ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“ ไม่เลวทีเดียว ถึงกับทำให้พลังวิญญาณอยู่ห่างเจ้าเพียง 1 ระดับ ตอนนี้ข้าอยู่ในระดับ 4 แก่นแท้วิญญาณ! ! เฮ้อ ~ ~ ~”
‘ต้านต้าน’ ยิ้มหวานๆออกมา ด้วยความพอใจ แต่’ชูเฟิง’รู้ดีว่านางจงใจทำ เพราะนางกลัวว่า ‘ชูเฟิง’จะลำบากใจ นางจึงต้องแกล้งทำเป็นว่ากำลังดีใจ ‘ชูเฟิง’รู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าตอนแรกนางมีพลังวิญญาณถึงระดับไหน
แต่เขาก็รู้ว่านางมีพลังอำนาจอย่างมากและเขาก็รู้ว่านางต้องการที่จะนำความแข็งแกร่งเมื่อครั้งเดิมกลับมา หลังจากที่ต้องสูญเสียมันไป
“ ข้าจะอยู่ในอาณาจักรฉินไปก่อน หากจื่อหลิงยังไม่มาพบข้า ข้าจะไปจากทีนี่มุ่งหน้าหาสุสานปีศาจ ไม่เพียงแต่มันจะทำให้พลังวิญญาณของข้าเพิ่ม และข้าจะทำให้พลังของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน”
จู่ๆ ‘ชูเฟิง’ก็พูดขึ้นมา
“ เรื่องสุสานปีศาจใช้ว่าจะพบได้โดยบังเอิญ และต่อให้ไม่พบ แต่ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีที่อื่น”
‘ต้านต้าน’กล่าวขณะที่หัวเราะคิกคัก
“ ที่ไหน!!! “
‘ชูเฟิง’รีบถาม
“ บรรพบุรุษส่วนใหญ่ของเหล่ามหาอำนาจทีลาโลก ส่วนใหญ่จะมีประสิทธิภาพในแง่ของพลังวิญญาณ เมื่อถึงรุ่นต่อมา พวกลูกหลานที่มีความเคารพต่อบรรพชนเหล่านั้น จะนำร่างของผู้เชี่ยวชาญฝังไว้ในสุสานดูแลรักษาเป็นอย่างดี”
“ ไม่เพียงแต่จะมีร่างที่ถูกฝังไว้ในสุสาน พวกเขายังนำสมบัติมากมายฝังลงไปอีกด้วย เพราะนั้นเป็นแสดงความกตัญญูต่อบรรพชนเพื่อให้เขาสุขสบายเมื่ออยู่ปรภพ”
“ ข้ารู้สึกว่านอกจากสุสานจักรพรรดิในอาณาจักรทั้ง 9 สุสานที่น่าจะใหญ่ที่สุดก็คงเป็น สุสานบรรพชนของราชวงค์เจียง”
“ แต่ราชวงศ์เจียงนั้นแสนจะแข็งแกร่ง และเจ้ายังไม่มีความบาดหมางหรือความแค้นกับพวกเขา ดังนั้นหากเจ้าไปทำให้พวกเขาโกรธ ด้วยพลังวิญญาณเพียงระดับนี้ นั้นก็เท่ากับไปรนหาที่ตาย ดังนั้นข้าไม่แนะนำ”
“ นอกจากนี้ สุสานส่วนใหญ่มักจะสืบทอดต่อๆกันมาจากรุ่นสู่รุ่นเพื่อเป็นสถานที่เคารพบรรพชน แม้มันจะต่างจากสุสานปีศาจ แต่พวกมันล้วนถูกสร้างในป่า”
“ หากเจ้าไปเปิดสุสานบรรพชนผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผล นั้นก็เหมือนเป็นการลบหรู่บรรพชนของพวกเขา ซึ่งเป็นเรื่องผิดคุณธรรม และด้วยลักษณะนิสัยของเจ้าที่รักครอบครัว เจ้าคงไม่เต็มใจที่จะทำสิ่งเหล่านี้”
“ อย่างไรก็ตาม พวกมหาอำนาจเป็นข้อยกเว้น!!!”
‘ต้านต้าน’หัวเราะคิกคัก แต่ว่านางดูเหมือนไม่ได้พูดเล่นๆ
“ เจ้าหมายถึงเจ้าพวกสำนักเทพอัคคี, สำนักหยวนกัง, ที่ราบหุบเขาไร้ใจ. นิกายไป๋. หุบเขาเทพกระบี่, และตระกูลเจี่ย ทีข้าหมายหัวสินะ?”
‘ชูเฟิง’สามารถเข้าใจเจตนาของ’ต้านต้าน’ได้ในทันที
“ ในตอนนี้ สัตว์ประหลาดของตระกูลเจี่ย ออกจากการเก็บตัวฝึกวิชา และตอนนี้เจ้าก็ไม่สามารถเอาชนะ เจี่ย ชิงเผิง”
“ แต่เจ้าสามารถรับมือพวก สำนักเทพอัคคี, สำนักหยวนกัง, ที่ราบหุบเขาไร้ใจ, นิกายไป๋, และหุบเขาเทพกระบี่ ได้”
‘ต้านต้าน’กล่าว
“ ตกลง!!! แต่ข้าขอเวลาอีกนิดเดียว หากจื่อหลิงยังไม่มาพบข้า ข้าจะไปจากที่นี่ แล้วมุ่งหน้าไปยังสำนักเทพอัคคี, สำนักหยวนกัง, ที่ราบหุบเขาไร้ใจ, นิกายไป๋, และหุบเขาเทพกระบี่”
“ เนื่องจากพวกเขานั้นต้องการที่จะจับข้า เพื่อชิงเอาเจ้าแห่งยุทธภัณฑ์ และอยากให้ข้าตาย ข้าจะไปฆ่าสาวกรุ่นเยาว์ของพวกเขาและขุดสุสานบรรพชนชิงเอาสมบัติ”
‘ชูเฟิง’กล่าวอย่างหนักแน่น หากไม่กี่วัน’จื่อหลิง’ไม่มาหาเขา เขาจะมุ่งหน้าไปชำระแค้นเพื่อให้ 9 อาณาจักร ได้เห็นพลังของเขา หลังจากนั้น ‘ชูเฟิง’ก็รูดทรัพย์ภายในถุงจักรวาลของ ‘ซ้ง ฉิงเฟิง’ และค้นพบความจริงว่า สาวกอันดับหนึ่งของสำนักเทพอัคคี นั้นกระเป๋าหนักไม่น้อย
เขาได้ลูกแก้วแก่นแท้มา 37,500 เม็ด ตอนนั้นบนยอดเขาที่เจ้าสำนักเทพอัคคีออกมา เขานั้นไม่ได้นำเอาลูกแก้วแก่นแท้มากมายเท่าไหร่ แน่นอน เหตุผลที่ทำไม ‘ซ้ง ฉิงเฟิง’ นำลูกแก้วแก่นแท้มามากมาย นั้นก็เพื่อการเสพสุข ในสถานท่แห่งราคะอย่าง สำนักเริงรมณ์หลงไหลในความฝัน
มันก็เป็นธรรมดาที่ต้องนำมาเพื่อใช้จ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ ผู้หญิงที่ ‘ซ้ง ฉิงเฟิง’ และคนอื่นๆเลือกมาปรนิบัติ นางแต่ละคนมีพลังวิญญาณสูงมาก จากเท่าทีเขาได้ยินมา ว่าสถานที่แห่งนั้น ผู้หญิงที่แข็งแกร่งและงดงามนั้นจะมีราคาที่แพงอย่างมากตามระดับ บางทีพวก ‘ซ้ง ฉิงเฟิง’และคนอื่นๆคงจะหาผู้หญิงที่มีระดับสูงมาบริการ
แต่อย่างไรก็ตาม ‘ชูเฟิง’ได้ลูกแก้วแก่นแท้มา 37,500 เม็ด นั้นก็ไม่ถือว่าไม่เยอะสำหรับเขา เพราะการที่เขาจะเข้าสู่ระดับ 6 แก่นแท้ ด้วยจำนวนลูกแก้วแก่นแท้ 37,500 เม็ดมันคงจะไม่เพียงพอที่จะตัดผ่าน
ดังนั้น ‘ชูเฟิง’ จึงยังไม่ได้นำมันออกมาใช้ในตอนนี้ ในจำนวน ลูกแก้วแก่นแท้ 37,500 เม็ด ยังมีโอรถสวรรค์ ระดับต่ำปะปนอยู่ราวๆสิบเม็ด ซึ่งโอสถเหล่านั้นหายากมีค่าสูงและฤทธิ์ของมันก็แข็งแกร่งเช่นกัน อะไรคือสิ่งที่บรรจุภายในตัวมัน ก็จริงอยู่ที่อำนาจของพลังแก่นแท้นั้นอยู่ไกลจากพลังสวรรค์
เนื่องจากมันมีอยู่เพียงน้อยนิดดังนั้น ‘ชูเฟิง’ เลยยังไม่คิดที่จะใช้มันในการปรับปรุงพลังวิญญาณตอนนี้ เขาจึงเก็บมันไว้ นอกจากโอสถสวรรค์แล้วก็มีของมีค่าบางอย่างที่ ‘ชูเฟิง’ สนใจ แน่นอนว่าสิ่งนั้นคือ กำไลสองข้างบนข้อมือของ ‘ซ้ง ฉิงเฟิง’
‘ชูเฟิง’ นั่งตรวจสอบมันอยู่นานสองนาน และรู้สึกว่ามันคือยอดยุทธภัณฑ์เลียนแบบของตระกูลเจี่ยที่แปลงมาจากเกราะหนาม แม้ว่าพวกมันจะทรงอนุภาพ แต่ก็ยังด้อยกว่ายอดยุทธภัณฑ์ของแท้อยู่ดี และมันยังต้องการผู้ที่ใช้ที่อยู่ในอาณาจักรสวรรค์เท่านั้นจึงจะแสดงผลลัพธ์
หากอยู่ในอาณาจักรแก่นแท้ก็ไม่อาจที่จะใช้พวกมันได้เลย แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังนับว่าเป็นสมบัติระดับอาณาจักรสวรรค์อยู่ดี ดังนั้น ‘ชูเฟิง’ จึงไม่อาจที่จะนำมันมาใช้ได้ แต่หากเขานำกำไลข้อมือทั้งสองอันนี้ไปขาย คงจะได้ราคาดีไม่น้อย หลังจากที่ไม่พบของมีค่าอะไรภายในตัว ‘ซ้ง ฉิงเฟิง’
‘ชูเฟิง’ก็หันหน้าไปรอบๆเพื่อค้นหาร่องรอย เขามุ่งหน้าไปทางเทือกเขาที่น้ำไหลผ่าน เพื่อไล่ตาม ‘ไป๋ หยวนเฟย’ ‘หลิว เสียวเหยา’ และ ‘ถัง ยี่ซิ้ว’ หลังจากพวกเขาทั้งสามกินยาต้องห้าม ในตอนนี้ฤทธิ์ยาน่าจะส่งผลแล้ว หาก’ชูเฟิง’พบพวกเขา พวกเขาทั้งสามคงต้องลาโลกไปอย่างไม่ต้องสงสัย
อีกทั้งสมบัติภายในร่างกายของเขายังจะต้องมาเป็นของ ‘ชูเฟิง’ แต่มันก็ไร้ประโยชน์ เมื่อ’ชูเฟิง’ไม่พบร่องรอยใดๆของพวกเขาอีก มันเป็นไปได้ว่าพวกเขาหนีรอดไปได้ ดังนั้น ‘ชูเฟิง’จึงถอดใจ ต่อมา ‘ชูเฟิง’ ก็นำศพของ ‘ส้ง ชิงเฟิง’ แขวนไว้บนต้นไม้ใหญ่ นอกจากนี้บนต้นไม้เขายังสลักอักษรไว้ว่า “ ชูเฟิง!!! “
‘ชูเฟิง’อยากให้ทุกคนในโลกได้รับรู้ ว่าเขานั้นสามารถฆ่าศิษย์อันดับ 1 ของสำนักเทพอัคคี ‘ซ้ง ฉิงเฟิง’ ได้ นี่คือราคาของสำนักเทพอัคคีที่ต้องจ่ายโทษฐานที่ต้องการตัวเขาแน่นอนว่าหลังจากที่ ‘ชูเฟิง’ฆ่า ‘ซ้ง ฉิงเฟิง’ ได้ไม่กี่วัน ก็มีคนมาพบศพและเรื่องนี้ก็ได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนันทั่วทั้งอาณาจักรฉินก็ต้องตกใจ จากนั้นข่าวนี้ก็ส่งออกไปสู่อาณาจักรใกล้เคียง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ ‘ชูเฟิง’ รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เพราะไม่รู้ว่ามันจะเป็นเรื่องดีหรือร้าย ที่เขาฆ่า ‘ซ้ง ฉิงเฟิง’แล้วนำไปแขวานไว้บนต้นไม้ใหญ่แบบนั้น แต่ยังเรื่องมันยังไม่หมดแค่นั้น
ยังมีข่าวมาว่า ‘ซ้ง ฉิงเฟิง’, ‘หลี่ เสียวเหยา’, ‘ไป๋ หยวนเฟย’ และ ‘ถัง ยี่ซิ้ว’ สี่คนที่ถูก’ชูเฟิง’ไล่ล่า ต่างถูกฆ่าตายหมดแล้วโดย ‘ชูเฟิง’ ซึ่งพวกเขาแต่ละคนล้วนแต่ถูกแขวนไว้บนต้นไหม้ใหญ่ อีกทั้งศพของพวกเขายังตายเพราะถูกดูดกลืนแหล่งพลังวิญญาณ
เมื่อข่าวลือมันออกมาแบบนี้ ‘ชูเฟิง’ก็ยิ่งกลายเป็นทีต้องการของ หกมหาอำนาจ ยิ่งกว่านั้นยังมีเรื่องที่ยอดอัจฉริยะทั้งสี่ ไปเที่ยวสำนักเริงรมณ์หลงไหลในความฝัน โดยมี ถัง ยี่ซิ้ว,ไป๋ หยวนเฟย , หลิว เสียวเหยา และซ้ง ฉิงเฟิง ที่สู้’ชูเฟิง’ไม่ได้ จนถึงกับใช้ยาต้องห้ามพิเศษ
แต่ก็ยังเอาชนะ’ชูเฟิง’ไม่ได้อยู่ดี จนพวกเขาทั้ง 4 ต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกจาสำนักเริงรมณ์ แต่ท้ายที่สุด พวกเขาก็หนีไปไม่รอด จากเงื้อมมือของ ปีศาจ อย่าง’ชูเฟิง’
ท้ายทีสุดก็ถูกฆ่าตายอย่างทุกข์ทรมานเมื่อข่าวแบบนี้ถูกแพร่กระจายออกไป แน่นอนว่ามันเป็นกลายเป็นเรื่อง สั่นสะเทือนอาณาจักรทั้ง 9 อย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ตายยังเป็นศิษย์หรือสาวกอันดับ 1 ของ 4 มหาอำนาจ ที่ได้ชื่อว่าเป็น ยอดอัจฉริยะ!!!
แต่ทั้งหมดกับถูกฆ่าตายภายใต้น้ำมือของเด็กหนุ่มอย่าง ‘ชูเฟิง’ ดังนั้นผู้คนจึงคิดว่า เขานั้นแข็งแกร่งและน่ากลัวถึงขนาดไหน ? ซึ่งหลายๆคนต่างคาดเดาไปต่างๆนาๆ และกลายเป็นหัวข้อสนทนายามว่างของผู้คน บางคนรู้สึกว่า ‘ชูเฟิง’ นั้นน่าประทับใจอย่างมาก และเป็นยอดอัจฉริยะที่โดดเด่น
แต่บางคนก็รู้สึกว่า ‘ชูเฟิง’ เป็นเด็กทีน่ากลัวเกินไป ซึ่งคนแบบนี้สมควรที่จะถูกกำจัดหากปล่อยให้เขาพัฒนาความสามารถขึ้นไปอีก แน่นอนว่าเขาต้องกลายเป็นปีศาจกระหายเลือดสร้างหายนะให้กับ 9 อาณาจักร จนกลายเป็นฝุ่นธุลี แต่ว่าคนเหล่านั้น ไม่รู้เลยว่าวันนั้น ‘ชูเฟิง’ ได้ฆ่าแค่ ‘ซ้ง ฉิงเฟิง’ แต่อีกสามคนไม่ใช่ฝีมือเขา
ที่มา: