I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 444.31 กระดูกมนตรา

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 18983 | 2359 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

เนี่ยลี่ลืมตาขึ้นมา และมองไปที่เทพธิดาจื่อฮุ้ย พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า

“ท่านเทพธิดาจื่อฮุ้ย พอจะทราบหรือไม่ว่า เทพจิตวิญญาณนั้นเก็บตัวอยู่ที่ใดบ้าง”

หลังจากที่ได้ยินคำถามจากเนี่ยลี่เทพธิดาจื่อฮุ้ย ก็ส่ายหน้า พร้อมกับยื่น ผลึกสัจธรรมแห่งปัญญาให้แก่เนี่ยลี่ พร้อมกับพูดขึ้นว่า

“เมื่อเจ้าได้ผลึกสัจธรรมแห่งปัญญาไป เจ้าก็จะทราบถึงที่อยู่ของ เทพจิตวิญญาณ ที่หลบซ่อนอยู่ในโลกใบเล็กได้ แต่ว่าเทพจิตวิญญาณส่วนใหญ่นั้น อยู่ในดินแดนเมฆาฝัน ซึ่งในตอนนี้เทพจิตวิญญาณที่เป็นอสูรได้ครอบครองอยู่”

เนี่ยลี่เอื้อมมือไปหยิบผลึกสัจธรรมแห่งปัญญาจากมือของเทพธิดาจื่อฮุ้ย ทันใดนั้นร่างกายของเทพธิดาจื่อฮุ้ยก็ค่อย ๆ กลายเป็นแสงลอยขึ้นไป

“ข้านั้นมีชีวิตอยู่ยาวนานมากพอแล้ว แม้ว่าจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แต่ข้าก็ไม่ต้องการอีกแล้ว”

เทพธิดาจื่อฮุ้ยพูดขึ้นมาพร้อมกับแปรเปลี่ยนกายาเทพของนางเป็นกระดูกมนตรา

“กระดูกมนตราสามารถใช้ผนึกพลังควบคุมกาลเวลาของจักรพรรดิปราชญ์ได้ แต่จำเป็นที่จะต้องใช้ทั้งหมดหกชิ้น และให้ผู้ที่กลับชาติมาเกิดทั้งหกร่วมมือกันจึงจะสามารถผนึกได้อย่างสมบูรณ์”

เสียงของเทพธิดาจื่อฮุ้ยดังขึ้นแล้วค่อย ๆ เงียบหายไป

“ปรมาจารย์เต๋าฉางเคยบอกแก่ข้าว่า ในอดีตพวกเขาทั้งหกเคยผนึกความสามารถในการควบคุมกาลเวลาของจักรพรรดิปราชญ์
ไว้ในกระดูกมนตราของเทพธิดาจินหยาน แต่ไม่เคยบอกข้าว่าจำเป็นต้องใช้กระดูกมนตราถึงหกชิ้น”

เนี่ยลี่พูดขึ้นมาหลังจากที่ครุ่นคิด

“น่าเสียดายที่ข้านั้นยังมีเพียงกายหยาบเท่านั้น หาไม่แล้วข้าจะยอมสละกายาเทพ เพื่อเป็นกระดูกมนตาให้แก่เจ้า”

หมิงเฟ่ยพูดขึ้นมา

“กายาเทพจะกลายเป็นกระดูกมนตราได้ ก็ต่อเมื่อเทพหรือเทพธิดาองค์นั้นทำด้วยความเต็มใจเท่านั้น การต่อสู้เพื่อแย่งชิงผลึกแห่งสัจธรรม คงใช้เพียงแค่กำลังไม่ได้แล้ว”

เทพธิดายู่หยานพูดขึ้นมา

“พวกเราจะกลับไปที่เมืองกลอรี่ก่อน จากนั้นข้าจะวางแผนการเดินทางอีกครั้ง”

เนี่ยลี่หันไปพูดกับทุกคน

หลังจากนั้นเนี่ยลี่ เนี่ยหยู เทพธิดายู่หยาน หมิงเฟย เอียมัว และเอียเซิ่งก็เดินทางกลับไปยังเมืองกลอรี่

ตำหนักเจ้าเมืองกลอรี่

เนี่ยลี่ เรียกเหล่าสหายของเขามารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่ได้รู้มา

“เจ้ารู้แล้วใช่หรือไม่ ว่าเทพจิตวิญญาณ อยู่ที่ใดบ้าง”

ลู่เพียวถามขึ้นมาเป็นคนแรก

“มีเพียงสามแห่งที่ข้ารู้มาจากผลึกสัจธรรมแห่งปัญญา คือ ทะเลทรายไร้ที่สิ้นสุด ป่าอสูรทมิฬ และพงไพรพิษ”

เนี่ยลี่เขียนแผนที่ลงบนกระดาษแผ่นหนึ่ง และเขียนให้ทุกคนดู

“ป่าอสูรทมิฬ! ที่แห่งนั้นเคยปรากฏอยู่ในความฝันของข้า”

เซี่ยวหนิงเอ๋อพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ

“ทะเลทรายไร้ที่สิ้นสุด ที่พวกเราไปค้นหาตำราจิตอสูรท่องเวลาใช่หรือไม่?”

เอียจื่ออวิ๋นพูดขึ้นมา นางเองก็มีความทรงจำแปลก ๆ เข้ามาในหัวของนางตอนที่ไปยังที่แห่งนั้น

“พงไพรพิษ ที่เจ้าเคยพูดเอาไว้ในชั้นเรียนตอนที่โต้เถียงกับเสิ่นซิ่วใช่หรือไม่?”

ลู่เพียวพูดขึ้นมาบ้าง เดิมทีเขาคิดว่าเนี่ยลี่แค่แกล้งพูดขึ้นมาเท่านั้น ไม่คิดว่าสถานที่แห่งนี้จะมีอยู่จริง

“หากเป็นไปได้ ข้าต้องการให้มีการเจราก่อนที่จะเริ่มต่อสู้กับ ผู้ครอบครองพลังสัจธรรมเหล่านั้น”

เทพธิดายู่หยานพูดขึ้นมา หลังจากครุ่นคิดถึงเรื่องกระดูกมนตรา

“ข้าคงต้องขอตัวกลับไปยังนครใต้พิภพ ข้าจะทำการบ่มเพาะพลัง เผื่อว่าจะสามารถสร้างกายยาเทพขึ้นมาได้ โชคดีตอนที่ข้าถูกเจ้าคนผู้นั้นสังหาร มันก็ได้รับบาดเจ็บจึงไม่ได้สังเกตุเห็นผลึกสัจธรรมของข้า”

หมิงเฟยพูดขึ้นมา ในตอนนี้ตัวเขานั้นไม่อาจที่จะเป็นกำลังให้แก่เนี่ยลี่ได้ เพราะระดับพลังของเขานั้นน้อยนักเมื่อเทียบกับเหล่าสหายของเนี่ยลี่

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะมอบยาทิพย์นี้ให้แก่ท่าน เพื่อช่วยในการบ่มเพาะพลัง เมื่อถึงเวลาเดินทางไปยังดินแดนเมฆาฝัน ข้าคงต้องรบกวนท่านแล้ว”

เนี่ยลี่พูดพร้อมกับหยิบยาทิพย์จากผลไม้แห่งพระเจ้าออกมาให้แก่หมิงเฟย

“ตกลงข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นครใต้พิภพ”

หมิงเฟยพูดจบก็ทะยานออกไปทางหน้าต่าง

“การเดินทางในคราวนี้ เจ้าจะให้พวกข้าเดินทางไปด้วยหรือไม่?”

ตู่ซือ่พูดขึ้นมาหลังจากที่นิ่งเงียบอยู่นาน

“ข้าจะเดินทางไปกับพี่ยู่หยาน แต่ข้าคิดว่าจะพาเอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อไปยังสถานที่ ที่พวกนางมีความทรงจำตกค้างอยู่”

เนี่ยลี่ตอบกลับไป

“อะไรกัน เจ้าคิดจะเดินทางโดยมีสาว ๆ ห้อมล้อมอีกแล้วหรือ”

ลู่เพียวพูดขึ้นด้วยความอิจฉา

“เจ้าพูดบ้าอันใดกัน สหายของเจ้าจะต้องออกไปทำภารกิจอันยิ่งใหญ่ แต่เจ้ากลับคิดแต่เรื่องพวกนี้!”

เซี่ยวซุ่ยพูดพร้อมกับบิดหูของลู่เพียวจงหูของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง

“เนี่ยลี่ เจ้าลืมเรื่องหนึ่งไปหรือไม่ ที่เมืองกลอรี่นี้ ก็มีเทพผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งวายุเหมันต์อยู่”

เอียเซิ่งพูดขึ้นมา

“เทพวิญญาณวายุเหมันต์!”

เนี่ยลี่พูดขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจ และพูดต่อไปว่า

“ข้ามิได้ลืม แต่ข้าจะเรียกร้องสิ่งนี้กับพวกท่านได้อย่างไรกัน เทพวิญญาณวายุเหมันต์ เป็นหนึ่งในบรรชนของตระกูลวายุเหมันต์ หากข้าร้องขอจากพวกท่าน คงไม่สมควรเป็นแน่”

“เรื่องนี้ให้ข้ากับเอียมัวเป็นผู้จัดการเรื่องนี้เอง”

บรรพชนผู้ก่อตั้งเอียหยาน พูดแทรกขึ้นมา หลังจากนั้นก็เดินออกไป

ห้องบูชาเทพวิญญาณวายุเหมันต์

“เทพวิญญาณวายุเหมันต์ ข้าคือ เอียหยาน หนึ่งในบรรพชนผู้ก่อตั้งเช่นเดียวกับท่าน”

บรรพชนผู้ก่อตั้งเอียหยานพูดออกไป

“เหตุใดเจ้าจึงอยู่ในร่างของหุ่นเชิดวิญญาณเช่นนี้?”

เสียงของเทพวิญญาณวายุเหมันต์ถามกลับมา

“หากข้ามิได้อยู่ในหุ่นเชิดวิญญาณ ข้าก็ไม่อาจที่จะออกมาจากพรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ได้”

บรรพชนผู้ก่อตั้งเอียหยานตอบกลับไป

“เจ้ามีธุระอันใดกับข้า?”

เทพวิญญาณวายุเหมันต์เอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง

“เรียนเทพวิญญาณวายุเหมันต์ ข้าคือเอียมัวหนึ่งในลูกหลานของท่าน บัดนี้สงครามใหญ่ใกล้ที่จะเข้ามาถึง พวกข้าต้องการให้กายาเทพของท่านกลายเป็นกระดูกมนตรา เพื่อที่จะนำไปใช้ผนึกพลังแห่งการควบคุมกาลเวลาของจักรพรรดิปราชญ์!”

เอียมัวประสานมือพร้อมกับก้มหัวพูดอย่างสุภาพ

“ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง”

เทพวิญญาณวายุเหมันต์พูดขึ้นมาเพียงเท่านี้ หลังจากนั้นรูปร่างของเขาก็ค่อย ๆ ละลายและกลายเป็นกระดูกมนตรา พร้อมกับมีผลึกแห่งสัจธรรมวางอยู่ข้าง ๆ กัน

“ขอบคุณท่านพรรชน”

เอียมัวประสานมือพร้อมกับก้มหัวคารวะอีกครั้งก่อนที่จะหยิบกระดูกมนตราและผลึกแห่งสัจธรรมขึ้นมา

หลังจากนั้นเอียมัวก็เดินกลับมาหาพวกเนี่ยลี่ พร้อมกับบรรพชนผู้ก่อตั้งเอียหยานที่บินตามมา

“เพียงเท่านี้ข้าก็สามารถรวบรวม พลังสัจธรรมได้แล้วหกชนิด และกระดูกมนตราอีกสองชิ้น”

เนี่ยลี่พูดขณะที่รับกระดูกมนตราและผลึกแห่งสัจธรรมมากจากเอียมัว

ในตอนนี้เนี่ยลี่นั้นครอบครอง พลังสัจธรรมแห่งแสง พลังสัจธรรมแห่งความมืด พลังสัจธรรมแห่งความตาย พลังสัจธรรมแห่งปัญญา พลังสัจธรรมแห่งวายุเหมันต์ และพลังสัจธรรมแห่งความว่างเปล่า

“เจ้าจะเดินทางไปยังที่ใดเป็นแห่งแรก?”

เอียจื่ออวิ๋นถามขึ้นมา

“ทะเลทรายไร้ที่สิ้นสุด บางทีเราอาจจะทราบเหตุผลของการพังทะลายของพระราชวังทองคำก็เป็นได้”

เนี่ยลี่มองไปที่เอียจื่ออวิ๋นและพูดออกไป พอคิดถึงพระราชวังทะเลทราย ก็ทำให้เนี่ยอดที่จะคิดถึงคืนที่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับเอียจื่ออวิ๋นในชีวิตที่แล้วไม่ได้

“นี่เจ้าคิดบ้าอันใดอยู่?”

เอียจื่ออวิ่นเห็นเนี่ยลี่ยิ้มแปลก ๆ จึงพูดออกไป

“ปะ ปะ เปล่า”

เนี่ยลี่ตื่นจากภวังค์ในทันที และรีบพูดปฏิเสธออกไป

“พรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทางกัน!”

เนี่ยลี่พูดพร้อมกับลุกขึ้น เขายังต้องพาเนี่ยหยู่กลับไปที่บ้าน

“เสี่ยวหยู่อย่าได้บอกกับใครนะว่าเจ้าไปสังหารอสูรวายุเหมันต์มา”

เนี่ยลี่พูดพร้อมกับลูบหัวเนี่ยหยู่ขณะที่เดินกลับบ้าน

“เหตุใดท่านพี่เนี่ยลี่ จึงไม่ให้ข้าพูดเรื่องนั้น?”

เนี่ยหยู่ถามกลับมาด้วยความสงสัย นางคิดจะไปพูดอวดเรื่องนี้กับบิดามารดาของนาง

“หากเสี่ยวหยู่พูดไป ลุงเนี่ยไค่กับน้าเหมียวหลิงจะต้องเป็นกังวล เจ้าต้องการเช่นนั้นหรือ?”

เนี่ยลี่ตอบกลับไป

“เสี่ยวหยู่ต้องการให้ท่านพ่อกับท่านแม่สบายใจ ถ้าเช่นนั้นเสี่ยวหยู่จะไม่พูดออกไป”

เนี่ยหยู่ยิ้มกว้างก่อนที่จะพูดกับเนี่ยลี่

“เสี่ยวหยู่เป็นเด็กดียิ่งนัก”

เนี่ยลี่หัวเราะพร้อมกับลูบหัวเนี่ยหยู่อย่างอ่อนโยน

ในคืนนั้นเนี่ยลี่ได้มอบยาทิพย์แก่เนี่ยหยู่อีกหนึ่งขวด จากนั้นก็ให้เนี่ยหยู่ไปดูดซับพลังที่ห้องของนาง

เช้าวันต่อมา ดูเหมือนว่า อากาศจะอบอุ่นขึ้น หลังจากที่อสูรวายุเหมันต์ทั้งสามถูกสังหารไป พวกมันไม่อาจที่จะกลับมาคืนชีพได้อีกเพราะสูญเสียดวงจิตอสูรไป เนื่องจากพวกมันไม่ได้นำชะตาวิญญาณไปฝากไว้ที่ใด เพราะพวกมันคิดว่าไม่มีใครที่จะสามารถสังหารพวกมันได้

ทะเลทรายไร้ที่สิ้นสุด

เนี่ยลี่ เอียจื่ออวิ๋น เซี่ยวหนิงเอ๋อ และเทพธิดายู่หยานได้เข้ามาในพื้นที่ของทะเลทราย

ทันใดนั้นก็มีสัตว์อสูรตนหนึ่งพุ่งเข้ามา เป็นสัตว์อสูรสีน้ำตาลมีเขา และมีหนามแหลมสีเงินที่กลางหลังและมีหางยาว เนี่ยลี่ยังจดจำมันได้เป็นอย่างดี สัตว์อสูรตัวนี้ คือตัวเดียวกับที่สังหารเอียจื่ออวิ๋นในชีวิตที่แล้วของเขา

“ข้าเคยพบเจอกับอสูรตัวนี้!”

เอียจื่ออวิ๋นพูดขึ้นมา ภาพความทรงจำในชีวิตที่แล้วปรากฏขึ้นมาอย่างเด่นชัด นางจำได้ว่าถูกเขาของอสูรตัวนี้แทงทะลุตัวนาง ทำให้นางถึงแก่ความตาย

“ข้าจะเป็นคนจัดการเจ้าอสูรตัวนี้เอง”

เอียจื่ออวิ๋นพูดพร้อมกับยื่นมือขวาไปข้างหน้า แม้จะอยู่ในทะเลทรายอันร้อนแรง เอียจื่ออวิ๋นก็ยังสามารถรวบรวมความชื่นในอากาศและสร้างพายุหิมะขึ้นปกคลุมที่ร่างของสูรตัวนี้ได้ ซึ่งทำให้อสูรตัวนี้ถูกแช่แข็งจนไม่อาจที่จะขยับตัวได้เลย

“คราวนี้ ฝันร้ายของข้าจะได้หายไปเสียที”

เอียจื่ออวิ๋นพูดขึ้นมาพร้อมกับกำมือ ทำให้อสูรที่อยู่ในก้อนหิมะ ถูกลำลายไปพร้อม ๆ กัน

“ใครกันที่กล้าสังหารลูกน้องของข้า!”

มีเสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งทะเลทรายแห่งไร้ที่สิ้นสุด

“เจ้าคืออสูรผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งทรายใช่หรือไม่?”

เนี่ยลี่ตะโกนถามออกไป

“กล้าดียิ่งนัก ที่มารุกล้ำดินแดนของข้า ข้ากำลังมองหาพระราชวังแห่งใหม่ เพื่อพักผ่อนแทนพระราชวังทะเลทรายเดิมของข้า”

อสูรผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งทรายพูด

“เจ้าเป็นผู้ทำลายพระราชวังทะเลทรายเองหรือ?”

เนี่ยลี่ถามด้วยความตกใจ

“ข้าแค่พยายามจะเข้าไปยังพระราชวังแห่งนั้น แต่มันเล็กเกินไป หลังจากที่ข้ามุดเข้าไป มันก็พังทะลายลงมา ฮ่าฮ่าฮ่า”

อสูรผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งทรายหัวเราะและตอบกลับไป………………จบตอน

แต่งโดย นายมะพร้าว

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments