I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Undefeated God of War ตอนที่ 150 – เก็บเกี่ยวผล

| Undefeated God of War | 934 | 2364 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว

ตอนที่ 150 – เก็บเกี่ยวผล

 

“สมบัติดารา?” หลิงซูดูสนใจอย่างมากกับสิ่งของเบื้องหน้าเขา

“ฮืม ข้าไม่คาดเลยว่าเจ้าสารเลวสองตัวนั้นจะมีสมบัติดารามากมายขนาดนี้” ถังเทียนประหลาดใจ แต่ก็หัวร่อขึ้น “ฮ่าฮ่า โชคพวกมันช่างเลวร้าย มีสิ่งของแต่ไม่อาจได้ใช้”

หลิงซูมองดูอย่างเห็นด้วย

สนับมือทองแดงประหลาดคู่หนึ่ง ลูกม้า และขวดแก้วสองขวด

หลิงซูหยิบลูกม้าขึ้นมา ขณะที่ถังเทียนหยิบสนับมือ ตั้งแต่ที่สนับมือเตาหลอมถูกทำลายไป เขาก็ไม่ได้หาศาสตราวุธที่เหมาะมือเลย แม้ว่าชุดเกราะนกยูงน้ำเงินจะช่วยเหลือในการป้องกัน แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรในการโจมตีเลย

สนับมือสร้างมาจากทองแดงและดูพิเศษอย่างยิ่ง มีขนนกเล็กๆขึ้นเป็นชั้นๆ พวกมันดูหนาและแข็งแรง พวกมันมีขนาดใหญ่กว่าถุงใส่น้ำขนาดใหญ่ ภายในมือพวกมันรู้สึกหนัก ถังเทียนลองสวมใส่สนับมือและรู้สึกแปลกๆไม่สบาย ถังเทียนรู้สึกว่ามือของเขามันเต็มไปด้วยบ่อน้ำมากมาย

เขาลองกระตุ้นปราณแท้จริงเข้าไป

แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก!

ขนนกที่หนาก็พลันฟูพ่องขึ้นราวกับพวกมันถูกปลุกจากการหลับใหล ราวกับสายน้ำไหล พวกมันเริ่มเคลื่อนไหว เพียงชั่วพริบตาเดียว สนับมือก็เปลี่ยนรูปร่างไปเป็นอีกแบบ

ไอหย๋า น่าสนใจนัก!

ถังเทียนรู้สึกสนใจมันในทันที ก่อนที่เขาจะทันตอบสนอง กายากระเรียนภายในร่างของเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว

ปราณแท้จริงหลั่งไหลไปยังสนับมือ แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก ขนนกเริ่มคลายตัวออกและเคลื่อนไหว ถังเทียนรู้สึกคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวของขนนกนี้

หรือว่าเขาจะเคยเห็นมันมาก่อน?

ทันใดนั้นนัยน์ตาเขาพลันสว่างวาบ ปราณกายากระเรียน! ปราณกายากระเรียนของเขาก็เป็นเช่นนี้ หรือว่ามันจะรวบรวมก่อเกิดชั้นของปราณแท้จริง?

เหมือนกับที่เขาคิดเมื่อครู่ กายากระเรียนภายในร่างก็เริ่มโคจรขึ้น มันราวกับถังเทียนสามารถได้ยินเสียงร้องของกระเรียน!

แกร๊ก!

สนับมือหยุดเปลี่ยนแปลง

สนับมือภายในมือเขาเปลี่ยนแปลงเรียบร้อยแล้ว จากสนับมือคู่หนึ่งที่ขนาดใหญ่ ตอนนี้มันพอดีกับมือของเขาราวกับทักทอเป็นชั้นบางๆของผ้าไหม้ และพวกมันคลุมจากปลายนิ้วมาถึงข้อมือของเขา

และสิ่งที่น่าตะลึงคือด้านข้างของสนับมือ มันมีปีกคู่หนึ่งที่รูปร่างคล้ายกับปีกกระเรียน มันหดพับเก็บไว้อย่างดี

ถังเทียนสามารถสัมผัสได้ถึงนิ้วมือของเขาที่มันดูสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ยามเมื่อเขาสัมผัสกับพื้นหินเบาๆ ไอหย๋า เขามิอาจะรู้สึกถึงแรงต้านใดๆ นิ้วของเขาก็ทิ่มทะลวงจมลงไป

นัยน์ตาถังเทียนเปล่งประกาย

น่าสนใจยิ่ง!

จากนั้นถังเทียนพยายามที่จะกระตุ้นกายากระเรียนอีกครา พรึบพรึบพรึบ! ปราณที่คมกริบพุ่งจากนิ้วมือของเขาออกไปและเกิดเป็นรูเล็กๆบนพื้นหินห้ารู

ถังเทียนตื่นเต้นกับพลังนี้ เขาเริ่มที่สื่อสารกับจิตวิญญาณนักสู้ของสมบัติ อย่างไม่คาดคิดเขากลับไม่ต้องใช้พลังมากมายและเขาก็สามารถเชื่อมต่อกับจิตวิญญาณนักสู้ของสนับมือได้

จิตวิญญาณนักสู้ของสนับมือเป็นกลุ่มก้อนของหมอกปราณ มันมีรูปร่างคล้ายกับกระเรียน แต่จิตวิญญาณนักสู้ยังไม่แข็งแกร่งพอ มันสามารถเห็นได้ว่ามันไม่ได้รับการดูแลเป็นเวลานาน

เขาไม่แน่ใจว่ามันได้ยอมรับเพราะปราณกายากระเรียนหรือไม่ จิตวิญญาณนักสู้ของมันคุ้นเคยกับถังเทียนเป็นอย่างยิ่ง ถังเทียนสังเกตเห็นว่าปราณจิตวิญญาณนักสู้ของสนับมือทำให้เขาอุ่นสบายอย่างมาก

ดูเหมือนเขาจะพบเพชรเม็ดงามเสียแล้ว หลังจากที่สื่อสารกับจิตวิญญาณนักสู้ ในที่สุดเขาก็รู้ว่าสนับมือมันมีนามว่าเช่นไร

สนับมือกระเรียนสวรรค์!

ถูกต้องแล้ว มันเป็นสมบัติดาราจากกลุ่มดารากระเรียนสวรรค์!

ถังเทียนรู้สึกตื่นเต้น นี่เป็นหนึ่งในสมบัติที่เหมาะสมกับเขาที่สุด เขารู้สึกมีความสุขมากในทันที

ลูกม้าที่หลิงซูหยิบมาเป็นสมบัติจากกลุ่มดาราม้าแกลบ ซึ่งมันเป็นกลุ่มดาราเดียวกับรองเท้าทะยา่นอาชาของถังเทียน แต่คุณภาพของลูกม้าทองแดงนี้มันสูงกว่ารองเท้าทะยานอาชาเสียอีก มันสามารถอัญเชิญอาชาทองแดงได้ซึ่งมันแทบจะมีความเร็วเทียบเท่ากับกระเรียนของถังเทียน มันเป็นสมบัติที่มีประโยชน์อย่างมาก

“ถ้าหากมันเป็นสมบัติสำหรับต่อสู้มันก็คงจะดี” ถังเทียนจับจ้องไปยังลูกม้าทองแดง

“นี่ก็ดีแล้ว” หลิงซูรู้สึกพอใจ “ข้าฝึกฝนเพียงวิชาหอก สำหรับเส้นชีพจรโลหิต ข้าไม่ต้องการบอกเพื่อให้มันกลายเป็นอาวุธทิ่มแทงตัวเองในการต่อสู้ของพวกเรา ถ้ามันมีสมบัติสำหรับการต่อสู้ ข้าก็จะไม่ใช้มัน สิ่งเล็กๆนี้มันจะช่วยให้สงวนพลังของข้าอย่างมาก”

หลิงซูขี่อยู่บนอาชาถือหอกสีเงิน เขามีท่าทางราวกับบุรุษผู้กล้าที่มีเสน่ห์

“ก็ดีถ้าเจ้าชอบมัน” ถังเทียนไม่ได้ใส่ใจ ตั้งแต่แรกเขาเข้าใจอยู่แล้วที่ตัวเลือกของทุกคนต้องแตกต่าง มันไม่จำเป็นต้องบังคับ

สายตาของเขาจับจ้องไปบนขวดแก้ว แต่ละขวดมีหยดเลือดลอยอยู่หนึ่งในพวกมันเป็นสีแดงเข้มและอีกอันออกไปทางสีเงิน

“นี่คืออะไรกัน?” ถังเทียนถามอย่างอยากรู้

“นี่คือเส้นชีพจรโลหิตคนแคระและทูตสวรรค์” กู่เสวี่ยเอ่ยปาก นางเพิ่งจะเดินเข้ามาและบังเอิญได้ยินคำถามของถังเทียน ดังนั้นนางจึงอธิบายออกไป “เจ้าไม่รู้เรื่องการรวบรวมหรือ ถ้างั้นข้าจะบอกเจ้าเอง พวกเขาดูดซับเส้นชีพจรโลหิตของพวกเขาเอาไว้ภายนอก เมื่อพวกเขาตาย เส้นชีพจรโลหิตมันจะรวบตัวกันด้วยตัวเองและจับตัวเป็นหยดโลหิต”

“เส้นชีพจรโลหิตสามารถดูดซับได้ด้วยหรือ? นัยน์ตาถังเทียนเบิกกว้าง”

“อืม บางอันเท่านั้น” กู่เสวี่ยอธิบาย “บางอันก็ไม่สามารถทำได้ ยกตัวอย่างเช่น เส้นชีพจรโลหิตรุ้งดารา แต่ละประเภทของเส้นชีพจรโลหิตอาจจะต้องเหมาะสมกับบุคคลด้วย เจ้าสามารถลองดู สำหรับเส้นชีพจรโลหิตขั้นเงินนี้ พวกมันทั้งสองถือว่าค่อนข้างดี เส้นชีพจรโลหิตคนแคระสามารถเพิ่มกำลังและความเร็วได้ แต่พลังของมันอาจจะทำให้เจ้ากลายเป็นตัวเล็กลง เส้นชีพจรโลหิตทูตสวรรค์สามารถเพิ่มความเร็วของเจ้าและพวกมันสามารถเคลื่อนไหวได้ปราดเปรียวและคล่องแคล่วยิ่งขึ้น

หลิงซูส่ายหัว “ข้าไม่ต้องการลอง!”

ถังเทียนเอียงคอพลางถาม “เพราะอะไรกัน?”

“ข้าเคยคิดจะลองมาก่อนแล้ว แต่ข้าเลือกเส้นทางตามที่อาจารย์ได้บอกไว้” นัยน์ตาหลิงซูเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ข้าจะเดินตามคำสั่งสอนของอาจารย์และมุ่งมั่นกับวิชาหอก ไม่หยิบยืมพลังจากแหล่งพลังภายนอกและตระหนักถึงความคาดหวังเพื่อตัวข้าเอง นี่มันคือชะตาของข้า”

ด้วยคำกล่าวนี้มันทำให้หลิงซูดูสง่างาม

กู่เสวี่ยประหลาดใจเล็กน้อย แต่ถังเทียนดีใจกับหลิงซู เขาในที่สุดก็พบเส้นทางเดิม ดังนั้นการก้าวข้ามทั้งหมดภายในวิถีจิตของเขามันจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หลิงซูร่อนเรมาหลายปีและติดขัดมาเป็นเวลานาน ขณะที่วิถีจิตของเขาได้บรรลุ มันก็กระตุ้นตัวเขา เขาคาดหวังว่าหลิงซูจะได้ค้นพบกับความสำคัญของการพัฒนา

ถังเทียนเข้าใจดีถึงความแข็งแกร่งนี้ และมันประทับใจเขาอย่างมาก

“ยอดเยี่ยมนัก” ถังเทียนยกยิ้ม “ถ้าเช่นนั้นข้าขอลองดู”

ถังเทียนเลือกเอาเส้นชีพจรโลหิตคนแคระ เขาประทับใจอย่างมากกับเส้นชีพจรโลหิตคนแคระ ถ้าเขาสามารถดูดซับเส้นชีพจรโลหิตคนแคระได้ จากนั้นพลังของเขาก็จะสูงขึ้นหนึ่งขั้นทันที

“แล้วจะดูดซับพวกมันเช่นไรกัน?” ถังเทียนเอ่ยปากถามกู่เสวี่ย

“เจ้าเพียงแค่กลืนมันลงไป” กู่เสวี่ยรู้สึกกังวลเล็กน้อย “บางครา มันอาจจะมีผลข้างเคียงเล็กน้อย นี่มันหมายความว่าร่างของเจ้ากำลังปรับตัวเข้ากับพลังของมัน เจ้าจะต้องทนทานมันให้ได้”

ถังเทียนพลันอ้าปาก ‘โอ้’ และกลืนเส้นชีพจรโลหิตคนแคระลงไปทันที หยดเลือดสีแดงเข้มไม่มีกลิ่นคาว ในทางตรงข้ามมันค่อนข้างหอมหวาน ถังเทียนกระดกไปเบาๆและกลืนมันลงไป

ท่าทางกู่เสวี่ยเคร่งเครียดและกังวล นางมองไปยังถังเทียนไม่แม้แต่กระทั่งกระพริบตา สีหน้าของหลิงซูจริงจัง เขาอยู่ภายในดาวเฟยหลินมาเป็นเวลานานแล้วและเขามีความเข้าใจในเส้นชีพจรโลหิตลึกซึ้งกว่าถังเทียน ดังนั้นเขาถึงรู้ว่าการกลืนเส้นชีพจรโลหิตมันอันตราย

หนึ่งนาทีผ่านไป…ห้านาทีผ่านไป…

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ถังเทียนเอียงคอ มีท่าทางหดหู่

“เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง” กู่เสวี่ยเอ่ยปากถามน้ำเสียงเป็นกังวล

“ไม่เบน ข้าไม่รู้สึกอันใดเลยสักนิด” ถังเทียนยักไหล่พลางกล่าวด้วยท่าทางแปลกประหลาด “มันเป็นของปลอมหรือ?”

“ไม่รู้สึก?” กู่เสวี่ยตกตะลึงและนางถึงกับอ้าปากค้าง “เป็นไปได้อย่างไร?”

หลิงซูก็มีท่าทางสับสน “เป็นไปไม่ได้! มันจะไม่มีผลอะไรเลยได้เยี่ยงไร?”

ไม่นาน มู่เหลยก็วิ่งเข้ามาหลังจากที่ได้ยินเสียงร้อง ราวกับกู่เสวี่ยกำลังร้องขอความช่วยเหลือ จากนั้นนางพลันถามมู่เหลยอย่างรีบร้อน มู่เหลยมีประสบการณ์มากมาย เส้นชีพจรโลหิตสวรรค์มรกตของเขาก็ดูดซับมาเช่นกัน

หลังจากฟังคำอธิบายของคุณหนู มู่เหลยตกตะลึง เขามิเคยพบเห็นหรือได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน

ทุกคนต่างมองหน้ากันเอง

“ทำเช่นไรดี?” ถังเทียนรู้สึกลังเล จากนั้นเขาก็มองไปยังขวดแก้วอีกขวดหนึ่ง “ข้าควรจะต้องอีกรอบดีไหม? อาจจะเป็นเพราะเส้นชีพจรโลหิตคนแคระไม่เหมาะสมกับข้าก็เป็นได้?”

“อย่าได้ลองเชียว!” กู่เสวี่ยส่ายหัวรัวๆ

หมับ ฝ่ามือใหญ่ก็คว้าขวดแก้วไป

เขาเงยหน้าขึ้นและกระดกเส้นชีพจรโลหิตทูตสวรรค์ลงท้องทันที

กู่เสวี่ยตกใจ “เหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนี้?”

มู่เหลยมิได้พูดสักคำ เขาจ้องเขม็งไปยังถังเทียน หลิงซูก็มองอย่างเงียบๆไปยังถังเทียนเช่นกัน

สิบนาทีต่อมา

“มันก็ไม่รู้สึกอะไรเช่นเดิม” ถังเทียนยักไหลแบบผิดหวัง “คล้ายว่าข้าจะไม่เหมาะสมกับการดูดซับเส้นชีพจรโลหิต! พวกเจ้าอย่าได้เป็นห่วงข้าเลย ข้าอาจจะเป็นบุคคลพิเศษ”

“มันอาจจะปัญหาสำคัญได้” มู่เหลยกล่าวอย่างไม่แน่ใจ แต่เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก “มันดีแล้วที่เจ้าไม่เป็นอันใด!”

“ฮ่าฮ่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น!” ถังเทียนหัวร่อ แสร้งทำเป็นผ่อนคลาย “เพียงแค่โลหิตสองหยดจะทำอะไรบุรุษหนุ่มเทพได้กัน?”

“แค่โลหิตสองหยดหรือ?” กู่เสวี่ยมีท่าทางโมโหกับการกระทำอันบ้าบิ่นของถังเทียนพลางหัวร่ออย่างแดกดัน “เจ้ารู้ว่าโลหิตหยดหนึ่งที่ว่าขายได้เท่าไหร่ใช่ไหม?”

“ขายเท่าไหร่กัน?” ถังเทียนตกตะลึงพลางกล่าวถาม

“เส้นชีพจรโลหิตคนแคระสามารถขายได้หนึ่งล้านเหรียญดารา ส่วนเส้นชีพจรโลหิตทูตสวรรค์สามารถขายได้เจ็ดแสนเหรียญดารา เจ้าเพิ่งจะสูญเสียหนึ่งล้านเจ็ดแสนเหรียญดาราไป” กู่เสวี่ยกล่าวอย่างแดกดัน

“หนึ่งล้านและเจ็ดแสนเหรียญดารา…” ถังเทียนพูดตะกุกตะกักน้ำเสียงสั่น

“ถูกต้องแล้ว ถ้าหากเจ้ามีโชค เจ้าอาจจะสามารถขายพวกมันทั้งคู่ได้สองล้านเหรียญดารา” กู่เสวี่ยหัวร่อเยาะโชคของเขา

“อ้าาา!”

ถังเทียนกรีดร้องเสียงดังก้องกังวานไปไกล

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

ผลกระทบอันมากมายทำให้ถังเทียนเดินหาไปหาทหาร สองล้านเหรียญดารามันเป็นจำนวนเงินที่มากสำหรับเขา ตอนนี้เขาไม่แม้แต่มีมันมากอยู่กับตัว

ทหารหัวร่อโชคของเขาเช่นกัน “โอ้ สองล้านเหรียญดารางั้นหรือ? รู้สึกเช่นไรบ้าง? มันหอมหวานหรือว่าขมขื่น?”

ถังเทียนจ้องอย่างดุร้าย เขานิ่งเงียบและจากนั้นก็ไประบายอารมณ์ภายในตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์

ตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ช่างน่าสงสาร มันกลับกลายเป็นทางระบายอารมณ์โกรธของถังเทียน ถังเทียนทุ่มสุดกำลังของเขาเป็นเวลา 10 นาที ก่อนที่เขาจะออกมาจากตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์

จากนั้นถังเทียนก็มานั่งที่ข้างทหาร “นี่ลุง ท่านสามารถใช้งานศาสตราวุธเครื่้องกลได้ด้วยหรือ?”

“ผายลม!” ทหารกรอกตา “ถ้าครูฝึกสอนทำไม่ได้ แล้วตัวเขาจะสอนผู้คนอื่นได้เช่นไร?”

“นั่นมันกระบวนท่าอะไรกัน? มันน่าทึ่งมาก!” ถังเทียนโยนเรื่องที่สูญเสียเงินสองล้านเหรียญดาราไปทันทีพลางกล่าวถามทหาร

“เคียวกางเขนมรกตผืนผ้าแดง” ทหารตอบโดยไม่กระพริบตา และกล่าวด้วยท่าทางจริงจัง “มันเป็นวิชาการต่อสู้ที่ใช้ลอบโจมตีภายในการต่อสู้”

“ท่านสอนข้าได้หรือไม่?” นัยน์ตาถังเทียนสว่างวาบ มองอย่างจริงใจ

“ตอนนี้ยังสอนไม่ได้!” ทหารตอบอย่างตรงไปตรงมา เขาไม่ยอมรอให้ถังเทียนถามหาเหตุผล จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่องทันที “ชุดเกราะนกยูงของเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?”

***********************************************************

ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ

ตอนที่แล้ว
comments