I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 444.35 อสูรเทพทั้งห้า

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 17748 | 2364 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ดอกบัวในขั้นที่สี่มีชื่อว่าแก่นแท้แห่งดอกบัว เป็นดอกบัวสีเขียวที่มีถึงสิบสองกลีบ จุดพลังนี้อยู่ตรงกลางของร่างกายอยู่ระดับเดียวกับหัวใจ เป็นจุดพลังที่เรียกได้ว่า เป็นศูนย์กลางของเคล็ดวิชาเจ็ดดอกบัวเลยทีเดียว จูล่งเองก็ยังไม่เคยใช้จุดพลังที่เหนือกว่าขั้นนี้

“ใบมีดกลีบดอกบัว!”

กลีบดอกบัวสีเขียวทั้งสิบสองกลีบแยกเป็นชิ้น ๆ พุ่งเข้าหาหมิงเฟยอย่างรวดเร็ว หมิงเฟยนั้นทำได้เพียงแค่หลบหลีกและปัดป้องเท่านั้น ทันทีที่หมิงเฟยสัมผัสกลีบดอกบัว ก็ได้รับบาดแผลราวกับเป็นกระบี่ที่คมกริบ เนื่องจากว่ากลีบดอกบัวเหล่านี้ถูกห่อหุ้มไปด้วยพลังสัจธรรมแห่งน้ำแข็งที่คมกริบราวกับใบมีด

“ฝ่ามือสี่มังกรคำราม!”

หมิงเฝยปล่อยฝ่ามือมังกรออกจากทั้งสองมือ แต่มังกรทั้งสี่ก็สามารถทำลายกลีบดอกบัวได้เพียงแค่สี่กลีบท่านั้น ยังเหลืออีกแปดกลีบที่พุ่งเข้ามาจู่โจมหมิงเฟยอย่างต่อเนื่อง

หมิงเฟยรวมรวมลมปราณที่ฝ่ามืออีกครั้ง ในการใช้วรยุทธมังกรคำรามเป็นการสิ้นเปลืองพลังเป็นอย่างมาก
ในครั้งนี้เขาต้องใช้กระบวนท่าที่รุนแรกมากกว่าเดิม

“แปดมังกรพิโรธ!”

คลืนลมปราณของหมิงเฟย ปรากฏเป็นรูปร่างมังกรแปดตัวออกจากฝ่ามือของเขา และพุ่งเข้าปะทะกลีบดอกบัวอีกแปดกลีบที่เหลือและสลายไปทั้งสองฝ่าย

“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก!”

หมิงเฟยยืนหอบอยู่ เขาใช้พลังไปกับกระบวนท่าแปดมังกรพิโรธไปอย่างมาก ทำให้เขาหายใจแทบจะไม่ทัน

“ดูเหมือนว่า ฝีมือของพวกเรายังคงทัดเทียมกันไม่ต่างจากเมื่อก่อน”

หมิงเฟยพูดออกไปขณะที่กำลังหอบอยู่

“คงเป็นเช่นนั้น หากข้ามิได้เพิ่งจะบรรลุวิชาเจ็ดดอกบัวในขั้นที่ห้า”

จูล่งตะโกนขึ้นมา พร้อมกับระเบิดพลังดอกบัวขั้นที่ห้าออกมา

“ดอกบัวแห่งการรู้แจ้ง!”

ลมปราณของเขาแปรเปลี่ยนเป็นรูปดอกบัวสีฟ้าที่มีถึงสิบหกกลีบ จุดพลังนี้อยู่ตรงแนวตัดของไหล่กับกระดูกสันหลัง เป็นขั้นสูงของเคล็ดวิชาเจ็ดดอกบัว เป็นจุดแห่งปัญญา ระดับพลังของจู่งลงเมื่อเปิดจุดพลังจุดนี้ เขาก็มีพลังเทียบเท่ากับยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์

“นี่มันอะไรกัน!”

หมิงเฟยตะโกนออกไปด้วยความตกใจ เขาไม่คิดเลยว่าจูล่งจะบรรลุถึงขั้นที่ห้าของเคล็ดวิชาเจ็ดดอกบัวแล้ว

“นี่เป็นการโจมตีครั้งสุดท้าย หวังว่าเจ้าคงจะไม่ถึงกับตายนะ สิบหกดอกบัวปลิดวิญญาณ!”

จูล่งปล่อยลมปราณออกไปเป็นดอกบัวสิบหกกลีบ ถึงสิบหกดอก พุ่งเข้าโจมตีหมิงเฟยจากรอบทิศทาง

“อย่าคิดว่าเจ้านั้นสามารถก้าวข้ามระดับเคล็ดวิชาขั้นสูงได้เพียงผู้เดียว”

หมิงเฟยรีบคลายจุดเจียนจิ่งและจุดฟ่งเหม็น ที่เนี่ยลี่ได้ฝังเข็มเอาไว้ให้ ทำให้ระดับพลังของเขาเพิ่มสูงขึ้นในชั่วพริบตา

“สิบหกมังกรสวรรค์คำราม”

หมิงเฟยปลดปล่อยสิบหกมังกรออกมาจากร่างกายและพุ่งออกไปปะทะกับดอกบัวทั้งสิบหก

ตูมม! ตูมม! ตูมม! ตูมม!

เสียงระเบิดจากการปะทะกันของพลังทั้งสองดังกึกก้องไปทั่ว ทำให้เนี่ยลี่และเทพธิดายู่หยานได้สติในทันที ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสลบไปเป็นเวลาพอสมควร

“ท่านหมิงเฟยกำลังต่อสู้กับ คนที่ชื่อว่าจูล่ง”

เนี่ยลี่พูดขึ้นมาหลังจากที่จ้องมองขึ้นไปข้างบน

“เจ้าคิดว่าผู้ใดจะชนะ!”

เทพธิดายู่หยานเอ่ยถามขณะที่จ้องมองไปที่การต่อสู้

“จากระดับพลังที่ข้าสัมผัสได้ ในตอนนี้ท่านหมิงเฟยยังเหนือกว่าหนึ่งขั้น แต่การต่อสู้รุนแรงถึงเพียงนี้ จะต้องทำให้เหล่าเทพอสูรจิตวิญญาณทั้งหลายมาเป็นแน่”

เนี่ยลี่กวาดสายตาไปโดยรอบ หุบเขาและพื้นดินถึงกับถูกพังไปบางส่วน ทำให้พอคาดเดาความรุนแรงของการต่อสู้ระหว่างทั้งสองได้

ผลของการปะทะกันของพลังจากทั้งสองฝ่าย ดูเหมือนว่าดอกบัวสิบหกกลีบและสิบหกมังกรต่างก็สลายไปด้วยกันทั้งครู่ ในตอนนี้พลังของทั้งสองฝ่ายแทบไม่มีเหลืออีกต่อไป ทั้งคู่ร่วงลงมาบนพื้น นอนอยู่ไม่ไกลกันนัก

“ดูเหมือนว่าศึกคราวนี้จะไม่มีผู้ชนะ”

หมิงเฟยพูดขึ้นมา ขณะที่กำลังนอนแผ่อยู่กับพื้น

“ผิดแล้วหมิงเฟย ข้านั้นพ่ายแพ้ให้แก่เจ้า ระดับพลังของข้าสูงขึ้นเนื่องจากการใช้เคล็ดวิชาเจ็ดดดอกบัว แต่ระดับพลังของเจ้านั้นมาจากห้วงขอบเขตวิญญาณของเจ้าเอง”

จู่ล่งพูดขณะที่พยายามจะลุกขึ้นยืน

“เจ้าคือมิตรและศัตรูที่สำคัญของข้า แม้ข้าจะไม่รู้ว่าที่เจ้าพูดมาเกี่ยวกับจักรพรรดิปราชญ์นั้นจะเป็นจริงหรือไม่ แต่ข้าขอมอบกายาเทพและพลังสัจธรรมของข้าให้แก่เจ้า หากชาติหน้าข้าได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ข้าจะมาท้าประลองกับเจ้าอีก”

จูล่งพูดขึ้นมา ในขณะที่กายาเทพของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นกระดูกมนตรา

“ข้าจะนับวันรอที่จะได้ประลองกับเจ้าอีก”

หมิงเฟยลุกขึ้นยืนและมองดูจูล่งที่กำลังค่อย ๆ สลายไป

หลังจากนั้นหมิงเฟยก็เอือมมือไปหยิบแก่นแท้แห่งพลังสัจธรรมและกระดูกมนตราของจูล่ง ทันใดนั้น กระดูกมนตราและแก่นแท้แห่งพลังสัจธรรมของจูล่งก็ราวกับถูกพัดขึ้นไปในมือของอสูรตนหนึ่ง

“ช่างน่าซาบซึ้งยิ่งนัก แค่พ่ายแพ้ก็น่าอับอายมากพอแล้ว แต่นี่ถึงกับยอมสละกายาเทพให้แก่พวกมนุษย์ มันเป็นการหักหลังเผ่าอสูรอย่างแท้จริง”

เสียงอสูรตนหนึ่งพูดขึ้นมา อสูรตนนี้มีร่างกายเป็นนก แต่มีแขนขาดั่งมนุษย์ ที่ด้านหลังมีปีกสีเขียวอยู่ ชื่อของมันก็คือ ฟงเหยา 风妖:ปิศาจแห่งสายลม เป็นผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งวายุ เขาสามารถควบคุมสายลมได้ดั่งใจ

“นี่เจ้า จงคืนกระดูกมนตราและแก่นแท้แห่งพลังสัจธรรมของจูล่งมาให้กับข้า”

หมิงเฟยตะโกนออกไป เขากับจูล่งต่อสู้กันอย่างยุติธรรม เขาจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาฉกฉวยไปเป็นแน่

“เหตุใดข้าจะต้องคืนให้แก่เจ้าด้วย จูล่งเองก็เป็นสหายของข้า การที่ข้ามาเก็บกระดูกมนตราของเขาไว้ ก็ไม่เห็นว่าจะแปลกอันใด”

ฟงเหยาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

“อย่าได้มาเห่าเยี่ยงสุนัขเช่นนี้ อสูรเช่นพวกเจ้าไม่เคยมีพวกพ้อง ไหนเลยจะเป็นสหายกับจูล่งได้”

หมิงเฟยชี้ไปที่ฟงเหยาและพูดออกไปด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น

พรึ่บ!

ทันใดนั้นที่มือของฟงเหยาก็มีไฟลุกขึ้น ด้วยความตกใจจึงปล่อยให้กระดูกมนตราและแก่นแท้แห่งพลังสัจธรรมของจูล่งหล่นลงไป หมิงเฟยรีบไปความมาไว้ในทันที

“เนี่ยลี่ เทพธิดายู่หยาน”

หมิงเฟยพูดขึ้นมาด้วยความยินดีเมื่อได้เห็นทั้งสองคน

“ดูเหมือนว่าข้าจะทำให้ท่านลำบากไม่น้อย”

เนี่ยลี่ยิ้มและพูดออกไป

ฟงเหยารีบใช้ลมพัดให้ไฟที่ลุกอยู่ดับไป เปลวไฟของเทพธิดายู่หยานนี้ร้อนแรงไม่น้อย

“เทพธิดาแห่งอัคคียู่หยานเช่นนั้นหรือ? ครั้งนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปก่อน”

ฟงเหยาพูดขึ้นมาพร้อมกับพยายามบินหนีไป

“คิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าหนีไปเช่นนั้นหรือ?”

เนี่ยลี่บินไปด้วยความรวดเร็วและขวางฟงเหยาเอาไว้

“แม้ว่าข้าจะเอาชนะเจ้าสองคนไม่ได้ แต่เจ้าหมิงเฟยที่บาดเจ็บอยู่นั้น มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”

ฟงเหยาบินไปทางหมิงเฟยที่กำลังได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้

“กรงเล็บวายุ!”

ฟงเหยารวบรวมลมปราณและควบคุมสายลมทำให้กรงเล็บของมันคมกริบและพุ่งเข้าโมตีหมิงเฟยทันที

หมับ!

“ความสามารถเพียงเท่านี้คิดที่จะมาสังหารข้า ข้าจะลงโทษที่เจ้าลบหลู่จูล่ง”

หมิงเฟยใช้มือของเขารับกรงเล็บของฟงเหยา แม้ว่าจะทำให้มือของเขาบาดเจ็บ แต่ความโกรธแค้นของเขานั้นยังคงครุกรุ่นอยู่

“ฝ่ามือมังกรคำราม!”

หมิงเฟยใช้พลังทั้งหมดปล่อยออกไปขณะที่จับกรงเล็บของฟงเหยาเอาไว้ ความรุนแรงของฝ่ามือมังกรคำรามทำให้ฟงเหยาขาดใจตายในทันที เนื่องจากระดับพลังของเขาอยู่แค่เพียงระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่เก้าเท่านั้น

แก่นแท้แห่งพลังสัจธรรมของฟงเหยาร่วงหล่นอยู่บนพื้น หมิงเฟยหยิบมันขึ้นมาและบินขึ้นไปหาเนี่ยลี่และเทพธิดายู่หยาน และส่งมันให้กับเนี่ยลี่

“ต้องลำบากท่านหมิงเฟยแล้ว”

เนี่ยลี่รับกระดูกมนตราและแก่นแท้แห่งพลังสัธรรมทั้งสองมา และพูดออกไป

“ข้ากับจูล่งต่อสู้กันมาหลายพันปี ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ข้ากับจูล่งต่อสู้กันโดยที่ไร้ซึ่งความโกรธแค้น เป็นการทุ่มพลังต่อสู้กันด้วยความสามารถทั้งหมดที่ตนเองมี”

หมิงเฟยพูดขึ้นมาพร้อมกับมองไปยังสถานที่พวกเขาทั้งสองต่อสู้กัน

“หากท่านรู้สึกเช่นนั้น ข้าคิดว่าจูล่งเองก็คงไม่ต่างกัน”

เนี่ยลี่มองไปที่กระดูกมนตราและพูดออกไป

“ข้าคิดว่าเราควรจะหาที่หลบซ่อนกันก่อน หากเรายังอยู่ที่นี่ พวกอสูรเทพอาจจะมาพบได้”

เทพธิดายู่หยาน พูดออกไปขณะที่มองหาที่หลบซ่อนตัว

“ตกลง พวกเราจะต้องเตรียมการรับมือกับ อสูรเทพซานจี้และอสูรเทพเซิงอิน”

หมิงเฟยพยักหน้าตอบกลับไป

“หากเป็นเจ้าอสูรทั้งสองนั่น ข้าได้คิดหาทางรับมือเอาไว้แล้ว”

เนี่ยลี่พูดขึ้นมาพร้อมกับยิ้ม ก่อนที่จะบินไปหาที่พักรักษาอาการบาดเจ็บของหมิงเฟย

ในตอนนี้เนี่ยลี่นั้นมีกระดูกมนตราจำนวนห้าชิ้น และพลังสัจธรรมอีกสิบสามชนิด ต้องรวบรวมพลังสัจธรรมให้ได้เกินครึ่งหนึ่งจึงจะได้รับพลังสัจธรรมแห่งความเที่ยงแท้ ที่จะสามารถใช้รับมือกับจักรพรรดิปราชญ์ได้ และหากเป็นไปได้จะต้องหากระดูกมนตราให้ได้อีกหนึ่งชิ้น

อีกฟากหนึ่ง ทางด้านอสูรเทพห้าตนได้มารวมตัวกัน

“ในตอนนี้พวกเราเหลือผู้ครอบครองพลังสัจธรรมอยู่เพียงสิบเก้าคนเท่านั้น หากรวมกับท่านจักรพรรดิปราชญ์พวกเราเผ่าอสูรก็ครอบครองพลังสัจธรรมอยู่ถึงยี่สิบชนิด”

อสูรเทพซานจี้ผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งขุนเขาพูดขึ้นมา

“หากพวกเราคิดที่จะเผชิญหน้ากับพวกมันโดยตรง พวกเราคงพ่ายแพ้เป็นแน่ ระดับพลังของพวกมันนั้นสูงส่งกว่าพวกเรามากนัก”

อสูรเทพเซิงอินผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งเสียงพูดเสริมขึ้นมา

“ข้ารู้จุดอ่อนของพวกมัน พวกมันไม่ทำร้ายมนุษย์”

เทพอสูรค่งเจี้ยนผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งการควบคุม พูดพร้อมกับหัวเราะขึ้นมา

“หากพวกเราใช้มนุษย์เป็นโล่ห์ และใช้พลังแห่งสัจธรรมของพวกเราประสานกัน พวกเราก็สามารถเอาชนะพวกมันได้”

เทพอสูรชั่วเจวี๋ย 错觉:มายา ผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งมายา พูดพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่น่ากลัว ร่างกายของเขาเป็นเหมือนก้อนผลึกแก้วสีฟ้ามารวมตัวกัน เมื่อถูกแสงสาดส่องที่ร่างกายของมันก็จะเปร่งแสงสะท้อนออกมาเป็นสีทั้งเจ็ด

“พวกเราจะต้องล่อให้มันมาติดกับในพื้นที่ ที่พวกเราได้กำหนดเอาไว้ ดูเหมือนว่าจะต้องหาคนมาร่วมมือให้มากกว่านี้”

เทพอสูรหยิ่นลี่ 引力:แรงโน้มถ่วงพูดแทรกขึ้นมา เขาคือผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งแรงดึงดูด พลังของเขานั้นสามารถควบคุมแรงดึงดูดในระยะร้อยเมตรได้ ร่างกายของเขานั้นเป็นเหมือนตัวด้วงขนาดใหญ่ แต่ก็ยืนได้ด้วยสองขา แขนซ้ายของเขามีเคียวที่คล้ายมือของตั๊กแตน ที่สามารถตัดได้ทุกสิ่ง ทั่วร่างของเขาปกคลุมไปด้วยเปลือกที่หน่าและแข็ง

“แค่พวกเราทั้งห้าก็เพียงพอแล้ว ข้าได้วางแผนเอาไว้แล้ว”

เทพอสูรค่งเจี้ยนผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งการควบคุมพูดขึ้นมาพร้อมกับเผยรอยยิ้มอันชั่วร้าย……

จบตอน

แต่งโดย นายมะพร้าว

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments