I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

The Book Eating Magician ตอนที่ 26 เมืองหลวง Mana-vil

| The Book Eating Magician | 1308 | 2359 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

การถูกบุกโจมตีในคืนแรกนั้นรุนแรงมาก แต่ความเสียหายนั้นน้อยกว่าที่เขาคาดไว้

 

ฮ้อปก๊อบลินหลายร้อยตัวถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นเถ้าถ่านจากเปลวไฟของวินซ์ ขณะที่ธีโอดอร์ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในด้านหลังนั้น เขาถูกเคารพเชิดชูตั้งแต่ได้สังหารบอสฮ้อปก๊อบลิน

ต้องขอบคุณอาวุธของพวกเขาที่อาบไปด้วยกลิ่นเลือดของพวกฮ้อปก๊อบลิน ทำให้พวกมอนสเตอร์เช่น ก๊อบลิน โกโบลด์และพวกหมาป่า ไม่กล้าที่จะโจมตีพวกเขา มีเพียงพวก โทรล ไม่กี่ตัวเท่านั้นที่พยายามโจมตี แต่ก็ถูกพวกทหารรับจ้างฆ่าอย่างง่ายดาย

 

‘ก็อย่างว่าหละนะ เลือดของพวกโทรลนั้นสามารถใช้เป็นส่วนผสมในการปรุงยาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไล่ฆ่าพวกโทรลอย่างบ้าคลั่งมากกว่าฆ่าพวกฮ้อปก๊อบลินเสียอีก’

 

ไม่จำเป็นต้องให้วินซ์หรือธีโอไปช่วย ไม่ใช่สิทหารรับจ้างพวกนั้นน่าจะโกรธพวกเขามากกว่าถ้าเขาไปแทรกแซง เวทย์ไฟของพวกเขานั้นมีพลังในการฆ่าโทรลอย่างง่ายดายก็จริง แต่จะทำให้เลือดนั้นแห้งเหือดและทำให้ดเกรดของเลือดต่ำอีกด้วย

 

จะมีการบ่นต่างๆนาถ้าพวกเขาไปเผาพวกโทรลด้วย บอลเพลิง

เพราะเหตุนั้นธีโอจึงมองออกไปหน้าต่างเมื่อเห็นใครบางคนกำลังขี่ม้ามาทางนี้ มันเป็นม้าที่มีแผงคอสีน้ำตาลมันวาว  และมีเพียงคนเดียวในขบวนที่ขี่ม้า เขาคือกอร์ดอนนั่นเอง

เขาเดินเข้ามาหาทั้งสองและกล่าวชมเชยทั้งสองคนว่า “คราวนี้ที่ผมรอดชีวิตมาได้ต้องขอบคุณพวกคุณทั้งสองคนจริงๆ! ถ้าศาสตราจารย์ไม่ได้มาร่วมขบวนกับผม พวกผมคงได้รับความเสียหายอย่างมาก อย่างน้อยครึ่งขบวนจะเสียหายทั้งหมด! อาจารย์ของสถาบัน เบอร์เก้น มีความสามารถที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”

“ขอบคุณ”

“และศิษย์ของคุณด้วยเช่นกัน”

 

กอร์ดอนโค้งคำนับให้กับธีโอและวินซ์

เป็นเรื่องที่น่าตกใจ ผู้นำขบวนกำลังโค้งคำนับให้กับจอมเวทย์ขั้น3 แต่มันก็เป็นการปฏิบัติที่เหมาะสมแล้วเมื่อได้เห็นความสามารถของธีโอที่สามารถฆ่าบอสฮ้อปก๊อบลินได้!

 

สัตว์ประหลาดที่มาโจมตีพวกเขานั้นเป็นถึง หัวหน้าของหมู่บ้านสายน้ำของพวกฮ้อปก๊อบลิน

นั้นหมายความว่าความแข็งแกร่งของมันอย่างน้อยถูกจัดให้อยู่ในระดับ C ซึ่งแม้แต่จอมเวทย์ขั้น4ยังลำบากเลยทีจะจัดการมัน ถ้าไม่ได้ธีโอหยุดมันไว้ละก็ขบวนด้านหลังของเขาต้องถูกทำลายแน่นอน

 

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้สิสำคัญ จอมเวทย์ขั้น3สามารถเอาชนะบอสฮ้อปก๊อบลินได้ในการดวล1ต่อ1….?

 

ถ้าไม่เป็นเพราะทหารรับจ้างทุกคนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันละก็ กอร์ดอนคงไม่เชื่อ แต่เขานั้นเป็นพ่อค้าที่ยอดเยี่ยมความคิดของเขาจึงยืดหยุ่น เขาเชื่อมั่นในคุณค่าของธีโอดอร์แม้จะไม่เห็นด้วยตาของตัวเอง

 

“ฉันไม่สามารถที่จะตอบแทนการช่วยเหลือในครั้งนี้ของเธอได้ด้วยการพูดขอบคุณเฉยๆ ดังนั้นฉันจึงได้เตรียมของไว้เพื่อตอบแทนเธอโดยเฉพาะ ฉันจะรู้สึกสบายใจถ้าพวกคุณทั้งสองยอมรับสิ่งนี้”

“อืม ถ้าคุณพูดอย่างนั้นละก็…”

“อ้า คุณตกลงสินะ?”

 

วินซ์พยักหน้า กอร์ดอนจึงเดินไปหยิบกล่องที่ม้าของเขา

มันเป็นกล่องโลหะมีโซ่ล็อคพันรอบๆไว้อย่างแน่นหนา ทำให้มันดูมีค่าอย่างมาก กอร์ดอนเอากุญแจออกมาจากกระเป๋าและปลดล็อคมัน หลังจากโซ่ถูกปลดออก เขาก็เปิดกล่องขึ้น

ข้างในนั้นเป็นผลึกสีฟ้าที่ส่องประกายแปลกๆ มันเป็นผลึกกลมๆที่จะเปลี่ยนสีตลอดเวลา บางครั้งสีแดง บางครั้งสีฟ้า

 

เมื่อธีโอเห็นมัน เขาก็อดที่จะสงสัยไม่ได้”นี่…?”

มีหนังสือมากมายในห้องสมุดที่อธิบายเกี่ยวกับหินวิเศษต่างๆ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหินที่คล้ายลูกบอลแปลกๆเช่นนี้ อย่างไรก็ตามกอร์ดอนนั้นก็ไม่ได้ให้คำตอบที่น่าพอใจสำหรับเขา

 

“ขอโทษด้วย แต่ผมก็ไม่ทราบเช่นกัน นี่เป็นสิ่งที่ Magic Society พึ่งค้นพบได้ไม่นาน แต่ด้วยมันมีปริมาณที่น้อยเกินไป กลุ่มการค้าของผมจึงได้รับมาเพียงไม่กี่ก้อนเท่านั้น ผมหวังว่านี่จะเป็นประโยชน์กับพวกคุณทั้งสอง”

“เราสามารถที่จะเอาของล้ำค่าเช่นนี้ไปได้จริงหรือ?” วินซ์กล่าวขณะที่จ้องมองมันอย่างใกล้ชิด

 

กอร์ดอนพยักหน้าด้วยความสดใส ถ้าเขาสามารถสร้างความสัมพันธ์กับจอมเวทย์ได้โดยการใช้คริสตัลที่ไม่รู้จักนี้ละก็ มันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม

 

“แน่นอน! ถ้าคุณไม่ได้อยู่ที่นี่ ผมอาจจะสูญเสียทุกอย่างเลยก็ว่าได้”

“ถ้างั้น…..ฉันขอขอบคุณสำหรับมัน”

“ฮ่าๆๆๆ! ตอนนี้ผมรู้สึกสบายใจอย่างมาก! คุณอยากกลับไปกับพวกเราหลังจากงานประลองเวทมนต์จบลงไหม? ผมสามารถเตรียมรถม้าที่ดีกว่าตอนนี้ให้คุณได้”

“ดี ตกลง”

 

หลังจากตกลงกันเสร็จสิ้น กอร์ดอนก็กลับไปที่หน้าขบวนด้วยรอยยิ้มยินดี

เขานั้นสามารถที่จะป้องกันการโจมตีของพวกฮ้อปก๊อบลินได้ แค่นั้นยังไม่พอเขาสามารถสร้างความสัมพันธ์กับจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งได้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้ฐานะในกลุ่มของเขาจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอน

อย่างไรก็ตามวินซ์นั้นส่งเสียงเยาะเย้ยออกมาในขณะที่ถือคริสตัลอยู่บนมือ “ความไม่รู้นั้นช่างน่ากลัว เขาช่างไม่รู้เสียเลยว่ากำลังทำอะไรอยู่”

“ศาสตราจารย์ คุณรู้จักสิ่งนี้งั้นหรอ”

“…ฉันเคยเห็นมันมาไม่กี่ครั้งในตอนเหนือ ถ้าพูดกันตามเทคนิคแล้ว สิ่งนี้ไม่ใช่คริสตัล บางครั้งนั้นพืชจะดูดซับเลอดของมอนสเตอร์เอาไว้และนั่นจะทำให้เกิดผลเบอร์รี่ที่เต็มไปด้วยพลังเวทมนต์ขึ้นมา นี่คือสิ่งที่ Magic Society เรียกว่า ‘Monster Berry’ นั่นเอง” วินซ์อธิบายขณะที่เขาวางคริสตัลนั้นลงไปในกล่องแล้วล็อคด้วยกุญแจที่เขาได้รับมาจากกอร์ดอน จากนั้นเขาก็ใส่มันลงในกระเป๋ามิติของเขา

 

“Monster Berry นั้นจะดึงดูดสัตว์ประหลาดต่างๆให้เข้ามาใกล้ด้วยกลิ่นของมันและเมื่อกินมันเข้าไปจะทำให้สัตว์ประหลาดที่กินเข้าไปแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก บางทีฮ้อปก๊อบลินที่เข้ามาโจมตีในคืนแรกอาจจะเป็นเพราะสิ่งนี้”

 

ในเทือกเขานาดุนนั้น พวกมอนสเตอร์ที่อยู่เป็นกลุ่มใหญ่นั้นจะไม่อาศัยอยู่รอบนอก มอนสเตอร์ส่วนมากจะตระหนักดีว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นถ้าอยู่ใกล้ๆดินแดนของมนุษย์ และพวกฮ้อปก๊อบลินนั้นก็ฉลาดกว่าพวกมอนสเตอร์อื่นๆอีกด้วยมันน่าจะตระหนักถึงข้อนี้ได้

และนี่น่าจะเป็นเหตุผลที่พวกมันได้มาโจมตีพวกเขา

 

วินซ์ลูบคางและพึมพำด้วยเสียงที่ตื่นเต้นเล็กน้อย “ฉันจำได้ว่ามันเป็นวัตถุที่ไม่มีใครรู้วิธีใช้….บางทีการใช้งานมันอาจจะถูกค้นพบในเร็วๆนี้”

“ค้นพบ?”

“ของขวัญที่ฉันจะให้เธอได้เพิ่มขึ้น1ชิ้นแล้ว”

‘ของขวัญ?’ ธีโอมองมาที่เขาด้วยความรู้สึกงงงวย

 

ในขณะนั้นก็มีเสียงตะโกนดังออกมจากนอกรถ “นั่นเมืองหลวง! ฉันเห็นเมืองหลวง Mana-vil แล้ว!”

ธีโอนั้นอาจจะเป็นจอมเวทย์ แต่เขาก็เป็นแค่เด็กที่ไม่เคยออกจากเขตของตัวเองเลย ในไม่ช้าเขาก็ลืมเรื่องของขวัญไปเลยและชะเง้อคอออกไปนอกหน้าต่างทันที ทุกคนในอาณาจักร เมลเทอร์นั้น ฝันถึงการใช้ชีวิตในดินแดนสวรรค์เยี่ยงนี้ เมืองที่มีสิ่งก่อสร้างเป็นหอคอยแหมสูงสีขาวทะลุท้องฟ้า เมืองหลวง Mana-vil

ธีโอดอร์ มิลเลอร์ เติบโตท่ามกลางทุ่งนา ดังนั้นเขาจึงฝันถึงเมืองใหญ่เช่นนี้มาตั้งแต่เด็ก ในที่สุดความฝันเขาก็ได้เป้นจริง

 

“ว้าว…” ธีโอดอร์นั้นอดที่จะร้องออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเขาเห็น Mana-vil

 

ยังคงอีกสักครู่กว่าขบวนจะถึง Mana-vil แต่แค่ยอดหอคอยแหลมสูงที่สามารถเห็นได้ในตอนนี้และเมืองที่ล้อมรอบด้วยกำแพงสีขาวบริสุทธิ์ราวกับอาณาจักรสวรรค์ รถม้าที่กำลังบินอยู่เหนือเมืองยิ่งทำให้มันดูราวกับสวรรค์

และนี่คือเมืองหลวงของอาณาจักร เมลเทอร์ Mana-vil

 

สถานที่ ที่ทุกคนเรียกว่าศูนย์กลางแห่งเวทมนต์ แม้กระทั่งจักรวรรดิที่มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่ก็ไม่มีเมืองที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ มีตำนานบอกว่าเมืองนี้ได้ถูกคนแคระและเอลฟ์ได้ช่วยสร้างในอดีต เมืองนี้เป็นสมบัติของโลกเลยก็ว่าได้ มันไม่สามารถที่จะสร้างได้ด้วยความสามารถของมนุษย์

 

วินซ์ผู้ที่กำลังนั่งข้างๆธีโอผู้ที่มองไปที่เมืองหลวงด้วยความชื่นชมก็ได้คิดขึ้น

‘ยังคงเป็นอะไรที่น่าประทับใจเหมือนเดิม’

วินซ์เกลียดการเมืองจึงได้ไปอยู่ที่สถาบัน เบอร์เก้น แต่เขาก็อดที่จะชื่นชมเมืองนี้ไม่ได้ จากนั้นเขาก็ได้หยิบเสื้อคลุมของเขาออกมาจากกระเป๋ามิติของเขาและใส่มัน มันเป็นเสื้อคลุมสีแดงที่ดูน่าเกรงขาม วินซ์นั้นจำไม่ได้แล้วว่าเขาเคยใส่ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

เสื้อคลุมนี้เป็นสัญลักษณ์ของ วินซ์ ไฮเดลแห่งRed Magic Tower

 

เขานั้นพูดพึมพำกับราวกับพูดกับตัวเองว่า “ทันทีที่เราเดินผ่านประตู ฉันจะพาเธอไปที่ Magic Society”

งานประลองเวทมนต์นั้นได้ดึงดูดผู้คนจำนวนมากมาที่ Mana-vil วินซ์นั้นจำฉากนี้ได้เมื่อไม่กี่ปีก่อน ถ้าเขาช้าไปเพียงนิดเดียว เขาต้องรอนานมากกว่าจะได้เข้าไป

นอกจากนี้มันยังจะน่ารำคาญอย่างมาก ถ้า Red Magic Tower ได้รู้เกี่ยวกับธีโอดอร์

 

‘ฉันต้องหลีกเลี่ยงพวกนั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้’

 

The Red Magic Tower นั้นไม่ได้มุ่งเน่นการพัฒนาการเป็นจอมเวทย์ แต่ทว่าเป็นการส่งเสริมจอมเวทย์ให้เชี่ยวชาญในการรบ และแน่นอนจากมุมมองของพวกเขา ธีโอดอร์ จะเป็นสมบัติสำหรับพวกเขาเลยทีเดียว

 

ปล.จบภาคแรกกันแล้วนะครับ สนุกกันมั้ยเอ่ย

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments