าอัคคี
นี้เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่?
หรือมันเป็นความตั้งใจโดย ‘เนี่ยหลี่’?
หากเป็นเช่นนั้นจริงมันช่างน่าตกใจมากเกินไป!
‘หลี่ซิงอวิ๋น’รู้สึก เหตุผลมันแปลกออกมาเล็กน้อย การทำธุรกิจของเขากับ ‘เนี่ยหลี่’ไม่น่าจะมีสิ่งใดแอบแฝง มันอาจเป็นแค่ความตั้งใจของ’เนี่ยหลี่’ที่จะทำธุรกิจกับเขา
‘หลี่ซิงอวิ๋น’ตื่นจากห้วงความคิดและยิ้มออกมาเล็กน้อย
“เจ้าไว้ใจได้เลย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ก่อนที่กองกำลังของกู้เบ่ยและหลงยู่อินจะเติบโตอย่างเต็มที่ข้าจะช่วยพวกเขาอย่างดีที่สุด”
‘หลงยู่หยิ๋น’กล่าว
“มันเป็นเรื่องง่ายหากข้าจะสร้างกองกำลัง คนของบิดาข้าใกล้จะถอนตัวแล้วตั้งแต่ที่ข้าไม่คิดจะต่อสู้เป็นผู้นำตระกูลผนึกมังกรแต่ตอนนี้ข้าพร้อมที่จะสู้แล้วพวกเขายินดีที่จะกลับมาอย่างแน่นอน”
นี้เป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลที่ว่าทำไมฐานะ ของ’หลงยู่อิน’ภายใน ตระกูลผนึกมังกรถึงได้พิเศษนัก
แม้นางจะไม่ได้เป็นผู้สืบทอดอันดับที่ 1 แต่บิดาของนั้นสามารถที่จะสนับสนุนนางโดยมอบจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้ากับนางได้ จึงบอกได้เลยว่าบิดาของนางนั้นเป็นคนที่ทรงอำนาจคนหนึ่งเลยทีเดียว
เนื่องจากผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าคนของพ่อ’หลงยู่อิน’ ก็ยังคงจงรักภักดีต่อ’หลงยู่อิน’จึงไม่มีใครในตระกูลผนึกมังกรที่จะกล้าแตะต้องนาง แม้ว่านางเป็นเพียงผู้สืบทอดลำดับเจ็ดก็ตามแต่นางก็ไม่ได้ให้ความเคารพ’หลงเทียนหมิง’แต่อย่างใด
‘เนี่ยหลี่’เข้าใจแล้วว่าเหตุใดอาจารย์ของเขาจึงบอกว่า’หลงยู่อิน’นั้น เป็นจุดสำคัญต่อแผนของเขาที่จะทำให้เขากลายเป็นผู้นำนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์!
หาก’หลงยู่อิน’ชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลผนึกมังกรได้ล่ะก็ มันจะทำให้’เนี่ยหลี่’ต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งผู้นำนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตามหากว่านางต้องการตำแหน่งผู้นำตระกูล ‘หลงยู่อิน’จะต้องก้าวข้าม’หลงเทียนหมิง’ให้ได้เสียก่อน
อย่างไรก็ตาม ‘เนี่ยหลี่’ไม่ได้กังวล เขาจะดำเนินการเรื่องเหล่านี้อย่างช้าๆ
หลังจากการจัดสิ่งอื่น ๆ เขาก็บอกหลงยู่อิน เพื่อกลับไปตระกูลของนางและรวบรวมคนของบิดานาง
สามวันต่อมา’หลี่ ซิงอวิ๋น’ นำ ‘เนี่ยหลี่’พร้อมคนไม่กี่คนของเขาเพื่อออกไปยังโลกภายนอก
ขอบคุณแอดมินที่ช่วยแปลประโยคยากๆ กับชือตัวละครคับ
แปลโดย
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: