ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปกษัตริย์มืด – บทที่ 29
โบสถ์แห่งความมืด
“ล้มเหลว? อะไรคือเหตุผล? เส้นประสาทและหลอดเลือด น่าจะเชื่อมต่อกันอย่างเหมาะสม ทุกอย่างได้รับการตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำอีก มันควรจะประสบความสำเร็จ เหตุใดฉันถึงอ่อนแอกว่าอัศวินแห่งแสง? อะไรคือสาเหตุ อ๊าา … ”
ตูเตียนขบคิด การกลายพันธุ์ที่ไหล่ รอสเยริด มันถูกบันทึกว่าเป็นการทดลองที่ล้มเหลวของนักแปรธาตุ แต่ความสนใจของตูเตียนถูกดึงด้วยด้วย คำว่า “อัศวินแห่งแสง”รึว่า จุดประสงค์ของพวกเขาคือการสร้าง อัศวินแห่งแสง ? จากบันทึก กล่าวว่าเขายังอ่อนแอกว่าอัศวินแห่งแสง?
รึว่าอัศวินแห่งแสง เป็นมนุษย์ดัดแปลง พวกเขาจึงมีพลังเหนือจินตนาการของคนธรรมดา?
นี่เป็นข้อมูลที่คุ้มค่าจริงๆ!
นักเล่นแร่แปรธาตุแห่งชีวิตจะใช้วิธีการผ่าตัดเพื่อดัดแปลงพันธุกรรมร่างกายของพวกเขา ถ้าอัศวินแห่งแสงไม่ได้รับการดัดแปลงไดๆ แสดงว่าศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่ง อย่างน้อยที่สุดเรื่องมันต้องมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา..
ตูเตียนสั่น แต่เขายังอ่านต่อ
โน้ตแปรธาตุมีประสบการณ์การทดลองตลอดสิบปีของ รอสเยริด หลังจากล้มเหลวในการดัดแปลงตนเอง รอสเยริดเริ่มละมัดระวัง เขาเริ่มลักพาตัวเด็กไปทดลอง ในกรณีที่เขาประสบความสำเร็จเขาก็จะฆ่าเด็กหลังจากนั้น จากนั้นเขาจะปันรายละเอียดผลการทดลองให้กับ ‘โบสถ์มืด’ หลังจากการผลงานของเขาสะสมในระดับหนึ่งแล้วจะได้รับค่าตอบแทน จากนั้นเขาก็จะได้รับการจัดอันดับใบรับรองในระดับที่สูงขึ้น (เพิ่มดาว) และเข้าถึงสิทธิ์และใช้ทรัพยากรได้มากขึ้น
จากโน๊ตของรอสเยริด กล่าวว่า “โบสถ์มืด” ประกอบด้วยนักเล่นแร่แปรธาตุ นักปรุงยา ผู้เชิดหุ่นและอื่นๆ สมาชิกของพวกเขาไม่ได้มีเพียงคนที่อยู่นอกกำแพง แต่สมาชิกของพวกเขายังรวมถึงสมาชิกของชนชั้นสูง พลเรือนจากพื้นที่ที่อยู่อาศัยและสลัม เช่นเดียวกับทหารบางส่วนที่เป็นส่วนหนึ่งขององค์กรนี้ คิดง่ายๆ ถ้าคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์จักรเป็นอัศวินที่กำลังยืนอย่างภาคภูมิใจภายใต้นามของแสง ‘โบสถ์มืด’ ก็คือสัตว์ร้ายที่น่ากลัวที่ซุ่มซ่อนอยู่ในความมืด!
“คริสตจักรศักดิ์สิทธิ์, ทหาร, คริสตจักรแห่งความมืด … ” จากมุมมองของตูเตียนกองกำลังทั้งสามนี้เหมือนขาตั้งกล้องซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในและภายนอกกำแพงยักษ์ของซิลวา ตอนนี้เขาไม่รู้ว่ากองทัพไหนที่เขาควรเข้าร่วม สำหรับตอนนี้อย่างน้อยเขาก็ยังไม่เอนเอียงไปที่ ‘โบสถ์มืด’
“สิ่งที่ฉันรู้มีน้อยเกินไป … ” ตูเตียนถอนหายใจ เขารู้สึกสูญเสีย เพราะเขาไม่รู้ว่าอนาคตเขาจะไปที่ไหนเขาไม่ต้องการทำตามกฏของทหาร
คริสตจักรศักดิ์สิทธิ์มีโดดเด่นในเรื่องความเชื่อและศรัทธา เขาไม่สามารถแสดงสิ่งที่เขาต้องการถ้าเขาอยู่คริสตจักรศักดิ์สิทธิ์
เขาสามารถรู้ได้จากโน๊ตแปรธาตุ ในโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์เป็นมีนักวิทยาศาสตร์สาขาต่างๆอาศัยอยู่ อย่างไรก็ตามกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ทุกคนโดยไม่คำนึงถึงหลักนิติธรรมและจิตสำนึกทางศีลธรรม ต่างถูกจัดออกจากการเป็นปีศาจ
ตูเตียน รู้สึกว่าคนที่ไม่มีสถานะเช่นเขาจะขึ้นไปยังจุดสูงสุดของโลกเป็นเรื่องยากมาก และเขาไม่เคยคิดว่าการขึ้นไปสู่สวรรค์เป็นเรื่องง่าย ..มันจะง่ายแค่ไหนถ้าเขาใช้ชีวิตปกติแทน?
เมื่อความคิดนี้ปรากฏขึ้นเขาเตือนตัวเอง ด้วยคำพูดก่อนหน้านี้ ที่กล่าวโดยสาวน้องชนชั้นสูง ภาพการอ่อนน้อมของจูร่า ต่อหน้าขุนนาง ได้สะท้อนออกมาในดวงตาของเขา เขาจำได้ว่าเขาเกือบจบชีวิตในปราสาท ‘นักล่า’
เขาค่อยๆหลับตาลงและถามตัวเอง ฉันจะมีชีวิตปกติได้หรือ? อะไรจะยืนยันว่ามันจะไม่มีครั้งต่อไป ?
ไม่มี!
ในอนาคตเมื่อชีวิตของเขาถูกคุกคามเขาจะไม่รอด!
เขาค่อยๆเปิดตา มีการตัดสินใจในแววตาของเขา นี้คือการเดิมพันสำหรับเสรีภาพ! แม้ว่าฉันจะต้องละทิ้งความเชื่อของฉัน! แม้ว่าฉันจะต้องละทิ้งความเมตตา! ฉันจะต้องมีชีวิตที่ดี ถ้าฉันถูกโยนทิ้งในความมืดฉันจะคลานและขุดทางของตัวเองเพื่อกลับสู่แสง![ในอนาคตมันได้ทำจริงไอ้ขุดเนี้ย(ปากเป็นรางโดนจริงๆเลยสปอยนิสๆ)]
เขาคว้าแผ่นเหล็กเล็กๆกรีดนิ้วยาวยันแขนของเขา เขากอดฟันทนต่อความเจ็บปวด แววตาของเขาเย็นลงขณะที่เขากระซิบกับตัวเอง ” ตูเตียนทำไมแกเป็นคนขี้ขลาดแบบนี้ แกได้รับโอกาสจากการเสียสละของพ่อแม่และน้องสาวเพื่อให้แกมีชีวิตรอด!! ”
เขากัดฟัน และจ้องมองที่เลือดไหลออกมาจากแขนของเขาเตือนตัวเองจากเจ็บปวด เขาเตือนตัวเองอย่างเงียบ ๆ ว่าในอนาคตไม่ว่าเขาจะเจอปัญหาหรืออุปสรรคมากขนาดไหน เขาจะไม่เปลี่ยนเส้นทางของเขา เขาจะไม่ปล่อยให้โลกนี้ครอบงำเขา!!!เมสัน กลับมาถึงห้องนอนเห็นเลือดไหลออกจากแขนของตูเตียน เมสันรีบส่งตูเตียน ไปโรงพยาบาล
…
…
การฝึกอบรมของคนเก็บขยะ
ในพริบตาสามปีผ่านไป
“ดีนในการฝึกอบรม นายเป็นคนที่ดีที่สุดและวันนี้เป็นพิธีสำเร็จการศึกษา ในที่สุดเราก็สามารถกลับบ้านไปหาพ่อแม่ของเราได้ “ซัคยิ้มเขาเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน ทุกๆเดือนเขาจะกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ของเขา ตูเตียน เมสัน แซม พวกเขากลับไปเยี่ยมพ่อแม่ของพวกเขาบ้างเป็นครั้งคราว พวกเขามักจะเขียนจดหมายถึงพ่อแม่ของพวกเขาแทน
ตูเตียนยิ้ม ในช่วงสามปีที่ผ่านมารูปร่างหน้าตาของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก สีของผิวของเขาไม่ได้เป็นสีขาวเหมือนก่อน ตอนนี้มันเป็นสีข้าวสาลี จากการรับแสงอาทิตย์ ความสูงของเขาสูงถึงเมตรหกสิบเซนติเมตรซึ่งทำให้เขาเป็นหนึ่งในบุคคลที่สูงที่สุดในกลุ่มเพื่อนของเขา และเขาอายุแค่สิบสองปีในปีนี้
“นี่เป็นห้องนอนที่ดีสุดในหอพักทั้งหมด พวกเราทั้งสี่คนจบการฝึกแล้ว! “เมสัน ยิ้มให้เห็นฟันขาวสองแถว
แซม “ฉันหวังว่าในอนาคตเมื่อเราอยู่ในกองทัพ เราจะได้เป็นหน่วยเดียวกัน อย่างไรก็ตามในกรณีที่เราถูกแยกออกจากกันอย่าลืมไปเยี่ยมเยือนร้านเหล้าของครอบครัวฉัน … สัญญากับฉันสิ! “
ตูเตียนและอีกสองคนเคยได้ยินมานานเกี่ยวกับร้านเหล้าของแซม เมสันหัวเราะและตอบว่า “แน่นอน!”
“ไปกันเถอะ เราจะสายแล้ว” ตูเตียนกล่าว
ทุกคนเดินออกไปที่สนามโรงเรียน มีนักเรียนหลายคนพูดคุยกัน
เมสันกล่าวอย่างเศร้าๆ “สามปีก่อนเรามีคนมากกว่า 300 คน เราโชคดีมากที่จบการศึกษา! “
“มีคนอื่นที่ยังมาไม่ถึง” แซมยักไหล่ “ฉันเคยนับมาแล้ว มีนักเรียนที่จบการศึกษาทั้งหมด 106 คน.. “
ซัคมองไปที่ป่าข้างนอกโรงเรียนและชี้ไป เขากล่าวว่า “พวกเขาเป็นใครและทำไมพวกเขาถึงมาในการสำเร็จการศึกษาของเรา?”
ตูเตียน แซมและเมสัน มองไปทางที่ซัคชี้ เขาเห็นโทบุและอีกแปดคน นอกเหนือจากเขา พวกเขาพูดและหัวเราะทุกคนแต่งกายอย่างความสง่างาม
คริสตจักรแห่งความมืด กับ โบสถ์มืด คืออันเดียวกันนะ
คริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ กับ โบสถ์แสง คืออันเดียวกันนะ