I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 444.30 เทพธิดาแห่งปัญญาจื่อฮุ้ย

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 19704 | 2337 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

เนี่ยลี่ เนี่ยหยู่ เทพธิดายู่หยาน เอียมัว เอียเซิ่งและหมิงเฟย ได้เดินทางไปทางเหนือของเมืองกลอรี่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของถ้ำน้ำแข็ง
ที่ว่ากันว่ามีอสูรวายุเหมันต์ระดับตำนานสามตน เฝ้าอยู่

เมื่อไปถึง ณ ที่แห่งนั้น พวกเขาก็พบว่ามีอสูรวายุเหมันต์ขนาดใหญ่สามตนอยู่จริง ๆ แต่ระดับพลังของพวกมันนั้นหาได้อยู่แค่เพียงระดับตำนานไม่

“ระดับพลังของพวกมันอยู่ในระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่ห้า”

เนี่ยลี่พูดขึ้นมาท่ามกลางพายุหิมะอันรุนแรง

ระดับพลังของทุกคนในตอนนี้ เทพธิดายู่หยานอยู่ในระดับเทพสงครามขั้นที่แปด เนี่ยลี่อยู่ในระดับเทพสงครามขั้นที่หนึ่ง เอียเซิ่งอยู่ในระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ขั้นที่เก้า เอียมัวและหมิงเฟยนั้นอยู่ในระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่ห้า ส่วนเนี่ยหยู่นั้นอยู่ในระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่สาม ในตอนนี้พวกเขานั้นใช้ศิลาเร้นเมฆาปิดกั้นพลังของตัวเองอยู่ในระดับตำนานเท่านั้น

“เจ้าพวกมนุษย์ พวกเจ้าบุกมายังที่แห่งนี้ด้วยเหตุใดกัน?”

มังกรวายุเหมันต์พูดขึ้นมา พร้อมกับปลดปล่อยลมปราณที่เป็นดั่งพายุหิมะออกมาอย่างรุนแรง ร่างกายของมันเป็นมังกรขนาดใหญ่ที่มีเกล็ดเป็นน้ำแข็ง ที่ด้านหลังของมันมีปีกอันใหญ่โต หากมองแบบผิวเผินจะเห็นดั่งก้อนน้ำแข็งที่ถูกแกะสลักเป็นรูปมังกร

“มังกรวายุเหมันต์ เจ้าตาบอดหรืออย่างไร ในกลุ่มพวกมันมีเทพวิญญาณอยู่ถึงสองตน”

กุญชรวายุเหมันต์พูดขึ้นมา ร่างกายของมันเป็นช้าง แต่งวงของมันเป็นดั่งแท่งน้ำแข็ง มีขนสีขาวปกคลุมอยู่ทั่วทั้งร่างกาย

“หรือว่าพวกมันคิดจะมาช่วยเทพธิดาแห่งปัญญาจื่อฮุ้ย”

วิหควายุเหมันต์ ที่เกาะอยู่บนปากถ้ำพูดขึ้นมา ร่างกายของมันเป็นดั่งวิหคทั่ว ๆ ไป มีแววตาและขนสีฟ้า ขนของมันเป็นดั่งแท่งน้ำแข็งที่เกาะอยู่ทั่วทั้งร่างกาย

“เสี่ยวหยู่ เจ้าคิดว่าจะรับมือพวกมันได้หรือไม่?”

เนี่ยลี่หันไปพูดกับเนี่ยหยู่พร้อมกับลูบหัว นางเป็นผู้มีพลังอ่อนด้อยที่สุดก็จริง แต่เมื่อมีเนี่ยลี่อยู่ด้วยระดับพลังของนางสามารถเพิ่มสูงขึ้นได้ถึงสองเท่า เนื่องจากห้วงขอบเขตวิญญาณที่เชื่อมต่อกันอยู่

“หากสักตัวหนึ่ง ข้าคงจะรับมือได้”

เนี่ยหยู่เงยหน้ามองเนี่ยลี่และตอบกลับมา

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงเดินออกไปข้างหน้า ส่วนที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”

เนี่ยลี่พูดพร้อมกับยิ้ม

ทันที ที่เนี่ยหยู่ก้าวขาออกไปด้านหน้า พร้อมกับเก็บศิลาเร้นเมฆาไป กลิ่นอายลมปราณที่แผ่ออกมา ทำให้พายุหิมะน้ำแข็งไม่อาจที่จะมาทำอะไรเนี่ยหยู่ได้

“เจ้าพวกอสูรทั้งสาม พวกเจ้ามีความกล้าพอที่จะสู้กับน้องสาวของข้าหรือไม่?”

เนี่ยลี่ตะโกนออกไป สัตว์อสูรที่มีภูมิปัญญามักจะมีความหยิ่งทะนงตนไม่ต่างจากมนุษย์

“เจ้าคิดจะดูถูกพวกเข้าเช่นนั้นหรือ”

มังกรวายุเหมันต์พูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ คำพูดของเนี่ยลี่เป็นการดูหมิ่นพวกมันอย่างเห็นได้ชัด

“น่าสนุก พวกเราก็เฝ้าอยู่ที่นี่มาหลายร้อยปีแล้ว ข้าจะเป็นคู่มือกับเจ้าเด็กน้อยผู้นั้นเอง”

วิหควายุเหมันต์พูดพร้อมกับสยายปีกน้ำแข็งของมันออกมา

“มีดเพลิงสีชาด!”

เนี่ยหยู่เรียกมีดเพลิงสีชาดออกมาพร้อมกับปาออกไปที่วิหควายุเหมันต์ ขณะที่ปาออกไปมีเปลวเพลิงอันร้อนแรงห่อหุ้มทั่วทั้งใบมีด พื้นหิมะก็ถึงกับหลอมละลายด้วยความร้อนแรงของเปลวเพลิงนี้

“น่าขันยิ่งนัก พายุหะปีกน้ำแข็ง!”

วิหควายุเหมันต์กระพือปีกออกมา และปล่อยให้ขนน้ำแข็งของมันพุ่งเข้าปะทะกับมีดเพลิงสีชาด

ตูมม!

แรงปะทะของมีดเพลิงสีชาดและปีกน้ำแข็งของวิหควายุเหมันต์ ทำให้พลังของทั้งสองฝ่ายสลายไป มีดเพลิงสีชาดกระเด็นกลับมาอยู่ในมือของเนี่ยหยู่

“เนี่ยลี่ ดูเหมือนว่าศึกนี้จะเกินกำลังของเสี่ยวหยู่นะ”

เอียเซิ่งหันมาพูดกับเนี่ยลี่ด้วยความกังวล

“ท่านพ่อตาอย่าได้กังวล เสี่ยวหยู่มิได้มีความสามารถเพียงเท่านี้”

เนี่ยลี่ส่ายหน้าและตอบกลับไป ดวงตาของเขายังคงจับจ้องไปที่การต่อสู้ของเนี่ยหยู่

“มีดศิลาน้ำแข็ง!”

เนี่ยหยู่เรียกมีดน้ำแข็งออกมาและปาไปที่พื้นด้านหน้าของวิหควายุเหมันต์ ทันทีที่มีดน้ำแข็งปักลงที่พื้น ก็ปรากฏศิลาน้ำแข็งก่อตัวล้อมวิหควายุเหมันต์เอาไว้ ทำให้วิหควายุเหมันต์ราวกับถูกแช่อยู่ในก้อนน้ำแข็ง

“ข้านั้นเป็นอสูรวายุเหมันต์ การถูกแช่แข็งเพียงเท่านั้น ก็ไม่ต่างจากหิมะที่ร่วงหล่นลงบนปีกของข้า”

วิหควายุเหมันต์ขยับตัวเพียงเล็กน้อย ศิลาน้ำแข็งของเนี่ยหยู่ก็ค่อย ๆ แตกตอก

ฟุ่บบ!

เสียงของสิ่งหนึ่งพุ่งทะลุตรงโคนปีกของวิหควายุเหมันต์ ทำให้เลือดของมันกระจายอยู่เต็มพื้นหิมะ

“นี่มันอะไรกัน?”

วิหควายุเหมันต์พูดขึ้นด้วยความตกใจ เขานั้นมองไม่เห็นเลยว่าถูกโจมตีด้วยสิ่งใด

มีดไร้ลักษณ์กลับมาอยู่ในมือของเนี่ยหยู่อีกครั้ง ด้วยคำชี้แนะจากเนี่ยลี่ก่อนหน้านี้ ทำให้เนี่ยหยู่สามารถใช้มีดไร้ลักษณ์ได้ดังใจ คนอื่น ๆ จะเห็นรูปลักษณ์ของมีดในขณะที่อยู่ในมือของเนี่ยหยู่เท่านั้น

“มีดไร้ลักษณ์”

เนี่ยหยู่ปาออกไปอีกครั้ง แม้จะเป็นมีดที่ปาออกไปทางด้านหน้า แต่การเคลื่อนไหวของมีดนั้นเป็นไปดั่งความต้องการของเนี่ยหยู่

ทันทีที่มีดไร้ลักษณ์หลุดออกจากมือของเนี่ยหยู่ รูปลักษณ์ของมันก็ค่อย ๆ จางหายไป วิหควายุเหมันต์ทำได้แค่เพียงคาดเดาทิศทางของมีดไร้ลักษณ์เท่านั้น มันพยายามกระพือปีกที่ได้รับบาดเจ็บบินหลบขึ้นไปด้านบน

ฟุ่บบ!

แม้ว่าจะบินหลบไปทางด้านบน แต่มีดไร้ลักษณ์กลับพุ่งทะลุเข้าที่หัวของวิหควายุเหมันต์จากทางด้านหลัง ทำให้วิหควายุเหมันต์ถูกสังหารในทันที หลังจากนั้นมีดไร้ลักษณ์ก็กลับมาอยู่ในมือของเนี่ยหยู่อีกครั้ง

“นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น”

มังกรวายุเหมันต์พูดขึ้นมาด้วยความโกรธเกรี้ยว พวกของมันถูกสังหารไปอย่างง่ายดาย ด้วยฝีมือของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง

“ต่อไปใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า”

เอียมัวเดินออกไปข้างหน้า พร้อมกับถือกระบี่เอาไว้ในมือ นี่คือกระบี่วายุเหมันต์ศาสตราวุธคู่กายของเอียมัว

“เจ้าพวกมนุษย์ที่น่ารังเกียจ ข้าจะฆ่าพวกเจ้าซะ”

กุญชรวายุเหมันต์พ่นพายุน้ำแข็งออกมาจากงวงของมัน และมังกรวายุเหมันต์ก็พุ่งเข้าหาเอียมัวทันที

ตูมม!

เสียงของมังกรวายุเหมันต์ถูกเอียเซิ่งที่ผสานเข้ากับวานรวายุเหมันต์กระโดดถีบเข้าอย่างจัง จนทำให้มังกรวายุเหมันต์กระเด็นออกไป

“คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!”

เอียเซิ่งตะโกนออกไปหลังจากที่ถีบมังกรวายุเหมันต์กระเด็นไปแล้ว

“พวกเจ้าจงเข้าไปในถ้ำ พวกข้าจะจัดการเจ้าอสูรสองตนนี้เอง”

เอียมัวหันไปบอกกับพวกเนี่ยลี่

“พวกข้าเข้าใจแล้ว เสี่ยวหยู่ พวกเราไปกันได้แล้ว”

เนี่ยลี่พยักหน้าและเรียกเนี่ยหยู่ให้ตามเข้าไปในถ้ำ

ภายในถ้ำน้ำแข็ง

เพียงแค่เดินเข้าไปเพียงไม่กี่ก้าว ก็พบกับร่างของหญิงผู้หนึ่ง อยู่ด้านในนั้น

นางมีผมและดวงตาสีทอง สวมชุดผ้าฝ้ายสีขาว ดั่งเทพธิดาที่อยู่บนสรวงสวรรค์ มีเครื่องประดับตรงหน้าผากและด้านบนใบหูของนาง
นางนั้นราวกับว่ารู้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะเดินทางมาหานาง

“ข้ารู้ว่าพวกเจ้านั้นมาด้วยเหตุผลใด”

เทพธิดาแห่งปัญญาจื่อฮุ้ย พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

“คารวะท่านเทพธิดาแห่งปัญญาจื่อฮุ้ย”

เทพธิดายู่หยาน และ หมิงเฟยประสานมือคารวะอย่างนอบน้อม แม้ว่าจะอยู่ในฐานะเทพวิญญาณเช่นเดียวกัน แต่เทพธิดาจื่อฮุ้ยนั้น
เป็นเทพแห่งปัญญามายาวนานกว่าพวกเขาทั้งสองคนนัก

“เมื่อท่านทราบว่าพวกข้ามาด้วยเหตุใด ขอให้ท่านช่วยชี้แนะหนทางในการต่อสู้กับจักรพรรดิปราชญ์ให้แก่พวกข้าด้วย”

เนี่ยลี่ประสานมือและพูดออกไป

“ข้าเคยชี้แนะหนทางให้แก่ซื่อคงไปแล้ว แต่เขาก็ไม่อาจที่จะทำได้สำเร็จ”

เทพธิดาจื่อฮุ้ยพูดขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจ นางนั้นเป็นผู้บอกให้ซื่อคง ย้อนเวลากลับไปสังหารก่อนที่จักรพรรดิปราชญ์จะมีอำนาจดั่งเช่นในตอนนี้

“แล้วท่านไม่มีหนทางอื่นเลยเช่นนั้นหรือ?”

เทพธิดายู่หยานถามออกไป

“พวกเจ้าก็ทราบดีอยู่แล้ว พลังสัจธรรมทั้งสามสิบหกชนิด และพลังสัจธรรมแห่งเวลานั้นเรียกได้ว่าสามารถรับมือได้ยากที่สุด”

เทพธิดาจื่อฮุ้ยตอบกลับไป จากนั้นก็จ้องมองไปที่เนี่ยลี่และนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

“เดิมทีนั้น คนผู้หนึ่งจะสามารถครอบครองพลังสัจธรรมได้เพียงหนึ่งชนิดเท่านั้น แต่คนผู้นี้กลับครอบครองพลังสัจธรรมได้ถึงสามชนิด หากเจ้าสามารถรวบรวมพลังสัจธรรมทั้งสามสิบห้าชนิด ก็อาจจะใช้รับมือจักรพรรดิปราชญ์ได้ แต่ข้าก็ไม่อาจยืนยันได้”

เทพธิดาจื่อฮุ้ยพูดต่อ

“เดิมทีพลังสัจธรรมนั้นเป็นการทำความเข้าใจกับพลังนั้น ๆ แล้วข้าจะสามารถครอบครองพลังสัจธรรมทั้งหมดได้ด้วยวิธีใดกัน และหากข้านำพลังสัจธรรมมาจาก ท่านพี่ยู่หยาน หรือท่านอาจารย์ รวมถึงตัวท่านด้วย พวกท่านก็จะแตกสลายไปมิใช่หรือ?”

เนี่ยลี่พูดขึ้นมา เขาคิดถึงตอนที่แย่งชิงพลังสัจธรรมแห่งความตายมาจากเทพแห่งความตาย

“หากผู้ครอบครองพลังสัจธรรมนั้น สามารถเข้าถึงพลังที่แท้จริงของพลังสัจธรรมของตนเองได้อย่างถ่องแท้ จะสามารถสร้างผลึกแห่งพลังสัจธรรมขึ้นมาได้ ตำราจิตอสูรท่องเวลาก็เป็นหนึ่งในรูปลักษณ์ของผลึกแห่งสัจธรรม ทั้งข้า ยู่หยานและหมิงเฟย ต่างก็มีผลึกแห่งสัจธรรม แม้ว่าจะมอบให้แก่เจ้าไป พวกข้าก็ยังคงสามารถมีชีวิตต่อไปได้ แต่ในฐานะมนุษย์ผู้มีกายาแห่งเทพ”

เทพธิดาจื่อฮุ้ยอธิบาย

“แต่ร่างกายของมนุษย์คงไม่อาจที่จะรองรับพลังสัจธรรมทั้งหมดได้”

เทพธิดายู่หยานพูดขึ้นมา แม้ว่าร่างกายของเนี่ยลี่จะรองรับพลังสัจธรรมได้หลายชนิด แต่การที่จะรองรับพลังทั้งหมดนั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจเป็นไปได้

“ดังนั้นข้าจะถ่ายทอดวิธีการเข้าถึงพลังสัจธรรมแห่งความว่างเปล่าให้แก่เจ้า เดิมทีพลังสัจธรรมนี้เป็นของสหายผู้หนึ่งของข้า เมื่อเจ้าสามารถสร้างผลึกพลังสัจธรรมแห่งความว่างเปล่าขึ้นมาได้ รูปลักษณ์ของมันจะเป็นดั่งดวงจิตอสูร เป็นดวงจิตแห่งความว่างเปล่า หากเจ้าผสานเข้ากับมัน เจ้าจะสามารถใช้พลังนี้ดูดซับและแย่งชิงพลังสัจธรรมจากผู้ครอบครองที่เจ้าสามารถสังหารได้ จงนั่งลงหลับตาและฟังข้า”

เทพธิดาจื่อฮุ้ยจ้องไปที่เนี่ยลี่และพูดขึ้นมา

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเนี่ยลี่จึงนั่งลงและหลับตาทันที

“ความว่างเปล่าคือการไร้ตัวตน การไร้ตัวตนคือการไม่ยึดติดกับสิ่งใด ทุกสิ่งรอบกายเจ้าล้วนคืออนัตตา จงปล่อยวางความรู้สึกต่าง ๆ ทิ้งไป ความว่างเปล่านั้นไม่อาจที่จะสัมผัสได้ด้วยมือ จงใช้จิตใจของเจ้าสัมผัสถึงมัน”

เทพธิดาจื่อฮุ้ยถ่ายทอดวิธีการเข้าถึงพลังสัจธรรมแห่งความว่างเปล่าให้แก่เนี่ยลี่

จิตที่เคยสับสนของเนี่ยลี่ ค่อย ๆ สงบลง เขาเริ่มไม่รับรู้ถึงสิ่งที่อยู่รอบกายของเขา เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความว่างเปล่าที่อยู่ในจิตใจ หลังจากนั้นก็มีดวงจิตแห่งความว่างเปล่าปรากฏขึ้นมา เมื่อเนี่ยลี่เอื้อมมือไปสัมผัสมันก็ผสานเข้ากับห้วงขอบเขตวิญญาณของเนี่ยลี่ในทันที

จิตอสูรตนที่ห้าของเนี่ยลี่คือดวงจิตแห่งความว่างเปล่า มันค่อย ๆ ดูดซับพลังสัจธรรมทั้งสามชนิดที่อยู่ในตัวของเนี่ยลี่ ไปรวมอยู่ด้านในของดวงจิตแห่งความว่างเปล่านี้ เนี่ยลี่ยังสามารถเรียกใช้พลังสัจธรรมที่มีอยู่ในดวงจิตนี้ได้เช่นเดิม

จากนั้นเนี่ยลี่ก็ลืมตาขึ้นมา พลังสัจธรรมทั้งสี่ของเนี่ยลี่ถูกกักเก็บเอาไว้ในห้วงขอบเขตวิญญาณ ทำให้ระดับพลังของเนี่ยลี่เลื่อนขึ้นมาเป็นระดับเทพสงครามขั้นที่สองในทันที

“เจ้าคงเข้าใจได้โดยที่ข้าไม่ต้องอธิบายอีกต่อไป หลังจากที่เจ้าสามารถรวบรวมพลังสัจธรรมได้เกินกว่าครึ่ง เจ้าจะได้รับพลังสัจธรรมแห่งความเที่ยงแท้ เป็นพลังสัจธรรมที่ไม่มีผู้ใดเคยครอบครองมาก่อน มีเพียงตำนานเล่าขานว่าผู้ที่ได้รับพลังสัจธรรมแห่งความเที่ยงแท้ จะสามารถรับมือกับผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งเวลาได้”

เทพธิดาจื่อฮุ้ยพูดออกไป

หลังจากนั้นไม่นานเอียมัวและเอียเซิ่งก็เดินเข้ามาด้านใน พวกเขาสามารถสังหารมังกรวายุเหมันต์และกุญชรวายุเหมันต์ได้แล้ว และพวกเขาได้รับดวงจิตอสูรระดับตำนานมาจากอสูรวายุเหมันต์ทั้งสามตัวอีกด้วย……………..

จบตอน

แต่งโดย นายมะพร้าว

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments