I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 251 – ผลของการต่อสู้ที่ถูกกำหนดไว้

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

“นี่เจ้าคิดจะใช้พลังเต็มที่ของเจ้าในตอนนี้หรือไม่ ฮ่า..ดูเหมือนว่าเจ้าต้องการที่จะจบการต่อสู้เร็วๆนี้สินะ แต่มันคงจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่เจ้าคิดหรอก ข้าจะทำให้เจ้าได้รับรู้ว่าเจ้ากับข้านั้นมีระยะห่างกันมากแค่ไหนในตอนนี้”

ในขณะที่เขาได้กวาดสายตาออกไปได้ปรากฏบรรยากาศเย็นราวกับเป็นสายตาของสัตว์ดุร้าย บนใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มเย็นขึ้นที่มุมปากของเขา

‘ชูเฟิง’นั้นไม่ได้ขยับเขยื้อนหรือย้ายร่างกายไปไหนแต่เขากับค่อยๆปิดตาของเขา

“ดูชูเฟิงเขากำลังทำอะไร? เขาคิดที่จะยอมแพ้? ขณะที่เขากำลังเผชิญหน้ากับบรรยากาศเยือกแข็งของ กง ลู่หยุนมันเลยทำให้เขาไม่มีทางสู้และต้องการที่จะตาย? “

เมื่อบางคนเห็นการกระทำของ’ชูเฟิง’พวกเขาคิดว่าชูเฟิงนั้นต้องการที่ยอมแพ้ แต่ในทันที่พวกเขาก็ค้นพบว่าพวกเขานั้นคิดผิดอย่างมหันต์

* * * *หวืบ * * * *

ในทันที’ชูเฟิง’ได้เปิดตากว้างของเขา ในขณะเดียวกันก็ปรากฏแรงกดดันเหลือใจกระจายออกมาจากภายในร่างกายของเขาและกลืนกินเวทีการต่อสู้ทั้งหมด

หลังจากที่แรงกดดันได้แพร่กระจายไปทั่วเวทีการต่อสู้ก็ปรากฏเป็นจุดของแสงอยู่ทั้งสี่มุมของขอบเวทีการต่อสู้และพุ่งทะยานขึ้นฟ้ากลายเป็นม่านที่ครอบคลุมทั่วทั้งสี่มุมของเวทีมันทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบนั้นเกิดอาการกลัวจนตัวสั่นและบรรยากาศเยือกแข็งก่อนหน้านี้ก็ได้ร่วงหล่นและหายไปในอากาศ

**มันเหมือนกับเป็นม่านพลังสี่เหลี่ยมที่คลุมครอบทั้งเวทีอ่ะพอนึกออกไหม**

ในเวลาเดียวกันที่บรรยากาศเยือกแข็งหายไป ‘กง ลู่หยุน’ก็ได้ทรุดตัวลงและคุกเข่าลงไปที่พื้น เขาที่มีร้อยยิ้มอย่างบ้าคลั่งก่อนหน้านี้ในตอนนี้เหลือเพียงแค่ใบหน้าที่ซีดขาวราวกับคนตาย ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและทั่วร่างกายของเขานั้นเกิดอาการสั่น

“โอ้วสวรรค์! นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำใมบรรยากาศเยือกแข็งก่อนหน้านี้ถึงหายไป? แล้วสิ่งที่ครอบคลุมทั้งท้องฟ้าและพื้นดินนั้นมันคืออะไร? แล้วแรงดันที่อยู่เหนือบนเวทีนั้นมันคืออะไร?!”

ทุกคนต่างตกใจกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน พวกเขาไม่สามารถรู้สึกถึงแรงดันในสถานที่นั้น แต่พวกเขายังคงสามารถที่จะเห็นภาพความดันบางอย่างที่ทำให้อากาศนั้นสั่นไหวอยู่ภายในเวทีการต่อสู้

ถึงแม้ว่าพวกเขาเหล่านี้จะมีชีวิตอยู่ไปจนถึงวันที่พวกเขาตายพวกเขาก็จะไม่มีวันได้รับรู้ว่านี่คือทักษะการต่อสู้ที่ได้ห่างหายไปนานหลายร้อยปี มันคือทักษะการต่อสู้ระดับ 7 เพลงดาบมังกรคลั่งไร้ตัวตน ที่ชูเฟิงได้มาจากผู้ก่อตั้งสำนักไร้ตัวตน

สำหรับเวลาที่ผ่านครึ่งปี’ชูเฟิง’นั้นไม่เคยที่จะค้นหาโอสถแก่นแท้ในหุบร้อยเลี้ยว เขาเอาแต่สู้กับเหล่าสัตว์ยักษ์ทุกวันและทุกๆวันมันก็จะทำให้พลังในการต่อสู้ของเขาเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้เขายังได้ใช้เวลาเหล่านั้นไปในการฝึกทักษะการต่อสู้ระดับ 7 เพลงดาบมังกรคลั่งไร้ตัวตนอีกด้วย ในขณะที่เขากำลังฝึกอยู่นั้นเขาก็ได้ค้นพบว่าเพลงดาบมังกรคลั่งไร้ตัวตนนั้นเป็นทักษะการต่อสู้ที่ซับซ้อนมาก

มีความยากลำบากในการฝึกอยู่พอควร แต่อำนาจของมันนั้นก็เป็นที่แข็งแกร่งอย่างมากเช่นกัน หากทำความเข้าใจมันได้อย่างสมบูรณ์แล้วละก็มันจะไม่ใช้แค่ทักษะการต่อสู้ระดับ 7 แต่มันจะเป็นทักษะการต่อสู้ระดับ 8 ในฐานะที่มันเป็นเพลงดาบมังกรคลั่งไร้ตัวตนมันจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะฝึก

แม้แต่’ชูเฟิง’ก็ยังใช้ได้เพียงแค่ขั้นตอนแรกของมันแรงดันไร้ตัวตน แต่ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ขั้นตอนแรก มันก็ยังคงมีพลังอำนาจของทักษะการต่อสู้ระดับ 7 เพราะงั้นสิ่งที่เขากำลังใช้อยู่ในขณะนี้ก็คือแรงกดดันไร้ตัวตน มันมีรูปร่างเหมือนกับกรอบสีเหลี่ยมเป็นเหมือนดั่งม่านพลังที่ปกคลุมพื้นที่โดยรอบซึ่งในพื้นที่สี่เหลี่ยมนั้น

ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีเป็นรูปร่างหรือจะเป็นการโจมตีรูปแบบใดก็ตามมันจะถูกทำให้สลายหายไปกับอากาศในทันทีและรวมไปถึงศัตรูของเขาที่อยู่ภายในอาณาเขตของพลังจะไม่สามารถขยับตัวได้พวกเขาจะถูกขยี้โดยแรงดันจนกว่าพวกเขาจะตาย

“ความรู้สึกนี้..มันไม่น่าจะใช่แรงดันที่เกิดขึ้นมาจากสมบัติบางชนิดได้ ดูจากอำนาจแดนกำเนิดวิญญาณที่อ้อยอิ่งอยู่รอบๆแล้ว หรือว่ามันจะเป็นทักษะการต่อสู้! ฮ่า มันชั่งเป็นทักษะการต่อสู้ที่ดูล้ำลึกมากจริงๆ! ดูเหมือนว่านี่ชูเฟิงจริงจะได้ใช้ทักษะการต่อสู้ระดับ 6 และยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นทักษะการต่อสู้ระดับ 6 ที่ดูล้ำลึกยิ่งกว่าบรรยากาศเยือกแข็งซะอีก”

สุดท้ายก็ได้มีคนตาดีที่มองเห็นว่าพื้นที่ที่บิดเบี้ยวนี้เกิดมากจากทักษะการต่อสู้ที่’ชูเฟิง’ใช้ หลังจากที่คำพูดนี้ได้ถูกพูดออกมาจึงทำให้คนที่ได้ยินเกิดความโกลาหลกันขนาดใหญ่ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถที่จะรับรู้ถึงแรงกดดันที่อยู่ในพื้นที่นั้นได้ แต่เพียงพวกเขามองไปที่ภาพอากาศที่บิดเบี้ยวพวกเขาก็คิดได้ว่ามันจะต้องเป็นทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง

แม้แต่ผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังจำนวนมากก็ยังไม่เคยได้ยินหรือเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนแต่ในตอนนี้พวกเขาได้เห็นจากผู้ที่เป็นเพียงแค่ศิษย์ ในทันที่ทุกคนได้เห็นพวกเขาถึงกับต้องตะลึงกันอย่างสมบูรณ์ไปกับความแข็งของ’ชูเฟิง’ที่ได้แสดงออกมา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้อยู่แล้วว่า’ชูเฟิง’นั้นแข็งแกร่ง

และบอกว่าเขาเป็นถึงอัจฉริยะแต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่าพลังของ’ชูเฟิง’นั้นจะมากมายถึงเพียงนี้ อย่างแท้จริงด้วยพลังวิญญาณระดับ 7 แดนกำเนิดวิญญาณสามารถเอาชนะ ‘กง ลู่หยุน’ที่อยู่ในระดับที่ 4 แดนแก่นแท้วิญญาณ ‘ชูเฟิง’นั้นได้ทำในสิ่งที่ไม่มีใครที่สามารถทำได้มาก่อนเขาในตอนนี้ได้สร้างความมหัศจรรย์ในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ขึ้นมา

“ไอ้บ้าเอ้ย! มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังใง? ข้า กง ลู่หยุนจะต้องมาพ่ายแพ้ให้กับไอ้สารเลวนี้ยังงั้นรึ? ไม่มันเป็นไปไม่ได้มันต้องไม่ใช่แบบนี้!”

ในขณะที่ ‘กง ลู่หยุน’ คุกเข่าอยู่บนพื้นดินเขาพยายามใช้พลังงานทั้งหมดของร่างกายลุกขึ้นยืนแต่มันก็ไม่สามารถที่จะลุกขึ้นมายืนได้เนื่องจากแรงกดดันไร้ตัวตน มันจึงทำให้เขารู้สึกหมดหนทางแม้กระทั่งรู้สึกหวาดกลัว นี่เป็นครั้งแรกที่เขายอมรับว่า’ชูเฟิง’นั้นแข็งแกร่ง

และความแข็งแกร่งของ’ชูเฟิง’นั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการที่จะเห็นในตอนนี้เพราะในขณะนี้มันได้เกี่ยวข้องกับชีวิตของเขา โดยในขณะนี้’ชูเฟิง’ได้เดินไปที่ ‘กง ลู่หยุน’ ในขณะที่เขามองไปที่ ‘กง ลู่หยุน’กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของเขาเขายิ้มเบาๆและกล่าวว่า

“กง ลู่หยุน หนึ่งปีที่ผ่านมาเจ้าเคยคิดว่าเจ้าจะได้คุกเข่าอยู่ตรงหน้าของข้าในวันนี้หรือไม่?”

“ฮ่า! ชูเฟิงถ้าเจ้าคิดจะฆ่าข้าละก็ ข้าจะขอเตือนเจ้าเอาไว้เลย ว่าถ้าเจ้ากล้าสัมผัสข้าแม้แต่นิ้วเดียวข้ารับประกันได้เลยว่าจะไม่ปล่อยเจ้าให้มีชีวิตอยู่ในสถานที่แห่งนี้อีกต่อไป”

“ศิษย์นับล้านจากสำนักมังกรฟ้าจะต้องตาย! แม้แต่นิกายโลกวิญญาณที่เป็นหมาคอยปกป้องเจ้าจะต้องได้รับผลกระทบและเจ้าจะต้องตายที่นี่!”

‘กง ลู่หยุน’ไม่มีความแข็งแรงพอที่จะยืนเพราะความดันที่ไรตัวตน เขาทำได้แต่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าของ’ชูเฟิง’ แต่เขาไม่ได้นั่งเฉยๆเขายังพยายามที่จะขู่และพูดคำพูดที่เป็นการเตือน’ชูเฟิง’

“โอ้ว? นี่เจ้าคิดที่จะขู่ข้า? เจ้าคิดว่าเจ้ามีคุณสมบัติพอ? เคาะหัวของเจ้าไปที่พื้นและยอมรับความผิดของเจ้าซะ!!”

ทันใดนั้นการแสดงออกของ’ชูเฟิง’ได้กลายเป็นน่ากลัวอย่างเหลือใจ ความโกรธแค้นที่หลบซ่อนอยู่ในใจของเขาได้ถูกเปิดเผยออกมาในทันที ความอัปยศอดสูที่เขาได้รับมาอย่างมากมายในช่วงหนึ่งปี ความเกลียดชั่งที่ต้องโดนขุดรากถอนโคนของตระกูลของเขา เขาต้องการที่จะแก้แค้น

‘ชูเฟิง’ได้คว้าหัวของ ‘กง ลู่หยุน’และใช้อำนาจพลังกำเนิดวิญญาณของเขากดหัวมันลง

***บึม***

หัวของ ‘กง ลู่หยุน’ได้กระแทกลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง เมื่อดึงหัวของเขาออกมาปรากฏรอยเลือดไหลออกมาจากหน้าผากของเขา

“นี่สำหรับท่านปู่ของข้า.”

“นี่สำหรับท่านพ่อของข้า.”

แต่มันไม่ได้จบลงแค่นั้น’ชูเฟิง’ยังคงคว้าหัวของ ‘กง ลู่หยุน’กระแทกลงไปที่พื้นอย่างต่อเนื่องทุกครั้งที่เขาจับมันกระแทกลงไปเขาจะพูดถึงชื่อคนที่ตายไปของตระกูลเขาออกมา หลังจากที่เขากระแทกหัวของ ‘กง ลู่หยุน’ลงไปที่พื้นมากกว่าร้อยครั้ง เขาก็ได้พูดชื่อของคนในตระกูลของเขาที่ตายไปแล้วออกมาทั้งหมดจนครบ

แต่เขาก็ยังคงไม่ได้คิดที่จะหยุดเพราะมันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะระบายความโกรธแค้นและความเกลียดชังที่มีต่อ ‘กง ลู่หยุน’ทั้งหมดไปได้ด้วยเพียงเรื่องแค่นี้ หลังจากที่ใบหน้าของ ‘กง ลู่หยุน’นั้นไม่เหลือเคล้าโคลงเดิม มันเต็มไปด้วยเศษเนื้อหนังที่ผสมเข้ากับเลือด แม้แต่พื้นสนามที่แข็งยังเป็นรอยหลุมลึกและรอยแตกนับไม่ถ้วนแพร่กระจายออกมาจากหลุม

“นี้…”

หลังจากที่ได้เห็นการกระทำของ’ชูเฟิง’มันทำให้จิตใต้สำนึกของพวกเขาถูกสั่นคลอน พวกเขาคิดว่า’ชูเฟิง’นั้นจะต้องมีความเครียดแค้นชิงชังต่อ ‘กง ลู่หยุน’อย่างแน่นอนเพราะไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงไม่สร้างความอับอายให้แก่ ‘กง ลู่หยุน’เช่นนี้

แต่ในขณะเดียวกันก็มีคำตอบอยู่ในใจของพวกเขาแล้ว ว่าผลของการต่อสู้ในวันนี้มันได้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าเป็น’ชูเฟิง’ ผู้ที่ไม่มีใครได้คาดหวังว่าคนที่จะชนะในวันนี้นั้นมันจะเป็นเขา ถึงแม้ว่ามันจะน่าเหลือเชื่อก็ตามแต่มันก็คือความจริง พวกเขาทุกคนในสถานที่แห่งนี้ล้วนมองเห็นและได้เป็นสักขีพยานทุกอย่าง

พวกเขาได้เห็นว่า’ชูเฟิง’นั้นสามารถเอาชนะ ‘กง ลู่หยุน’ได้ พวกเขานั้นไม่มีทางเลือกได้แต่ต้องยอมรับว่า ‘กง ลู่หยุน’นั้นได้คุกเข่าอยู่เบื่องหน้าของ’ชูเฟิง’และหัวของเขาได้ถูกกระแทกลงไปที่พื้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

มันได้พิสูจน์แล้วว่า’ชูเฟิง’นั้นเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง เขาเปรียบได้ดั่งสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวความสามารถของเขานั้นได้ทะลุจินตนาการของผู้คน แน่นอนว่าในอนาคตเขาจะต้องกลายเป็นบุคคลที่โด่งดังเขาจะไม่ถูกจำกัดอยู่แค่พื้นที่เล็กๆอย่างสำนักมังกรฟ้า

เขาเป็นชายหนุ่มที่มีศักยภาพในวันหนึ่งเขาจะต้องโด่งดังไปทั่วทั้ง 9 อาณาจักรอย่างแน่นอน ในทันทีพวกเหล่าศิษย์ก็ได้เริ่มโยนสายตาของพวกเขาไปที่’ชูเฟิง’ด้วยความเคารพบูชา’ชูเฟิง’

แม้แต่ศิษย์ที่อยู่จุดสูงสุดจากสำนักอื่นๆก็ไม่มีข้อยกเว้น พวกเขาได้รับการยกย่องต่อพลังที่แสนน่ากลัวของ’ชูเฟิง’ ในฐานะที่เป็นเจ้าสำนักและผู้อาวุโสจากสำนักอื่นๆ พวกเขาได้ชื่นชมด้วยความอิจฉาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดต่อสำนักมังกรฟ้า ที่ได้ปรากฏศิษย์ที่โดดเด่นเช่นนี้ขึ้น

ตราบใดที่’ชูเฟิง’ยังคงอยู่ในสำนักมังกรฟ้าพวกเขาจะกลายเป็นสำนักที่โด่งดังและถูกกล่าวขานไปทั่วอาณาจักรมังกรฟ้า และไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมสุดยอดสำนักในอาณาจักรมังกรฟ้า และอาจเป็นเพราะ’ชูเฟิง’ที่ทำให้พวกเขาได้กลับไปเจริญรุ่งเรื่องดั่งในอดีตที่มันเคยเป็นมาก่อนได้อีกครั้ง

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments