ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปตอนที่ 2 : สองโฉมงาม ผู้งามล้น
เสียงของอสูรดวงดาวที่พูดจาเรียบ ๆ แต่ทุกคำพูดของมันกลับแฝงไปด้วยความน่ากลัวยิ่งนัก
ทำลายโลกงั้นเหรอ? เจ้าอสูรดวงดาว อดีตนายแกเพี้ยนไปแล้วรึไงกัน?
“บ้าบอสิ้นดี! ให้ทำลายโลกงั้นเหรอ!“ หลานหลิงกล่าวยังมีโทสะ
ชายผู้ที่เติบโตด้วยความรักและความเกลียดชัง ย่อมรู้ว่าอะไรคือผิดอะไรคือถูก เขาวางแผนที่จะฆ่าเจ้าหนุ่มที่ทำร้ายพี่สาวเขา เพราะว่ามันสมควรตายจริง ๆ แต่ตอนนี้กลับพบว่ามีภารกิจให้เขาทำ คือการให้ทำลายโลกใบนี้เนี่ยนะ? ใบหน้าของเขาซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
อสูรดวงดาวไม่เอ่ยคำตอบใด ๆ ออกมา..
ไม่กี่ช่วงต่อมา หลานหลิงจึงเอ่ยถามกลับว่า “แกช่วยพาฉันกลับโลกเดิมได้รึเปล่าล่ะ? พี่สาวต้องการตัวฉันจริง ๆ นะ”
“ข้าไม่รู้”
“หมายความว่าไงที่แกไม่รู้ สรุปว่าแกไม่สามารถส่งฉันกลับไปได้ยังงั้นสินะ?” หลานหลิงกล่าว
“ข้าเหมือนได้เอ่ยกับเจ้าไปแล้วว่าพลังของข้าได้หมดลงตั้งแต่ตอนที่พาเจ้ามา แต่ข้าสามารถทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างง่าย ๆ เลยล่ะ” อสูรดวงดาวกล่าว
“แกจะทำให้ฉันแข็งแกร่งได้ยังไง? ทำยังไง? วิธีไหนบอกมาทีสิ?” หลานหลิงพูด
“ถ้าเจ้าฆ่าคนได้เมื่อไหร่ เจ้าจะสามารถช่วงชิงพลังและความสามารถมาเป็นพลังอำนาจของเจ้าได้”
สิ้นเสียงของอสูรดวงดาวจบลง เสียงของมันแฝงไปด้วยความชั่วร้ายอย่างมีเลศนัยอย่างเห็นได้ชัด
มันขโมยพลังกันได้ง่าย ๆ ยังงั้นเหรอ?
แม้ว่าหลุมดำจะสามารถกลืนได้ทุกสิ่ง แต่นี่มันออกจะเกินไปหน่อยไหม?
ตอนที่เขาได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับ ‘นักดาบผู้ฆ่ามารร้าย’ เขารู้ดีว่ากว่านักดาบจะฆ่าได้ เขาต้องผ่านอุปสรรคและฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้ได้รับซึ่งพลังนั้นมา
กลับกัน เจ้าอสูรดวงดาวตัวนี้บอกกับเขาว่า เขาสามารถฆ่าและช่วงชิงพลังของคน ๆ นั้นมาเป็นของตนได้ นี่มันเหนือกว่าในหนังสือที่เคยเขียนไว้เสียอีก
“ฉันไม่อยากได้พลังอะไรทั้งนั้น ฉันอยากกลับไปหาพี่สาว” หลานหลิงพูดต่ออีกว่า “และฉันจะไม่อยากเป็นนายของแกอีกด้วย”
“ในอีกไม่นาน เจ้าก็ต้องตกลงกับคำขอนี้” อสูรดวงดาวได้กล่าว “ตอนนี้พลังของข้าเริ่มอ่อนแอลงมากแล้ว ข้าต้องพักก่อน ไปละ ”
แสงสว่างวูบวาบนั้นหายไปจากความฝัน และดำดิ่งสู่ห้วงแห่งความมืด
……………..
เขาตื่นขึ้นและตกใจกับความฝันประหลาดนั้น แต่เขาคิดว่ามันน่าจะไม่ใช่ความฝัน เขาเลยได้แต่ตะโกนเรียก “เจ้าอสูรดวงดาว แกออกมา!!”
ไม่มีสัญญาณตอบรับใด ๆ นี่มันความฝันยังงั้นเหรอ?
ต่อให้เขาหลับตาลง เขาก็ไม่อาจหลับได้ เพราะได้นอนไปมากเกินแล้ว
พี่สาวจะตกใจรึเปล่านะ? ว่าเขาได้หายตัวไป เธอยิ่งเป็นพวกกลัวการคุยกับคนอื่น ๆ อีกด้วย ถ้าเขาหายไป แล้วเธอจะใช้ชีวิตอยู่ยังไงล่ะ? หลานหลิงคิด
หัวใจของหลานหลิงบิ้ดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวดทุกครั้งที่ยิ่งคิดถึงเธอ อาการเหล่านี้ก็มักจะเกิดขึ้น
ไม่! พอกันที! เราต้องไม่คิดถึงอะไรพวกนี้ เราต้องคิดถึงอะไรที่ดี ๆ เข้าไว้สิ
เราต้องกลับไปให้ได้ เราต้องกลับไปหาพี่ให้ได้ เราสาบานกับฝนดาวตกไว้แล้วว่าจะดูแลพี่ตลอดไป
ถึงแม้ว่าตอนนี้ ต่อให้ฉันจะมาอยู่โลกอีกใบหนึ่ง แต่ฉันจะทำตามคำสาบานของฉัน เมื่อฉันกลับไป ฉันจะต้องดูแลพี่ให้ได้
หลานหลิงคุกเข่ากับพื้นแล้วแหงนมองหน้าไปบนท้องฟ้าที่แปลกตา “พี่ ผมขอสาบาน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะต้องกลับไปอยู่เคียงข้างพี่ ถ้าหากผมผิดคำสาบานนี้ ขอให้ผมถูกลงโทษโดยสวรรค์เถิด”
ท่าทีเคร่งขรึมของเขาคือความจริงจากใจ เขาตัดสินใจเดินลงจากภูเขาลูกนี้ เพื่อที่จะเห็นมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในโลกใบนี้ เพื่อหาหนทางสักทางกลับไปยังที่ที่พี่เขาอยู่
………………………….
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ด้านบนของจักรวรรดิเพลิงคำรณ วิหารมังกร
ตัวอาคารของวิหารถูกปลุกคลุมไปด้วยอัญมณีหลากสี ราวกับเป็นดาวฤกษ์อีกดาวเลยก็ว่าได้
ตัวอัญมณีอยู่ ๆ ก็ส่งแสงสีทองพร้อมกับร่วงลงจากเพดานวิหาร แปรเปลี่ยนเป็นเปลวไฟที่ลุกโชนขึ้นมาทันที
ช่วงขณะนั้นเอง ผู้ทำนายดวงดาวได้ปิดตาลงและเอ่ยคำพูดออกมาว่า “อสูรดวงดาวอยู่ที่นี่แล้ว โชคร้ายกำลังมาเยือนสู่พวกเราเร็ว ๆ นี้”
ทันทีที่คำพูดของคนที่เป็นที่พึ่งทางใจเอ่ยออกมานั้น ย่อมไม่ธรรมดา เขายังเอ่ยต่ออีกว่า “ส่งสิบแปดเซียนสวรรค์ไปที่วิหารเซียนทางตะวันออกเฉียงใต้ หากพบเจอสิ่งใดที่น่าสงสัย และเมื่อมันไม่ได้เป็นคนของโลกนี้ ฆ่ามันได้ทันที!”
“รับคำสั่ง!” ทันใดนั้น เงามืดพลันปรากฏขึ้นในวิหาร และได้ออกจากวิหารไปทันที
บิชอปนักบวชผู้หนึ่งมองไปที่ชายผู้นั้นแล้วสั่นศีรษะอย่างช้า ๆ และพูดว่า “อสูรดวงดาวได้มายังโลกนี้ จุดสิ้นสุดคงใกล้เข้ามาถึงแล้ว ข้าได้แต่หวังว่ามันคงไม่ใช่เรื่องจริง”
…………………………
หลานหลิงได้จากหุบเขามาหลายวันแล้ว เขาอาศัยอยู่ได้แค่ผลไม้ป่ากับดื่มน้ำตกที่หล่นจากภูเขาเท่านั้น
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เขาพบว่าร่างกายของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงไป
ร่างกายเดิมที่เคยอยู่โลกเก่า เขาไม่ได้อ่อนแอเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้แข็งแรงเช่นกัน แต่นับตั้งแต่ได้มาอยู่บนโลกใบนี้ เขารู้สึกว่ามีพลังลึกลับเข้าไปอยู่ในร่างกาย
เพราะว่าหลังจากที่เดินทางมาหลายไมล์ เมื่อใดที่เขารู้สึกเหนื่อย พลังงานส่วนลึกภายในร่างกายของเขากลับถูกเติมเต็มราวกับว่าพลังนั้นช่วยขจัดความเมื่อยล้าไปในทันที แม้ว่าเขาจะอดอาหารมาหลายวัน แต่เขาก็ยังรู้สึกแข็งแรงอยู่เหมือนเดิม
พลังของเขาช่างลึกลับยิ่งนัก เขารู้สึกว่าพลังความลึกลับนั้นมาจากภายในตัวของเขาเอง เขาอยากจะรู้ว่ามันอยู่ไหน แต่เขาก็หามันไม่พบ
หลานหลิงมั่นใจว่า นี่มันต้องไม่ใช่ความฝันแน่ ๆ เขารู้ว่าร่างกายของเขามีเจ้าอสูรร้ายแห่งดวงดาวอยู่แน่นอน
ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งสั่น เขาตะโกนเรียกหามัน แต่กลับไม่มีการตอบสนองอะไรต่อคำพูดของเขาเลย
แม้ร่างกายจะได้รับพลังจากดวงดาว แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอ ร่างกายของเขายังต้องการเติมเต็มสารอาหาร และได้รับการพักผ่อน เพราะว่าการเดินทางคือการผจญภัยอย่างหนึ่งนั่นเอง หลานหลิงที่กำลังเดินต่อไปข้างหน้าเรื่อย ๆ กลับพบเจอแต่ป่าและภูเขา ที่มีที่ท่าว่าจะไม่สิ้นสุด นี่มันทำให้บ้าได้เลยนะ! ราวกับว่าเขากำลังอยู่ในยุคช่วงสงครามราชวงค์หมิงหรือยุคพวกก่อตั้งราชวงค์ถังยังไงยังงั้น
10 วัน 15 วัน 20 วันต่อมา
ความคิดเพ้อเจ้อของหลานหลิงพลุ่งพล่านไปหมด หรือว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่จริง ๆ หลานหลิงได้แต่คิดอยู่ภายในใจ
เดินแล้วเดินเล่า…
ราวกับว่าเขาเป็นผู้แสวงหาการเดินทางยังไงยังงั้น ผมและหนวดเคราเริ่มยาวขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าตอนนี้เขาคือมนุษย์ถ้ำหินผู้ติดเกาะคนหนึ่งที่หาทางออกไม่เจอสักที
เขาไม่รู้ว่าเขาเดินทางมานานแค่ไหนแล้ว เขาเดินไปทางไหนก็เจอแต่ป่าเขาเต็มไปหมด ยังไม่เจอแม้แต่แสงไฟหรือถนนใด ๆ
ในที่สุดปาฏิหารย์ก็บังเกิด ในที่สุดเขาก็หลุดพ้นจากภูเขานี่เสียที แถมยังมีถนนอยู่อีกด้วย มีอารยธรรมเช่นนี้ แสดงว่าต้องมีคนอาศัยอยู่แน่นอน
เขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายเดินทางไปยังถนนด้วยความพยายามที่เหลือ
…………………………….
เกือบสองชั่วโมงที่หลานหลิงเดินลงมาถึงตีนเขา เขาเดินไปยังถนน รองเท้าสกปรกเริ่มได้รับความเย็นจากพื้นถนน เขาเดินไปเรื่อย ๆ มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออก
ถ้าหากมีใครผ่านมาละก็ เขาจะตะโกนให้สุดเสียงเพื่อขอความช่วยเหลือแน่ ๆ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หูของเขาได้ยินเสียงเกือกม้าวิ่งกำลังมาจากด้านหลัง
หลานหลิงรีบมองกลับไปอย่างรวดเร็ว เขาเห็นกลุ่มคนควบม้ามาจากไกล
อัศวินเกราะหนักและคนที่อยู่ภายในรถม้ากำลังรีบเดินทางมาอย่างรวดเร็ว เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ดูฟุ่มเฟือยอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าพวกนี้ต้องเป็นคนรวยแน่ ๆ หลานหลิงคิด
หลานหลิงโบกมือและตะโกนอย่างสุดเสียงทันที
“นายท่าน มีคนเถื่อนกำลังร้องตะโกนอยู่บนถนนหลวงขอรับ” อัศวินควบม้าและพูดกับคนภายในรถด้วยความเคารพ
หลานหลิงใช้เวลามากกว่า 2 เดือนในป่าเขา เสื้อผ้าของเขาขาดรุ่งริ่ง แถมผมและเคราที่ยาว ทำให้ดูเหมือนคนเถื่อนจริง ๆ
“ก็ทำแบบคนอื่น ๆ ซะสิ จัดการมันให้ตาย อยู่ข้างนอกทีไรก็ยิ่งหนาว” เสียงนุ่ม ๆ เอ่ยออกมา “พวกคนเถื่อนตายไปได้ก็ยิ่งดี”
พวกนั้นรีบวิ่งไปเพื่อที่จะฆ่าหลานหลิงโดยทันที
หลานหลิงเห็นว่าม้าที่ควบม้านั้นสูงกว่าโลกมนุษย์มาก แถมความเร็วของมันก็เร็วอย่างน่าใจหายเลยทีเดียว
ม้าทุกตัวสวมเกราะและสูงกว่าสองเมตรได้ ม้าพวกนี้ถูกใช้มาเพื่อการรบและฆ่าฟันเท่านั้นจริง ๆ
หลานหลิงหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงการพุ่งชนของม้าตัวนั้น
“แกกล้าหลบงั้นเหรอ?! จัดการมันซะ! “ พ่อหนุ่มขุนนางเอ่ยปากพูด
“ขอรับ” อัศวินในชุดเกราะเตรียมตัวออกไปเพื่อสังหารหลานหลิง
แส้ที่ตวัดออกมารวดเร็วดั่งสายฟ้า มันพุ่งไปหาหลานหลิงที่คิดจะหนีจากตรงนั้นทันที
“แสว่บ!” เสียงของแส้ปะทะเข้ากับผิวเนื้อบนร่างของเขา ราวกับถูกระเบิดลูกใหญ่ฟาดไปที่กลางหลัง เพียงครั้งเดียวก็ทำให้หลานหลิงถึงกับเลือดไหลออกมา แล้วกระเด็นไปบนพื้นพร้อมกับหมดสติโดยทันที
หนุ่มผู้สูงศักดิ์ที่อยู่ข้างในรถหัวเราะลั่นกับภาพที่เห็นทันที
หลานหลิงถูกฟาดครั้งแล้วครั้งเล่า กระดูกของเขาแตกหักเป็นเสี่ยง ๆ อวัยวะภายในเสียหาย ดูเหมือนตอนนี้เขากำลังจะตาย
ในเวลานี้หลานหลิงกระดูกหักหลายแห่ง แต่กลับยังไม่ตายไปเสียทีเดียว พลังงานลึกลับที่อยู่ภายใต้เลือดของเขาได้ตัดการล่อเลี้ยงเลือดจากหัวใจเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายเกิดอันตรายมากไปกว่านี้โดยทันที
เวลาผ่านไป หลานหลิงนอนหมดสติอยู่กลางถนน
แม้ว่าพลังงานลึกลับนี่จะปกป้องเขา แต่พลังงานนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางหมดลง พลังงานของเขาก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน ตอนนี้เส้นเลือดต่อเข้ากับหัวใจเช่นเดิม หลานหลิงรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตายจริง ๆ
หากในคืนนี้ไม่มีนักเดินทางหรือใครสักคนเข้ามาช่วยละก็ เขาอาจจะตายลงจริง ๆ ก็ได้ หลานหลิงได้แต่คิด
ดวงอาทิตย์เริ่มฉายแสง หลานหลิงยังคงนอนอยู่บนท้องถนน อยู่ในเส้นระหว่างความเป็นและความตาย เลือดที่เกิดจากอาการบาดเจ็บเริ่มรวมตัวกลายเป็นสีม่วงทันที (สีจากการบอบช้ำ)
ตลอดทั้งวันผ่านไป ท้องฟ้าเริ่มดับมืดเข้าสู่คืนอีกวัน
………………………………….
ใน 3 วันมานี้ หลานหลิงได้แต่นอนอยู่ถนนที่ไม่มีใครผ่านมาเลยสักคน
ลมหายใจและอัตราการเต้นของหัวใจของเขาเริ่มอ่อนแอลง ต่างกับตอนที่อยู่บนเขาอย่างสิ้นเชิง หากเขาไม่ได้รับการรักษาหรือเยียวยาใด ๆ เขาต้องตายแน่ ๆ
และในที่สุดก็มีเสียงเดินแต่ไกล และเริ่มเข้ามาใกล้หลานหลิง นักรบสองคนที่กำลังเฝ้ารถอยู่นั้น
กลับเป็นผู้หญิงที่ใครจะคิดล่ะ ว่านักรบเหล่านี้เป็นผู้หญิงกำลังควบม้าอยู่
พวกเขาสวมชุดเกราะหนังสีแดงตัดกับสีดำ รู้สึกได้ถึงความร้อนจากภายในร่างของผู้หญิงในชุดเกราะได้ทันที เอวของนางตัดเข้ารูปทรงตัว S ช่างงดงามยิ่งนัก แม้แต่มองไกล ๆ ก็เห็นได้ชัดว่าสตรีสองนางผู้นี้มีสริรูปโฉมงดงามจริง ๆ
แต่สิ่งที่ผิดปกติมากที่สุดคือสองคนนี้ดูไม่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อย แต่ใบหน้าของพวกนางกับเหมือนกัน หน้าของนางมีส่วนคล้ายกับคนเอเชียและตะวันตกของโลกผสมกันอยู่
ด้วยรูปโฉมงามราวกับเป็นสตรีแฝดปีศาจ ทำให้ผู้ชายลุ่มหลงได้อย่างบ้าคลั่งได้เลยทันที