I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 350 – สะท้อนกลับ

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

*** ปัง ปัง ปัง ***

‘ชูเฟิง’และ ‘เจี่ย ฉิงหมิง’นั้นต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายพวกเขาออกอาวุธทั้งเตะและต่อยทุกๆครั้งที่มือและเท้าของพวกเขาชนกันมันจะทำให้เกิดเสียง เสียงที่เหมือนกับเหล็กสองอันปะทะกัน

พื้นดินโดยรอบยังถูกเขย่าทุกครั้งที่พวกเขาเข้าปะทะกันแม้แต่อากาศโดยรอบยังถูกทำให้สั่นไหวความเร็วในการออกแม่ไม้มวยจีนของพวกเขาทั้งสองคนนั้นชั่งเป็นอะไรที่รวดเร็วมาก จนหลาย ๆคนที่อยู่ในแดนแก่นแท้วิญญาณไม่สามารถที่จับตามองทันการเคลื่อนไหวและรูปแบบการโจมตีของพวกเขาทั้งสองคนได้อย่างชัดเจน

มีแต่ผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของแดนแก่นแท้วิญญาณเท่านั้นที่สามารถมองรูปแบบการโจมตีและการเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งสองคนได้อย่างชัดเจนส่วนผู้ที่ไม่สามารถมองเห็นรูปแบบการโจมตีของพวกเขาทั้งสองคนได้อย่างชัดเจนนั้นต่างก็พากันถอนหายใจเฮือกใหญ่และสรรเสริญความสามารถของพวกเขาทั้งสองคน

เพราะพวกเขาต่างพบกันว่าพลังงานแก่นแท้วิญญาณที่ทั้งสองคนได้แสดงให้เห็นนั้นชั่งล้ำลึกมากและแม้แต่ความเข้าใจในศิลปะเชิงยุทธ์ทั้งรุกและรับของทั้งสองคนนั้นยังห่างไกลเกินกว่าคนปกติทั่วไปอยู่เป็นอย่างมากในสถานการณ์เช่นนี้พวกเขาทุกคนต่างรับรู้ว่า ‘เจี่ย ฉิงหมิง’ นั้นคืออัจฉริยะที่ทุกคนยอมรับจึงไม่มีใครสงสัยในความสามารถของเขา

แต่สำหรับ’ชูเฟิง’ที่มีความสามารถทำได้ดียิ่งกว่า ‘เจี่ย ฉิงหมิง’ นั้นมันทำให้เหล่าผู้คนที่ได้เห็นถึงกับต้องตกตะลึงไม่รู้จบเพราะนั้นหมายความว่าในแง่ความสามารถของทักษะยุทธ์ของชูเฟิงนั้นได้อยู่เหนือกว่า ‘เจี่ย ฉิงหมิง’

“นี่มันเกิดบ้าอะไรกัน ทั้งๆที่ข้าได้รับการปลูกฝังทักษะลับขั้นสูงแล้วแท้ ๆ แต่แล้วทำใมข้าถึงไม่สามารถเป็นผู้ควบคุมกระแสการต่อสู้ในครั้งนี้ได้ หรือมันจะเป็นไปได้ว่ามันก็ได้รับการปลูกฝังทักษะลับระดับสูงเช่นกัน? อย่างเช่นทักษะลับขั้นสูงที่มีค่าและหายาก…ไม่ มันเป็นไปไม่ได้สถานที่เช่นอาณาจักรมังกรฟ้าจะมีทักษะลับระดับนั้นได้ยังใงกัน?”

แต่เดิม ‘เจี่ย ฉิงหมิง’ได้คิดไว้แล้วว่าถ้าเกิดเขาได้ใช้พลังอำนาจสูงสุดบุกเข้าโจมตีใส่’ชูเฟิง’ละก็ถึงแม้ว่าจะไม่ชนะแต่เขาคิดว่าก็ยังคงที่จะสามารถปราบปราม’ชูเฟิง’ได้และการเป็นผู้ควบคุมกระแสการต่อสู้ในครั้งนี้ได้อย่างสมบูรณ์

หลังจากที่ประสบการณ์ในการต่อสู้ของเขานั้นได้ผ่านมาแล้วอย่างมากมายและในระดับการใช้พลังอำนาจของเขาก็ยังได้ก้าวเข้ามาแล้วในระดับแก่นแท้วิญญาณขึ้นสุดท้าย แต่เขากับไม่เคยคิดเลยว่าถึงแม้ว่าเขาจะได้ใช้พลังอำนาจสูงสุดของเขาแล้วเขาก็ยังคงถูกปราบปรามโดย’ชูเฟิง’

ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ‘เจี่ย ฉิงหมิง’ นั้นแข็งแกร่งมากที่สุดในบรรดาคู่ต่อสู้ที่’ชูเฟิง’ได้เคยต่อสู้มาทั้งหมด ถ้าไม่นับรวมกับหญิงสาวชุดม่วงที่มีพลังอำนาจในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งคนนั้นแต่มันก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่ฝ่ายตรงข้ามของเขานั้นคือ’ชูเฟิง’ และ’ชูเฟิง’ยังมีอีกสองสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่รวมอยู่เข้ากับเลือดของเขาในแง่ของความแข็งแกร่งทางร่างกายแล้ว’ชูเฟิง’นั้นถือได้ว่าได้เปรียบ’เจี่ย ฉิงหมิง’ อยู่มาก

“เจี่ย ฉิงหมิง หลังจากที่เจ้าใช้มือและเท้าของเจ้า ข้าก็ยังไม่เห็นความแข็งแกร่งใด ๆอย่างที่เจ้าได้กล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้เลยนิ ถ้าเกิดหลังจากนี้ผ่านไปในไม่กี่ปีข้างหน้าเมื่อข้าชูเฟิงมีพลังวิญญาณที่สามารถเทียบเคียงเจ้าได้และเมื่อถึงตอนนั้นเจ้าจะสามารถต่อสู้กับข้าได้หรือไม่”

‘ชูเฟิง’กล่าวยิ้มเยาะเย้ยอย่างเย็นชาและประกายแสงจ้าเย็นออกมาจากรอยยิ้มของเขา ธรรมชาติแล้ว’ชูเฟิง’นั้นคือคนที่จะไม่ไปรุกรานใครก่อน แต่ถ้าเกิดเขาได้รุกรานแล้วล่ะก็เขาก็จะรุกรานให้ถึงที่สุดเพราะศัตรูนั้นไม่อาจที่จะอยู่ร่วมโลกกันได้

“เหอะ ต้องการที่จะเทียบเคียงกับข้าอย่างนั้นรึ งั้นเรามาดูกันว่าเจ้าจะได้มีโอกาสเช่นนั้นหรือไม่”

‘เจี่ย ฉิงหมิง’ กล่าวอย่างเย็นชาและเริ่มที่จะเปลี่ยนการก้าวเท้าของเขาค่อย ๆ เร็วขึ้นและเร็วขึ้นกว่าก่อน ทุกย่างก้าวของเขานั้นเต็มไปด้วยการวางรากฐานในระดับที่ลึกล้ำมากพร้อมกับหมัดของเขาเริ่มกลายเป็นหนักขึ้นและเร็วขึ้น ทุก ๆฝ่ามือที่ปล่อยออกมานั้นเริ่มกลายเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาเขาได้

เริ่มที่จะตอบโต้’ชูเฟิง’และบังคับให้’ชูเฟิง’ต้องเป็นฝ่ายถดถอยออกมาอย่างต่อเนื่อง

“บ้าเอ้ย ผู้ชายคนนี้มันซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้?”

‘ชูเฟิง’เริ่มขมวดคิ้วเบา ๆ เขาพบว่าฝ่ามือของ ‘เจี่ย ฉิงหมิง’ นั้นกลายเป็นหนักขึ้นและความเร็วก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเกินเขาแล้วในตอนนี้ถ้าเกิดยังเป็นเช่นนี้ต่อไปผู้ที่จะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้จะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน

“ฮ่า ๆ ในที่สุด เจี่ย ฉิงหมิงก็ได้ใช้ความแข็งแรงของเขาแล้วใช่หรือไม่? มิน่าเล่าก่อนหน้าข้ารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่ เจี่ย ฉิงหมิงจะไม่สามารถเอาชนะชูเฟิงได้ ฮ่าอันที่จริงก่อนหน้านี้เขาแค่ไม่อยากแสดงพลังที่แท้จริงของเขาเพียงเพราะว่าเขากลัวชูเฟิงจะต้องตายด้วยมือของเขาถ้าเกิดเขาใช้มัน”

พอเห็นว่า ‘เจี่ย ฉิงหมิง’เป็นต่อและปราบปราม’ชูเฟิง’กลับ คนที่เชียร์ข้าง ‘เจี่ย ฉิงหมิง’อยู่แล้วก็ปรากฏรอยยิ้มแห่งความสุขอยู่บนใบหน้าของพวกเขาในทันที

“เหอะไอ้ขี้โกง เจี่ย ฉิงหมิงมันแอบใช้ทักษะการต่อสู้”

‘ซู ซ่งหยู’ ขมวดคิ้วของเขาเบา ๆ และในขณะที่เขาได้รับรู้ว่า ‘เจี่ย ฉิงหมิง’ใช้ทักษะอะไร เขาก็ได้มีความคิดดีดีปรากฏขึ้นมาและเปล่งเสียงตะโกนออกไปอย่างรวดเร็ว

“เจี่ย ฉิงหมิง ชูเฟิงยังคงสู้กับเจ้าด้วยแม่ไม้มวยจีนอยู่ไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดเจ้าถึงได้ใช้ก้าวย่างเมฆและฝ่ามือยักษ์ษากันหือ นี่มันแสดงความไม่เป็นธรรมเกินไปหน่อยหรือไม่?”

“เจ้าสามารถหลอกคนอื่น ๆ ได้แต่เจ้าไม่สามารถที่จะหลอกข้า ซู ซ่งหยู ได้เจ้าเคลื่อนไหวด้วยการใช้ก้าวย่างเมฆและโจมตีด้วยฝ่ามือยักษ์ษา แม้ผิวเผินมันจะดูเหมือนไม่ใช่ทักษะการต่อสู้ แต่รูปแบบและรากฐานที่เป็นเอกลักษณ์ของมันนั้นเจ้าได้แสดงมันออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน”

พอเห็นเช่นนั้นคนจากนิกายโลกวิญญาณก็ได้ตรวจสอบอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ตะโกนออกมาจากลำคอของพวกเขาอย่างเสียงดังและกล่าว

“โอ่มันเป็นเช่นนั้นนี่เอง ข้าถึงได้สงสัยว่าทำใมอยู่ดีดี เจี่ย ฉิงหมิง ถึงได้แข็งแกร่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน มันเป็นเพราะว่าเขาใช้ทักษะการต่อสู้นี่เอง”

“การเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหวก้าวย่างเมฆและฝ่ามือยักษ์ษานั้นเป็นทักษะติดตัวของตระกูลเจี่ย เจ้าสามารถปกปิดมันจากคนอื่นได้แต่เจ้าไม่สามารถปกปิดมันจากนิกายโลกวิญญาณของข้าได้”

“เป็นเช่นนั้นเขาใช้ทักษะการต่อสู้ ข้าก็สงสัยว่าทำใมอยู่ดีดีเขาถึงได้แข็งแกร่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน”

ในทันทีที่’ชูเฟิง’ตระหนักได้เขาก็เริ่มเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีของเขา เขาจึงเริ่มใช้ทักษะท่องนภาใต้ฝ่าเท้าของเขาจนทำให้เกินลมกระโชกแรงและยกตัวของเขาขึ้นและเขาจึงเริ่มโจมตีด้วยการใช้ฝ่ามือลวงตา

*** หวืบ หวืบ ***

‘ชูเฟิง’ได้บรรลุฝ่ามือลวงตาจนถึงขั้นจุดสูงสุดแล้ว ขณะที่เขาใช้มันก็ดูไม่เหมือนฝ่ามือธรรมดาอีกแล้ว แต่มันเป็นเหมือนกันผนังที่เต็มไปด้วยฝ่ามือจนไม่อาจแยกแยะได้ว่าฝ่ามือไหนเป็นของจริงและฝ่ามือไหนเป็นลวงตา

*** ปัง ***

ทันใดนั้นหนึ่งฝ่ามือของเขาได้กระแทกเข้ากับหน้าอกของ ‘เจี่ย ฉิงหมิง’ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อฝ่ามือของเขากระแทกเข้ากับหน้าอกของ ‘เจี่ย ฉิงหมิง’มันก็ได้ระเบิดและส่งแรงกระแทกกลับเข้ามาที่ฝ่ามือและแขนของ’ชูเฟิง’ในทันที ร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาได้พุ่งกระเด็นห่างออกไปหลายเมตรและล้มลงกับพื้นดิน

เขาตกอยู่ในสภาพที่งงงวย’ชูเฟิง’มองไปที่ฝ่ามือของเขาที่อยู่ในสภาพบวมใหญ่และปรากฏลอยช้ำสีม่วงอยู่บนฝ่ามือของเขา ตอนนี้คือเรื่องจริงฝ่ามือของเขาได้รับบาทเจ็บ หากสภาพร่างกายของเขาไม่แข็งแกร่งพอบางทีมือของเขาอาจถูกทำลายจนใช้การไม่ได้อีกแล้วก็เป็นได้

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เห็นได้ชัดว่า เจี่ย ฉิงหมิงถูกตีโดยชูเฟิง แล้วเหตุใดทำใมชูเฟิงถึงกระเด็นออกมา?”

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้สร้างความสับสนให้กับผู้คนและตกใจอยู่ในทำนองเดียวกันไม่รู้จบ

“บัดซบ มันเป็นเกราะหนาม เจี่ย ฉิงหมิงสวมเกราะหนามในร่างกายของเขา มันมีความสามารถสะท้อนกลับความเสียหายที่เขาได้รับได้โดยที่เขาจะได้รับการปกป้องโดยมันและไม่ได้รับบาทเจ็บใด ๆ เพราะเหตุนี้ชูเฟิงจึงได้รับความเสียหายในตอนที่กระแทกฝ่ามือเข้าไปที่น่าอกของ เจี่ย ฉิงหมิง ชูเฟิงทางที่ดีอย่าโจมตี เจี่ย ฉิงหมิง! ถ้าเจ้าโจมตีเขาคนที่จะเป็นฝ่ายเจ็บตัวก็คือตัวเจ้าเอง”

‘ซู ซ่งหยู’ กล่าวด้วยความกังวล

“ชูเฟิงอย่าโจมตีร่างกายของมัน! เกราะหนามบนร่างกายของมันนั้นแข็งแกร่งมากและมันยังไม่ได้เป็นสิ่งที่ไว้ใช้สำหรับการป้องกันเพียงอย่างเดียวมันยังสามารถนำมาพลิกแพลงเป็นอาวุธชั้นดีได้อีกด้วย!.”

‘กู่ โบ๋’ รีบที่จะตะโกนเตือน’ชูเฟิง’

“มันเป็นเช่นนี้นี่เอง งั้นก็ดีถือว่าเป็นสถานการณ์ที่เหมาะสมพอที่จะทดลองอะไรสักอย่างหนึ่งพอดี”

‘ชูเฟิง’ยิ้มเบาๆ หลังจากที่ได้รู้ความสามารถของมัน ไม่เพียงแต่เขาไม่หนีเขายังเน้นฝีเท้าของย้ำเข้าไปที่พื้นและพุ่งไปข้างหน้าต่อ ‘เจี่ย ฉิงหมิง’ อีกครั้งแต่ครั้งนี่ร่างกายของ’ชูเฟิง’กับถูกปกคลุมไปด้วยออร่าสีเขียวทั้งร่างกายออร่าสีเขียวที่ปกคลุมร่างกายของ’ชูเฟิง’นั้น หากไม่สังเกตอย่างใกล้ชิดแล้วล่ะก็จะไม่มีทางเห็นมันอย่างแน่นอน

แต่ถ้าหากมองและสังเกตดีดีพวกเขาจะเห็นออร่าสีเขียวและรวมไปถึงรูปแบบพิเศษที่ให้ความรู้สึกว่าไม่มีวิธีการใดที่จะสามารถทำลายมันได้ มันคือทักษะเร้นลับเกราะเต่าทมิฬ

“เหอะเจ้าประเมินค่าความสามารถของตัวเองสูเกินไปนะไอ้สอง”

เห็น’ชูเฟิง’เป็นจริงพยายามที่จะโจมตีอีกครั้ง ‘เจี่ย ฉิงหมิง’ จึงไม่ได้มีความคิดที่จะหลบหลีกหรือหลีกเหลี่ยงใด ๆ เขายืนตรงพร้อมอาแขนรับหมัดของ’ชูเฟิง’อย่างเต็มที่เพราะเขานั้นมีเกราะหนามคอยปกป้องตัวเองอยู่เขาจึงมั่นใจว่าเขาจะไม่ได้รับอันตรายใด ๆจาก’ชูเฟิง’

และมีเพียง’ชูเฟิง’เท่านั้นที่จะต้องได้รับบาทเจ็บกลับไปและคลานเหมือนหมาที่กำลังจะตาย

*** หวืบ ***

เพียงแค่ในเวลานั้น’ชูเฟิง’ก็ได้มาถึงด้านหน้าของ ‘เจี่ย ฉิงหมิง’ เขารวบรวมอำนาจแก่นแท้ในร่างกายของเขาถ่ายไปที่เอวและขาจากนั้นก็ตั้งฉากให้มั่นพร้อมบิดเอวของเขาและส่งพลังอำนาจแก่นแท้ทั่งหมดกลับมาที่ฝ่ามือและซัดเข้าไปที่ใบหน้าของ ‘เจี่ย ฉิงหมิง’

*** ตูม!! ***

แต่ก่อนหน้าที่หมัดของ’ชูเฟิง’จะซัดเข้าไปที่ใบหน้าของ ‘เจี่ย ฉิงหมิง’ ก็ได้มีชั้นออร่าสีแดงปรากฏจากร่างกายของเขาออกมาและถ้าจ้องมองอย่างละเอียดจะค้นพบว่ามีออร่าหนามสีแดงออกมาเป็นตัวคอยที่จะสะท้อนความเสียหายกลับไปยังฝ่ายตรงข้ามแต่ถึงยังงั้น

‘ชุเฟิง’ก็ยังไม่ได้มีท่าที่ใด ๆว่าจะหยุดเข้าอดไม่ได้ที่จะเพิ่มพลังอำนาจของเขาอย่างรวดเร็วแล้วอัดเข้าไปที่หน้าของ’เจี่ย ฉิงหมิง’และหลังจากที่หมัดของ’ชูเฟิง’ได้ชนเข้ากับออร่าสีแดงก็ได้เกิดการระเบิดดังเสียงโครมครามออกมา

และหลังจากที่สิ้นเสียงพวกเขาต่างพบกันว่า’ชูเฟิง’นั้นไม่ได้กระเด็นกลับออกมา แต่มันกลายเป็น ‘เจี่ย ฉิงหมิง’ที่ร่างเคว้งขว้างอยู่บนอากาศโดยแรงหมัดของ’ชูเฟิง’

#################################################################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 3 หัวดอที่จะมาเผาชูเฟิงไปพร้อมกลับคุณ

1 : เป็นใงล่ะมึงห้าวดีนัก 55555 อ้าแขนรับหมดเป็นใงล่ะเจอวงสวิงเข้าไป นายคิดว่ามันจะตายไหม 2

2 : ดูจากสภาพแล้วคงตายยากว่า 1 ถถถถถถ ไม่ดั่งหัก ก็ฟันแตกล่ะว่ะ

1 : 55555 ควายทั้งนั้นไม่มีวัวผสม

2 : ควายตั้งแต่มาแย้มกับพี่เฟิงกูและ ไอ้หมิง!! 555555

3 : หมดกันภาพพจตัวร้ายกู บางที่เอาตัวที่มันเก่งๆโพล่มาโชว์พลาวหน่อยก็ได้นะไม่ใช่เอาตัวกากมาเลี้ยงมันแบบนี้!!

1 : 555555 ว๊ายๆตัวโกงโครตกากนึกว่าจะเจ๋งที่แท้ก็ตัวเลี้ยง

2 : ตัวแจก อ่ะ ตัวแจก รอเกิดไปงานนี้แครี่ขึ้นมาเมื่อไหร่แล้วพี่จะหนาวตูด

3 : หึ้ยล้อได้ล้ออย่าให้ถึงที่กู!!

1,2 : กูรออยู่!!!

3 : &*$&&*%%$%#$#

#################################################################################################

…..####เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ : นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน####…..

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments