ตอนที่แล้วตอนที่ 9 : แฟนสาวจำนวนนับไม่ถ้วน
“พี่สาวเหตุใดที่ของเราถึงได้ไร้ผู้คนเช่นนี้?” หลานหลิงถาม คำถามของเขานั้นช่างราวกับจี้จุดหญิงสาวยิ่งนัก
ซัวหนิงปิงจึงได้ตอบกลับ “เพราะพ่อของเรานั้นป่วยหนักมานานหลายปีแล้ว เพื่อที่จะรักษาเขา เราจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรเป็นจำนวนมาก นอกจากการใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงแบบนี้ จึงต้องใช้เงินเยอะมาก และ ซัวหลุนน้องชายของข้า เขาก็เป็นค่อนข้างเจ้าชู้ เขาไม่ได้คิดถึงการใช้เงินตอนเวลาควักจ่าย เพราะฉะนั้นอะไรที่ทำให้ตระกูลพอมีเงินยื้ออยู่ต่อ ก็ต้องโละส่วนที่ไม่จำเป็นทิ้งลงไปบ้าง”
หลานหลิงยังกล่าวต่อ “แล้วเมืองเทียนสุ่ยล่ะ?”เมืองที่มีพื้นที่ 400-500 ไมล์ การเก็บภาษีทุกครั้งแน่นอนย่อมพอมีเงินยื้อในการรักษา
จริงๆแล้วคำพูดเหล่านี้ของหลานหลิงก็พอที่จะเข้าใจได้ หัวใจของเขานั้นยอมรับอย่างสมบูรณ์ว่าซัวหนิงปิง เป็นพี่สาวของเขา หลานโก๋วนั้นเอง และเขาก็ไม่ได้ถือว่านางเป็นคนนอกแต่อย่างใดจึงพูดคุยอย่างเปิดอก
ซัวหนิงปิงพูดอย่างขมขื่นว่า “นับตั้งแต่ที่พ่อออกมาที่เมืองหลวงนั้น การเก็บภาษีของเมืองเที่ยนสุ่ยก็ไม่ได้เก็บมาเป็นเวลาห้าปีแล้วล่ะ”
หลานหลิงจึงกล่าวต่อ “พวกเขาคิดจะกบฏงั้นเหรอ?”
ซัวหนิงปิง จึงพูดต่อ “ก็อาจใช่ ตั้งแต่ที่เจ้าเมืองสุขภาพอ่อนแอ พวกคนรับใช้ก็เกิดหัวแข็งไม่ยอมทำตามที่สั่ง บางสิ่งบางอย่างที่เราสามารถเปิดหูเปิดตาได้เราก็จะเปิด หรือไม่ก็แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นราวกับตาบอดเท่านั้นเอง”
หลานหลิงจึงพูดสวนต่อ “ก็ตั้งแต่ที่เจ้าเมืองออกไปจากเมืองเป็นเวลานาน เขาก็ต้องมอบหมายให้คนที่รับผิดชอบหน้าที่ต่อจากเขาเป็นคนจัดการสิ เพราะเรื่องนี้มันสำคัญมากเลยนะ แถมนี่ยังอันตรายมากอีกด้วย”
ซัวหนิงปิงจึงพูดตอบหลานหลิง “เราอยู่ในอันตรายนานแล้วล่ะ ผู้คนพร้อมที่จะขยับได้ทุกเมื่อ เมื่อตอนที่ซัวหลุนหายตัวไปและไม่ได้กลับมา พวกนั้นก็ต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ”
หลานหลิงจึงพูดตอบ “แล้วพวกตระกูลซัวคนอื่นๆ ไม่มีวิธีจัดการกับพวกที่คิดต่อต้านบ้างเลยเหรอ? แล้วราชวงศ์ล่ะ? ไม่คิดจะจัดการพวกที่คิดจะก่อการกบฏหรือยังไงกัน?”
ซัวหนิงปิง พยักหน้า“เพราะงั้นไงล่ะ เราถึงต้องรอเจ้าจัดการเรื่องนี้”
หลานหลิงพูด “ต้องการให้ข้าเป็นเจ้าเมืองของเมืองเทียนสุ่ยใช่รึเปล่า?”
“ถูกต้อง เราต้องให้เจ้าเป็นผู้จัดการพวกที่คิดจะก่อกบฏให้ได้ เพราะเจ้าจะได้รับยศเจ้าเมืองจากคนของราชวงศ์และนี่เองก็ถือเป็นบทพิสูจน์สำหรับเจ้าที่จะกลายเป็นเจ้าเมืองเทียนสุ่ย”
หลานหลิงพูด “แล้วตอนไหนที่พวกราชวงศ์จะแต่งตั้งยศให้ข้ากัน?”
ซัวหนิงปิงจึงกล่าวตอบหลานหลิง “หลังจากที่เจ้าจบการศึกษาจากโรงเรียนราชวงศ์ ก่อนที่เจ้าจะได้รับการสืบทอดตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เจ้าจะต้องยอมรับการเรียนหลักสูตรที่นั่น เป็นเวลาหกปี และต้องผ่านการสอบวัดระดับการศึกษาให้สำเร็จก่อนถึงจะสามารถสืบทอดตำแหน่งได้”
“ยากมากเลยไม่ใช่เหรอ?” หลานหลิงถาม
ซัวหนิงปิง พูด “เจ้าต้องผ่านสี่สาขาของโรงเรียนให้ได้ เพื่อจะได้จบตามหลักสูตร ตราบใดที่เจ้าเรียนตามปกติเป็นเวลา 6 ปี เจ้าจะสามารถผ่านการทดสอบได้แน่ แต่มันก็ไม่ได้ถึงกับเรียนทุกวันหรอกนะ มันก็แค่ยากเท่านั้น แต่เจ้าอาจจะเลื่อนวันเรียนไปก่อนเช่นอาทิตย์หน้าก็ยังได้เพื่อให้การเรียนสามารถเรียนต่อเนื่องได้อย่างไหลลื่น”
หลานหลิงพูด “ตอนนี้เราอยู่ในสถานการณ์เร่งด่วนรึเปล่า? เราต้องจัดการกับพวกที่คิดจะกบฏรึไม่”
“ตอนนี้เราไม่มีทางอื่นแล้ว กว่าสิบปีที่ผ่านมาพวกราชวงศ์ก็ได้ละเลยมาเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรอันดับแรกเจ้าก็ต้องผ่านการสอบวัดระดับการศึกษาด้วยคะแนนที่ดีที่สุด จากนั้นเจ้าก็จะได้รับนักรบระดับสูงติดตัวและจะได้สืบทอดตำแหน่งเจ้าเมืองได้อย่างถูกต้อง”
หลานหลิงจึงพูด “ถ้ายังงั้น ข้าขอเลื่อนการเรียนไปอีกหนึ่งปีจะได้มั้ย?”
ซัวหนิงปิงไม่ได้พูด แต่กลับเป็นเย่จิงยื่อพูดแทน “ไม่ได้หรอก เวลาการเรียนของโรงเรียนราชวงศ์นั้นจะมีการสอบประจำปีในอีก 5 เดือนข้างหน้า แถมอีกสี่สาขา เจ้าจำเป็นต้องเรียนให้ครบทั้งหมดด้วย แต่นายน้อยหญิงท่านคิดไว้ว่า การที่จะเลื่อนออกไปเป็นปี เพราะนางรู้ว่าเขามีความสามารถสูง เขาคนนั้นคือนายน้อยซัวหลุนคนเก่า แต่กับเจ้านั้นการจะให้เลื่อนอะไรไปแบบนั้น มันค่อนข้างลำบากที่จะจบการศึกษานะ”
หลานหลิงไม่ได้สนใจ ที่จริงตัวเขานั้นศึกษาเล่าเรียนตอนที่อายุได้ 6 ปีเริ่มตั้งแต่อายุ 4 หรือ 5 ขวบ ในครอบครัวของเขาที่โลกเก่าร่ำเรียนหลายวิชาเพื่อกวดเข้าสถาบันดีๆ โดยรวมศึกษาแล้วจริงๆก็เกือบสิบปีขึ้นไปได้
แต่หลานหลิงในโลกนี้ เขาต้องเริ่มต้นทุกอย่างใหม่ แถมการสอบใกล้จะเริ่มต้นในอีก 5 เดือนข้างหน้า ทั้งการศึกษาด้านกองกำลังทหาร ด้านวิชาการ ด้านการเงิน ด้านการบริหารบ้านเมืองต่างๆ ราวกับว่า สิบปีก็คงไม่พอ
……………………………..
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาหลานหลิงอาศัยอยู่ที่ศาลาและอาลัยหาเคานท์ซูหลง อาหารและเครื่องดื่มถูกยกออกมาวางไว้ข้างในให้แก่เขา นี่แสดงให้เห็นถึงความไร้ตัวตนของเขาในสายสัมพันธ์พ่อลูกในช่วงเวลานี้ ซัวหนิงปิง กำลังยุ่งเกี่ยวกับการจัดเตรียมบทเรียนบทสอนตั้งแต่หนึ่ง เพื่อสอนให้กับนายน้อยคนใหม่อย่างหลานหลิง เขาต้องป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกพบหลานหลิงในตอนนี้ ไม่เช่นนั้นความอาจจะแตกได้ นางอยากให้เขาไปเปิดตัวอีกทีก็ตอนสอบในโรงเรียนราชวงศ์เลย ถ้าหากสิ่งที่นางคิดเป็นไปได้
“ซัวหลุนในอดีต เขาไม่มีความรู้สึกนึกคิดทางการด้านกองกำลังทหารเลย เขามีแต่พรสวรรค์ในการเป็นผู้มากรัก จีบผู้หญิงไปทั่ว” ซัวหนิงปิงยังกล่าวอีกว่า “ที่โรงเรียนราชวงศ์ หากเจ้าไม่ตั้งใจให้ดี ทุกสิ่งทุกอย่างก็อาจจะพลาดอะไรหลายๆอย่างไปก็ได้”
หลานหลิงสงสัยแต่ก็พอเข้าใจเล็กน้อย เขาอยากจะถามนางต่ออีกว่า “ยังงั้น…แสดงว่าที่โรงเรียนเขามีแฟนเยอะเลยละสิ?”
ซัวหนิงปิง พยักหน้า ถูกต้อง เยอะมากเลยล่ะ”
หลานหลิงเงียบ และพูดต่อ “แล้วมีกี่คนล่ะ?”
ซัวหนิงปิงเริ่มอายเล็กน้อยแต่นางก็ยังคงตอบให้หลานหลิง “ก็อาจะเป็นตัวเลขสองหลักก็ได้”
ตัวเลขสองหลักเหรอ? นี่มันเยอะมากเลยนะ? หลานหลิงถึงกับงุนงงกับตัวเลขที่พี่สาวของเขากล่าวออกมา
“พี่สาว คือข้าตั้งแต่เด็กจนโตเลยนะ ข้าไม่เคยรู้จักความรักเลยแม้แต่น้อย แต่ซัวหลุนเขากลับรู้จักความรักมากมาย แต่เขาเองก็ถือได้ว่าเป็นเศรษฐีหนุ่มคนนึง ยังงี้ถ้าหากว่าแฟนเก่าเขา ที่ซัวหลุนหักหลัง เขาแค้นขึ้นมา ข้าไม่ซวยแย่หรอนั้น” หลานหลิงพูด
ซัวหนิงปิงรู้สึกอายที่จะตอบจริงๆ “ซัวหลุนเขาไม่ทำเช่นนั้นแน่ๆ เมื่อใดที่เขามีโอกาสได้จีบผู้หญิง ส่วนใหญ่เขาจะทำท่าแสดงว่าชอบว่ารักมากกว่า แต่เขาเองก็เป็นคนที่ระวังตัวดีมากเรื่องนี้ แต่ยังไงเขาเองก็มีผู้หญิงที่อันตรายอยู่รอบๆ เจ้าเองก็ต้องระวังตัวด้วย”
หลานหลิงรู้สึกกระวนกระวายใจนักที่ต้องมาเป็นตัวแทนคนเจ้าชู้เช่นนี้ “ใครเหรอ?”
“คนแรกนางมีชื่อว่า กุย ชินซาว นางเป็นคู่หมั้นของซัวหลุน นางเป็นลูกสาวของ เจ้าเมือง เมืองหลินไฮ้ เป็นคนที่มีชื่อเสียงในด้านประชากรกำลังทหาร เพราะฉะนั้นนางจึงคิดที่จะจัดการกับซัวหลุนบ้างในบ้างครั้ง แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ ถ้าหากเจอนางเมื่อไหร่ก็พยายามหลีกเลี่ยงไว้จะดีกว่า”
หลานหลิง พยักหน้าตอบ
ซัวหนิงปิงกล่าวต่ออีกว่า “คนที่สองก็คือองค์หญิงจือหนิง นางงดงามมาก และยังฉลาดอีกด้วย นางคือคนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้หญิงที่มีพรสวรรค์ที่ดีที่สุดคนนึงในอาณาจักรเลยล่ะ ซัวหลุนชอบนางมาก แต่นางไม่ได้ชอบซัวหลุนแต่อย่างใด แต่ซัวหลุนเองก็พยายามตามนางให้ได้ แต่เขาก็แพ้อย่างน่าอดสู สาเหตุที่ทำให้เขาไปที่หุบเขาอสูรสวรรค์ก็เพราะนาง เขาได้ยินมาว่านางอยากได้สัญลักษณ์มังกรโบราณแต่มันกลับอยู่ที่หุบเขาอสูรสวรรค์ เพราะงั้นซัวหลุนจึงเสี่ยงที่จะไปหาสัญลักษณ์มังกรนี่เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่นาง”
หลังจากที่ได้ยิน สัญชาตญาณของหลานหลิงก็ทำงาน เขาคิดว่า นี่อาจจะเป็นการสมรู้ร่วมคิดก็ได้ การตายของซัวหลุนอาจจะเกิดมาจากนาง
ซัวหนิงปิงกล่าวต่อ “จือหนิงนางเป็นคนฉลาดนัก ถ้าหากเจ้าพบนางแล้วละก็ เจ้าต้องทำตัวให้ดีวางตัวให้ถูกไม่เช่นนั้น นางอาจจะเจอจุดที่น่าสงสัยสำหรับตัวเจ้าก็เป็นได้”
หลานหลิงพยักหน้า “ข้ารู้จักผู้หญิงประเภทนี้ดี ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไร”
นี่ไม่ใช่การโกหกแต่อย่างใด ตั้งแต่ที่พี่สาวและเขาได้ออกจากบ้านป้ามาตั้งแต่อายุยังเด็กๆ พวกเขาเคยเห็นพวกมนุษย์ที่นิสัยเสียมามาก หัวใจของหลานหลิงสลักความรู้สึกพวกนี้ไว้เป็นอย่างดี เขาระวังตัวกับผู้อื่นอย่างเสมอ
ซัวหนิงปิงพูดต่อ “คนที่สาม เจ้าอาจจะต้องใส่ใจเป็นพิเศษหน่อย นางมีชื่อว่าเหยียน ไน่เอ๋อหน้าตาของนางสริโฉมงดงามมากนัก ทักษะการต่อสู้ของนางเองก็สูง โดยเฉพาะช่วงอารมณ์โกรธ ที่ซัวหลุนชอบไล่ตามนางอยู่เสมอ เขามักจะตามนางต้อยๆ นางก็เล่นงานเขาทุกครั้ง อย่างที่สุภาษิตจีบหญิงเคยกล่าวล่ะนะ ตื้อเท่านั้นก็อาจจะพิชิตใจสตรี ในที่สุดซัวหลุนก็สามารถจับมือนางได้ ความคิดของนางเปรียบได้ดั่งผ้าขาว การที่ถูกผู้ชายจับมือ ทำให้นางตกหลุมรักซัวหลุน และพยายามทุกอย่างให้ซัวหลุนได้อย่างเต็มที่ แต่ซัวหลุนกลับไม่อยากแต่งงานกับนาง”
หลานหลิง คิดว่าความสัมพันธ์ของซัวหลุนผู้นี้ ไม่มีจุดสิ้นสุดจริงๆ
ซัวหนิงปิงยังกล่าวต่ออีกว่า “ในเรื่องรักๆในหมู่สาวของหลานหลิง เหยียนไน่เอ๋อ ออกตัวแรงสุด นางแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับการแต่งงานของซัวหลุนและนางเอง แต่ทั้งเมืองก็สงสัยว่าทำไมนางถึงต้องทำอะไรเช่นนี้ด้วย เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าซัวหลุนเป็นผู้ชายที่มากรัก ยิ่งในช่วงที่ซัวหลุนตามจือหนิงต้อยๆ และหายตัวไป นางก็ทิ้งเมืองหลวงและตอนนี้ข้าก็ไม่รู้ว่านางนั้นไปอยู่ที่ไหนแล้ว”
หลานหลิงอดไม่ได้ที่จะสบถ “ซัวหลุนนี่นิสัยเสียจริงๆ ทั้งที่มีหญิงที่ทุ่มเทในความรักให้แบบนี้กลับไม่สนใจตัวนาง”
“จริงอย่างเจ้าว่า…”ซัวหนิงปิงพูดต่อ “พ่อของเหยียนไน่เอ๋อ ไม่ชอบซัวหลุนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับคนที่มีคู่หมั้นแล้วยังมาจีบลูกสาวของเขา บางทีตอนนี้นางอาจจะถูกพ่อของนางพาตัวกลับบ้านก็เป็นได้ ในมุมมองของผู้หญิง ที่ไม่ใช่พี่สาวของเขานะ ข้าเกลียดนิสัยของซัวหลุนจริงๆ”
หลานหลิงพูดบ้าง “ถ้าหากเป็นเช่นนี้สงสัยข้าคงเจอแต่ปัญหาใหญ่แล้วสินะ”
ซัวหนิงปิงพยักหน้าเบาๆ “ใช่ ข้าไม่อาจพูดได้เลยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าบ้าง ถ้าหากเจ้าคิดจะหนีเหยียนไน่เอ๋อแล้วละก็ อาจจะมีเกิดการต่อสู้กันกลางเมืองก็ได้นะ”
หลานหลิงรู้สึกกดดันตัวเองยิ่งกว่าเก่า
ซัวหนิงปิงพูดเสริม “วิชายุทธ์ของเหยียนไน่เอ๋อสูงมาก ถ้าหากเจ้าไปชนกับนางละก็ เจ้าคงปลิวได้ หากเป็นคนธรรมดาป่านนี้คงถูกเหยียนไน่เอ๋อทำร้ายแล้ว แต่นางคงไม่มีวันทำร้ายซัวหลุนแน่ๆ เพราะนางรักเขามาก”
“ดี…ค่อยดีขึ้นหน่อย” หลานหลิงพูดโดยที่ฟังก็ยังเหนื่อย “ยังมีผู้หญิงคนอื่นอีกรึเปล่าที่สนใจในตัวข้า?”
“ไม่รู้เหมือนกัน ข้ามักอยู่ระเบียบวินัยเสมอ แต่ซัวหลุนกลับไม่ และข้าเองก็ไม่ได้พบเขามาหลายปีแล้วด้วย แต่ข้าได้ยินข่าวลือกันมาว่า เขามีความสัมพันธ์กับครูของโรงเรียนราชวงศ์ แถมเขายังถูกจับได้โดยสามีของครูคนนี้อีก”
หลานหลิงคิดว่า ถ้าหากเขาไปที่โรงเรียนราชวงศ์แล้วละก็ เขาก็ถือได้ว่านั้นคือสนามรบชัดๆ เพราะเขาทำกับคนอื่นยังไม่พอ นี่กลับทำกับคุณครูที่แต่งงานแล้วอีก แถมยังถูกสามีของเขาจับได้อีกด้วย ทำไมเขาถึงยังไม่ตายซักทีนะตอนนั้น?