ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
กษัตริย์มืด – บทที่ 35
เจนนี่
ค่าจ้างของอัศวินมันไม่ใช่น้อย ตามการคาดการณ์ของตูเตียน เขาคิดว่าเงินเดือนของอัศวิน มันมากกว่าเงินเดือนของ คู่สามีภรรยาจูร่ารวมกัน นอกจากนี้การได้เข้าร่วมในครอบครัวไรอัน จะทำให้เขามีฐานะเหนือพลเรือนสามัญปกติ พลเรือนปกติจะคอยประจบประแจงเขา
อย่างไรก็ตามเขาปฏิเสธคำเชิญนั้นทันที เขาเข้าใจว่าการได้รับเงินที่สูงกว่านั้นหมายความว่า การกวาดล้างนอกกำแพงยักษ์จะยิ่งอันตรายมากกว่าปกติ[โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีT_T] แม้ว่าเขาจะเคยได้ยินว่าคนเก็บขยะ จะคอยจัดการกับพวกสัตว์ป่าที่หลงเหลือเฉพาะในพื้นที่ที่ปลอดภัย แต่ไม่มีใครเคยบรับประกันว่ามันจะไม่มีอันตราย มิฉะนั้นแล้ว.. ทำไมคนเก็บขยะพวกเขาจึงได้รับผลตอบแทนสูง?
“ข้าจะคิดถึงเรื่องนี้”ตูเตียนกล่าวเบาๆ
ไรอัน ฟูลิน ยิ้มและกล่าวว่า “ถ้าเจ้าตัดสินใจ จำไว้ว่าครอบครัวของเรายินดีต้องรับเจ้าแสมอ นอกจากนี้หากเจ้าไม่สามารถหาที่พักได้ ครอบครัวไรอันของเรามีบ้านพักหลายหลังซึ่งเจ้าใช้ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายไดๆ “
ตูเตียนตอบปฏิเสธ: “ขอบคุณสำหรับความกรุณาของท่าน แต่ข้าจะอยู่ที่นี่อีกแค่เจ็ดวัน แล้วข้าจะกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่ของข้า และข้าไม่ได้วางแผนที่จะอาศัยอยู่ในย่านการค้า… ”
” เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องเกรงใจข้าหากเจ้าต้องการอะไร. ““ขอบคุณสำหรับความกรุณา.”
หลังจากจบการสนทนา ไรอัน ฟูลิน กลับเข้าไปที่ห้องจัดเลี้ยงส่วนกลางและพูดคุยกับขุนนางอื่นๆ
หลังจากไรอันฟูลิน จากไป ขุนนางอีกหลายคนก็เข้ามาหาตูเตียน เพื่อเสนอเงื่อนไขต่างๆ ที่ไม่ค่อยแตกต่างตาก ไรอัน ฟูลิน ซึ่งตูเตียนก็ปฏิเสธไปทุกข้อเสนอ
เสียงเพลงที่ไพเราะค่อยๆเงียบลง และมีเสียงตบมือดังขึ้น ผู้คนในงานเลี้ยงหยุดการสนทนาของพวกเขาและหันดูต้นตอของเสียงตบมือ
มันเป็นขุนนางวัยสี่สิบปีที่กำลังตบมืออยู่ เมื่อเขาเห็นดวงตาทุกดวงต่างรวมตัวกันมองที่เขาเขา เขามีรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้าเขาและกล่าวว่า: “ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่งานเลี้ยงครบแปดปีที่สมาคมเมลลอนก่อตั้งขึ้น ข้าหวังว่าทุกท่านจะสนุกกับงานเลี้ยงนี้ และมันเป็นวันเกิดของลูกสาวข้า ซ่าร่า เมล ข้าหวังว่าทุกท่านจะสามารถให้ของขวัญกับลูกสาวข้าได้ ขอขอบคุณ!”
เมื่อเขากล่าวจบ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งในชุดกระโปรงสีแดงค่อยๆ เดินลงจากชั้นสอง เธออายุสิบสองหรือสิบสามปี เธอลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับให้แขกในงานเล็กน้อย
เหล่าขุนนางที่มาร่วมงานได้เริ่มปรบมือให้เธออย่างอบอุ่น
ตูเตียนรู้สึกหัวเสีย ก่อนหน้านี้เขาได้หาข้อมูลของสมาคมเมลลอน และได้รู้ว่ามีตระกูลขุนนางมากกว่าสิบตระกูลในสมาคม อย่างไรก็ตามครอบครัวเมลและบุหลง เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งสมาคมและมีอิทธิพลมากที่สุดในสมาคม เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นหนึ่งในคนของครอบครัวเมล
นอกจากนี้ อัศวินแห่งแสงเมค ซึ่งเป็นคนตัดหัวของนักเล่นแร่แปรธาตุในทะเลทรายเมื่อสามปีก่อน ก็ดูเหมือนจะเป็นสมาชิกของครอบครัวเมลเช่นกัน
นี่เป็นหลักฐานว่ารากฐานของของครอบครัวเมลลงรากลึกขนาดไหนในสังคม
“ครอบครัวเพรนของเราได้เตรียมของขวัญที่แสนหรูหร่านี้สำหรับคุณหนูซาร่าห์ … ” ในเวลานี้ชายหนุ่มคนหนึ่งถือกล่องของขวัญสีแดงอ่อนมาเพื่อมอบให้ ซาร่าห์ เมล เขาเปิดกล่องอย่างนุ่มนวนภายในบรรจุถุงมือผ้าไหมสีขาวหนึ่งคู่
ซาร่าห์ เดินไปข้างหน้าสองก้าว และกล่าวว่า “นี่น่าจะเป็นฝีมือของนายซิดนีย์ หนูชอบมัน.. ขอบคุณ”
หน้าของชายหนุ่มผู้มอบของขวัญปรากฏยิ้มขึ้น คนใช้ของครอบครัวเมลเดินมาหาเขาและรับเอากล่องของขวัญกลับไปเก็บ
ในเวลานี้ขุนนางอื่นๆ ต่างได้มอบของขวัญและกล่าวแสดงความยินดีอย่างต่อเนื่อง
ชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดสูท หัวเราะและกล่าวว่า “ผมได้ยินมาว่าคุณหนู ชอบบทกวีดังนั้นผมจึงขอให้ อาจารย์ ติซ่า เขียนบทกวีสำหรับคุณหนู ผมหวังว่าคุณหนูจะชอบมัน
“บทกวี?” ดวงตาของซาร่าห์ มีประกายจากความสนใจ
ชายหนุ่มยิ้มและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “น้ำตาหล่นลงบนก้อนหิน ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจ ใครเหล่าจะร่วงรู้ความเศร้าของคุณ … … “
หลังจากที่เขากล่าวบทกวีจบลง เขากล่าว ” บทกวีนี้ชื่อ ความเศร้าของเด็กหญิง” มันเขียนขึ้นเป็นพิเศษสำหรับคุณหนูซาร่าห์ “
ผู้ชมก็ปรบมือให้อย่างกระตือรือร้น
ซาร่าห์มีรอยยิ้มที่แสดงถึงความสุขบนใบหน้าของเธอ: “มันเป็นบทกวีของนาย ติซ่า ฉันชอบมัน.. ขอบคุณ!”
…
…
ตูเตียน กำลังฟังเสียงปรบมือเหล่านั้นขณะที่เขาพิงขอบหน้าต่าง หัวใจของเขารู้สึกร้อนรน เพราะเขาไม่ได้นำสิ่งใดมากับเขา เขาหวังว่าคนเหล่านั้นจะไม่สนใจเขาเพื่อที่เขาจะได้ไม่มีปัญหา
ทันใดนั้นเขาก็เห็นร่างหนึ่งวิ่งเล่นอยู่ด้านนอกหน้าต่าง ตูเตียนรู้สึกอยากด่าความโง่เขลาของตนเอง ถ้าเขาไม่มีของขวัญทำไมเขาถึงไม่แอบหนีไปเหมือนคนอื่นๆ?เขามองไปที่ขุนนางเหล่านี้ที่สนใจเพียงกับ ซาร่าห์ เมล เขาใช้โอกาสที่หายากนี้ให้เป็นประโยชน์เขามองนอกหน้าต่างและประมาณความสูงของมันน่าจะสองเมตร เขากระโดดออกจากหน้าต่างอย่างไม่ลังเล ราวกับว่าตัวเขาเป็นแมวที่ปราดเปรียว[แมวตกจากที่สูงก็เละได้นะ ขนาดแมวบ้านผมขึ้นต้นไม้เองได้แต่ลงเองไม่ได้ร้องให้คนปีนไปช่วยมันอีกT_T]
เขาเดินออกจากทางเดินอย่างรวดเร็ว
เพื่อหลีกเลี่ยงการพบเจอคนอื่นๆ ตูเตียนเดินไปรอบบริเวณห่างไกลที่ๆไม่มีแสงไฟ ในขณะที่มันถูกส่องด้วยแสงจากดวงจันทร์และดวงดาว เขาใช้เวลาไม่นานก่อนที่เขาจะมาถึงศาลาเล็กๆ เขาคิดจะนั่งรอจนงานเลี้ยงจบลง เขาไม่ใช่ลูกของชนชั้นสูงดังนั้นการหายตัวไปของเขาจะไม่มีใครให้ความสนใจ
คื่นคื่น ~!
ทันใดนั้นพุ่มไม้เครื่อนไหว
การแสดงออกของตูเตียนเปลี่ยนไปเล็กน้อยและเขาตะโกนด้วยเสียงต่ำ: “นั้นใคร!”
การเคลื่อนไหวหยุดลง แต่ตูเตียนรู้ว่ามีคนอยุ่ตรงนั้น หลังจากการฝึกตลอดสามปีของคนเก็บขยะ เขาได้มีประสบการณ์มากมายและสามารถกำหนดสิ่งแปลกกปลอมต่างๆผ่านเสียงได้
“ออกมาข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นั่น!” ตูเตียน กล่าว
ไม่นานนักร่างเรียวบาง เคลื่อนที่ออกมาและหลบหลังพุ่ม ภายใต้การแสงสว่างของดวงจันทร์ ตูเตียนเห็นหญิงสาวที่สูงพอๆกับเขา ดูเหมือนว่าเขาเคยเห็นเธอมาก่อน แต่เขาก็จำไม่ได้ว่าเมื่อไหร่
ตูเตียน โล่งใจกล่าวว่า “ออกมา. ผมไม่ได้จะทำร้ายคุณ ไม่ต้องหลบหลังพุ่มไม้หรอก ผมจะไม่บอกใครว่าคุณหลบจากงานเลี้ยงและคุณก็ต้องห้ามบอกเรื่องของผม ไม่อย่างนั้นมันจะไม่ดีสำหรับเราทั้งคู่. “
ตอนแรกเด็กสาวรู้สึกกระวนกระวาย แต่หลังที่เธอได้ยินคำพูดของตูเตียน เธอรู้สึกประหลาดใจ: “พ่อของฉันไม่ได้ส่งคุณออมาเพื่อตามหาฉันหรอ?”
ตูเตียน รู้สึกว่าเธอเข้าใจผิด เขายักไหล่และกล่าวว่า: “แน่นอนว่าไม่ผมไม่รู้จักคุณ”
หญิงสาวมองเขาอย่างโล่งใจ: “คุณกลัวฉันหรอ หรือว่าคุณกำลังหลบหนีจากอะไรบางอย่าง?
ตูเตียนกล่าวด้วยเสียงเบาๆ: “ผมไม่ได้นำของขวัญมาด้วยดังนั้นผมจึงหนีมาที่นี่เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ยุ่งยาก”
“ห๊ะ?”. เด็กสาวคิดว่าเธอได้ยินผิด เธอคบคิดคิดคำพูดของตูเตียน เธอยิ้ม “อุ๊บ อิอิอิ”: “โอ้คุณรู้หรือไม่ ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของคุณหนูซาร่าห์ เมล?
“[จะไปรู้ได้ไงวะ!!] “ตูเตียนกล่าวความจริง:” ผมไม่รู้ “
หญิงสาวเดินตามทางจนถึงขอบของศาลา เธอเห็นเครื่องแบบของตูเตียน และถามว่า “ชุดแบบนี้ คุณเป็นคนเก็บขยะหรอ?
หน้าของตูเตียนคล้ำขึ้นและกล่าวว่า “ใช่ แต่คุณไม่ควรพูดเรื่องที่ได้เห็นผมที่นี่”
หญิงสาวยิ้มและกล่าวว่า ฉันจะไม่บอกใคร. “ฉันชื่อเจนนี่คุณชื่ออะไรหรอ?”… “ดีน”
เปิดตัว ผู้หญิงคนแรก [รึเปล่านะ]
ปล.ตูเตียนมักมีนิสัยชอบผู้กับตัวเอง
ตัวอย่างเช่นตอนรับยศอัศวิน
..ข้าสัญญาว่าจะปกป้องผู้คน
[เฉพาะพวกของฉันและที่มีประโยชน์สำหรับฉัน] เป็นต้นจริงๆมีเยอะกว่านี้แต่จำไม่ได้ มันน่าจะเป็นตอนที่ฮาตอนหนึ่งเลยทีเดียว [ปล.ตอนหลักร้อยอะจำไม่ได้ด้วยว่ากี่ร้อยอ่านนานละ]