ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“แค่เพียงท่านประมุขเนี่ยบัญชามา นิกายมหาเมฆาของข้าก็ยินดีที่จะทำตามคำสั่งของท่าน!”
หลิงคงประสานมือ พร้อมกับคุกเข่าและพูดออกไป
เนี่ยลี่หัวเราะด้วยความยินดี
“หากประมุขน้อยหลิงคงให้ความร่วมมือเช่นนี้ ตราบเท่านี่นิกายมหาเมฆายังคงติดตามนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ของเราย่อมไม่ทำเรื่องที่เลวร้ายกับพวกท่านอย่างแน่นอน”
“ขอบคุณท่านประมุขเนี่ย”
หลิงคงรีบพูดและโค้งคำนับในทันที ไม่ว่านิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์จะต้องการทำสิ่งใด นิกายมหาเมฆาก็ได้เพียงแต่รับคำสั่งเท่านั้น เขาไม่กล้าที่จะโต้แย้งอันใด การที่นิกายขนนกศักดิ์สิทธ์ไม่ทำอันใดกับเขา ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว
“ข้าได้ยินมาว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ นิกายมหาเมฆาได้เผชิญกับปัญหาเล็กน้อยบางอย่าง”
เนี่ยลี่พูดพร้อมกับเผยให้เห็นรอยยิ้มเล็กน้อย
“มันเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อยเท่านั้น แล้วข้าจะรบกวนท่านประมุขเนี่ยได้อย่างไร?”
หลิงคงยิ้มด้วยความขมขื่น
“นิกายมหาเมฆาเองก็เป็นดั่งนิกายย่อยของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ของเรา เจ้าคิดว่าข้า เนี่ยลี่ผู้นี้นั่งอยู่เฉย ๆ โดยที่ไม่สนใจสิ่งใดเลยเช่นนั้นหรือ?”
เนี่ยลี่พูดกับหลิงคงด้วยรอยยิ้มพร้อมกับตบลงที่ไหล่เบา ๆ
“ยอดฝีมือในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ของเรามีมากมายดั่งเมฆบนท้องฟ้า หากไม่อาจแก้ไขปัญหาให้แก่นิกายย่อยของท่านได้ ข้าจะยังไปสามารถโน้มน้าวใจผู้ใดได้อีก?”
เนี่ยลี่หันไปมองลู่เพียวและพูดขึ้นมาว่า
“ลู่เพียว จงนำยอดฝีมือระดับเทพสงครามสองคน และยอดฝีมือระดับวิถีแห่งมังกรขั้นสูงสุดจำนวนห้าร้อยคน นำไปช่วยจัดการปัญหาของนิกายมหาเมฆา!”
เมือ่ได้ยินคำพูดของเนี่ยลี่ ขาของหลิงคงนั้นก็เริ่มที่จะอ่อนแรงในทันที ยอดฝีมือระดับเทพสงครามสองคน และยอดฝีมือระดับวิถีแห่งมังกรขั้นสูงสุดจำนวนห้าร้อยคน ทั้งหมดนี้มากพอที่จะทำลายนิกายมหาเมฆาได้เลยทีเดียว!
“ท่านประมุขเนี่ย หากก่อนหน้านี้ มีเรื่องราวอันใดที่ทำให้ท่านไม่พอใจ ประมุขเนี่ยโปรดให้อภัยข้า และนิกายมหาเมฆาของข้าด้วย….”
ใบหน้าของหลิงคงในเวลานี้ขาวซีด เขาไม่รู้เลยว่าเนี่ยลี่คิดอันใดอยู่ รอยยิ้มของเนี่ยลี่ในตอนนี้ไม่ต่างไปจากรอยยิ้มของพยัคฆ์ แม้จะกล่าวว่า ให้ไปช่วยจัดการปัญหาของนิกายมหาเมฆา และกลับมาเป็นมิตรกันเช่นเดิม แต่ถ้าหากเขาคิดที่จะทำลายนิกายมหาเมฆา เขาจะทำเช่นใดกัน?
เรื่องเช่นนี้ เป็นเรื่องธรรมดาในอาณาจักรซากมังกร หลิงคงจะไม่รู้สึกเกรงกลัวได้เช่นใดกัน?
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงคง เนี่ยลี่หัวเราะออกมาเสียงดังขณะที่ใช้มือตบไหล่ของหลิงคง
“ประมุขน้อยหลิงอย่าได้เป็นกังวล นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ของเราเป็นนิกายฝ่ายธรรมะ พวกเราจะคิดทำลายนิกายอื่นได้เช่นใดกัน? ในภายภาคหน้านิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ยังต้องขอความร่วมมือกับประมุขน้อยหลิงอีกไม่น้อย”
“นะ นะ นะ แน่นอน!”
หลิงคงเช็ดหน้าผากของเขาที่เต็มไปด้วยเหงื่อ
นิกายขนนกสักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ มีความแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะจินตนาการ และแข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกหวาดกลัวได้ หลิงคงกังวลเป็นอย่างมากว่า ถ้าหากเขาไม่ระมัดระวังคำพูดของตน และทำให้เนี่ยลี่ไม่พอใจ นิกายมหาเมฆาอาจจะเดือดร้อนก็เป็นได้
เนี่ยลี่มองไปที่ลู่เพียวพร้อมกับยิ้ม และพูดขึ้นว่า
“ลู่เพียว จากนี้ไป เจ้ามีหน้าที่ดูแลนิกายมหาเมฆาในทุกเรื่อง แต่เพียงผู้เดียว จงให้การช่วยเหลือนิกายมหาเมฆา โดยพาพวกเขาไปยังภูเขาหมื่นวิถี”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ลู่เพียวพยักหน้าตอบกลับในทันที
เมื่อได้ยินคำพูดของเนี่ยลี่ หลิงคงก็รู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก การไปอยู่ที่ภูเขาหมื่นวิถี คนจากนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์จะใช้เวลาเดินทางเพียงแค่สองวันเท่านั้นก็
ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดของเนี่ยลี่ เป็นน้ำเสียงที่จริงจังยิ่งนัก เขาไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าหลิงคงจะคิดเช่นใด และจากที่มองดูท่าทีของเนี่ยลี่ หากหลิงคงคิดที่จะโต้แย้งหรือขัดขืน ผลที่ตามมาอาจจะร้ายแรงก็เป็นได้
เนี่ยลี่ตบไปที่ไหล่ของหลิงคงอีกครั้ง เขายิ้มและพูดออกไปว่า
“ประมุขน้อยหลิง ในอีกไม่นานเราจะทำสงครามกับนิกายเทพอสูร นิกายมหาเมฆานั้นจะเป็นกำลังสำคัญ ตราบเท่าที่นิกายมหาเมฆายังอยู่บนภูเขาหมื่นวิถี พวกเราก็สามารถส่งกองกำลังจากนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ไปช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ พวกเราจะทำทุกอย่างเพื่อความปลอดภัยของนิกายมหาเมฆา”
“ขอบคุณประมุขเนี่ยยิ่งนัก”
แม้ว่าหลิงคงจะไม่เห็นด้วย แต่เขาก็ทำได้เพียงแต่ยอมรับมันเท่านั้น
“ดี! ลู่เพียว เจ้าจงเรียมตัวให้พร้อม ที่จะเดินทางกลับไปพร้อมกับประมุขน้อยหลิง”
เนี่ยลี่พูดออกไป
“ตกลง!”
ลู่เพียวพยักหน้าตอบรับในทันที
เนี่ยลี่มองไปที่ลู่เพียว และรวบรวมลมปราณส่งเสียงออกไปที่ลู่เพียวว่า
“ลู่เพียว การเดินทางในครั้งนี้เจ้าจะต้องระมัดระวังตัวให้ดี นิกายมหาเมฆาในตอนนี้ยังคงหวาดกลัวความแข็งแกร่งของเรา แต่เพียงเขาเป็นดั่งยอดหญ้าที่เอนเอียงไปตามลมพัด จงอย่าได้ไว้วางใจเป็นอันขาด!”
ลู่เพียวรวบรวมลมปราณส่งเสียงกลับไปว่า
“แล้วเหตุใดเจ้าจึงต้องการความร่วมมือจากเขา และยังคิดที่จะโยกย้ายพวกเขาไปยังภูเขาหมื่นวิถีอีกด้วย?”
เนี่ยลี่เผยรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่จะส่งเสียงกลับไปว่า
“คนอ่อนแอ ก็ย่อมมีวิธีการใช้งานในวิธีของคนอ่อนแอ ตราบเท่าที่นิกายขนนกสักดิ์สิทธิ์ของเรายังคงแข็งแกร่ง นิกายมหาเมฆาก็ไม่กล้าที่จะหักหลังพวกเรา การที่ย้ายพวกเขาไปอยู่ที่ภูเขาหมื่นวิธี เพราะข้าได้วางแผนอันยอดเยี่ยมเอาไว้แล้ว”
ลู่เพียวยิ้มตอบกลับไป แม้ว่าจะมีหลายครั้งที่เขาไม่เข้าใจในการกระทำของเนี่ยลี่ แต่เขาก็เชื่อว่าสิ่งที่เนี่ยลี่ทำนั้นคือสิ่งที่ถูกต้องแน่นอน
ลู่เพียวมองไปที่หลิงคงด้วยสายตาที่เย็นชาและพูดออกไปว่า
“ไปกันได้แล้ว!”
“ตกลง พี่ชายลู่ พวกเราจะออกเดินทางในทันที ประมุขเนี่ย พวกเราคงต้องขอกล่าวลาท่านแล้ว!”
หลิงคงประสานมือและพูดกับเนี่ยลี่
และมีคนกลุ่มหนึ่งที่เดินตามหลังลู่เพียวไป
ศิษย์ของนิกายมหาเมฆาหลายคนแอบกระซิบถามหลิงคง
“ประมุขน้อย พวกเราจะย้ายนิกายมหาเมฆาไปยังภูเขาหมื่นวิถีจริงหรือ? ท่านประมุขคนเก่าจะเห็นด้วยหรือไม่? เมื่อย้ายไปยังภูเขาหมื่นวิถี นั่นหมายความว่าพวกเราจะถูกนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ปกครองโดยสมบูรณ์!”
ศิษย์คนหนึ่งเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา
ใบหน้าของหลิงคงนั้นเคร่งเครียด แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว เขาก็ถอนหายใจออกมายาว ๆ นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ในวันนี้ ทำให้หลิงคงไม่มีความคิดที่จะต่อสู้กับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ด้วยความแข็งแกร่งของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ การกำจัดนิกายมหาเมฆานั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายนัก เขาจะกล้าปฏิเสธคำพูดเหล่านั้นได้หรือ?
“จากนี้ต่อไป ศิษย์ทุกคนของนิกายมหาเมฆา ห้ามก่อความขัดแย้งกับนิกายขนนศักดิ์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ใดละเมิดคำสั่งนี้ โทษคือการถูกสังหารเท่านั้น”
หลิงคงพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
อาณาจักรซากมังกรนั้นนับถือกันที่ความแข็งแกร่ง การยั่วยุนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ต่างจากการรนหาที่ตายเท่านั้น
หลิงคงที่เดินอยู่นั้น จับจ้องไปยังเรียวขาและรูปร่างที่งดงามอยู่เบื้องหน้า ทุกสิ่งที่มองเห็นโดยรอบราวกับจางหายไป ความงดงามของหญิงสาวผู้นั้นประดุจดั่งเทพธิดา แม้ว่าสิ่งที่นางแสดงออกมาจะเป็นความเย็นชาและหยิ่งทะนง รูปร่างส่วนเว้าส่วนโค้งของนางนั้น เผยให้เห็นเสน่ห์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด
หญิงสาวผู้นั้น นางก็คือหลงยู่อิน
ทันทีที่หลิงคงมองเห็นหลงยู่อิน ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย แต่หลังจากนั้นแค่เพียงเวลาสั้น ๆ เขาก็ก้มมองลงไปกับพื้น เขาต้องระมัดระวังตัวให้มากที่สุดในขณะที่เดินผ่านหลงยู่อิน
หลิงคงนั้นเป็นคนที่รู้จักวางตัว เขารู้ตัวแล้วว่า ชั่วชีวิตของเขาคงไม่อาจที่จะได้ครอบครองหลงยู่อินเป็นแน่ เมื่ออยู่ต่อหน้าหลงยู่อิน เขานั้นหาได้เป็นคนที่มีความสำคัญเลยไม่
หลงยู่อินชำเลืองมองไปที่เขา ราวกับว่าเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่เดินผ่านมา และกำลังเดินผ่านไปเท่านั้น
หลิงคงเดินผ่านไปเงียบ ๆ เขาอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองหลงยู่อินอีกครั้ง ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า หลังจากนั้นเขาก็ทิ้งความรู้สึกนั้นไปพร้อมกับรอยยิ้ม และจ้องมองไปด้านหน้า และเดินต่อไป
เมื่อตอนนั้น ที่เขาได้เดินทางมาถึงนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ และได้พบกับนางเป็นครั้งแรก นางดึงดูดสายตาของเขาเป็นยิ่งนัก นางเป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลผนึกมังกร ด้วยฐานะดังกล่าว เขาอาจจะยังเป็นเด็กน้อยที่ไม่คู่ควร แม้ว่าเขาจะไม่พอใจเท่าใดนัก
แต่ในตอนนี้ ความไม่พอใจของเขาได้กระจัดกระจายหายไปจนหมดสิ้น
“ประมุขน้อย ท่านไม่คิดที่จะทักทายแม่นางหลงยู่อินเลยเช่นนั้นหรือ…?”
ผู้ติดตามคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
หลิงคงถอนหายใจออกมา พร้อมกับพูดว่า
“นี่คือชะตาที่ถูกกำหนดเอาไว้ เมื่อถูกกำหนดเอาไว้แล้ว เหตุใดจึงต้องดิ้นรนต่อสู้ ข้าก็เป็นเพียงคนผู้หนึ่งที่ไม่สมหวังในความรัก สิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต คือการจมปลักอยู่กับความรักที่ไม่อาจสมหวัง มันคือสิ่งที่ข้าตระหนักได้ด้วยตัวข้าเอง”
หลิงคงคิดว่าในช่วงเวลานี้ ควรจะเป็นเวลาที่หัวเราะออกมาพร้อมกับก้าวเดินต่อไปข้างหน้า
ผู้ติดตามทั้งหลาย มีท่าทีเปลี่ยนไปโดยทันที ในตอนนี้พวกเขาต่างตกอยู่ในความเงียบ หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็รีบเดินตามหลิงคงไป……………….
จบตอน
แปลโดย นายมะพร้าว
ที่มา :