ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“กู่ โบ๋ ท่านผ่าน?”
‘ชูเฟิง’รู้สึกมีความสุขมากหลังจากที่เขาได้เห็น ‘กู่ โบ๋’ เพราะหลังจากที่พวกเขาได้อยู่ร่วมกันในไม่กี่วันที่ผ่านมา ‘ชูเฟิง’นั้นเห็น ‘กู่ โบ๋’เปรียบเสมือนดั่งพี่ชายมันจึงเป็นธรรมชาติที่เขาจะคาดหวังเอาไว้ว่า ‘กู่ โบ๋’นั้นจะสามารถผ่านการทดสอบได้
“ไม่เพียงแต่ผ่านการทดสอบเท่านั้นท่าน กู่ โบ๋ ยังเป็นคนแรกที่ได้ผ่านการทดสอบปราสาทไร้สิ้นสุดในระดับแหล่งกำเนิดวิญญาณออกมาเป็นคนแรกและยังได้รับตราสัญลักษณ์อันทรงเกียรติอีกด้วย!!”
ก่อนที่ ‘กู่ โบ๋’ จะได้กล่าวก็ดันมีชายที่อยู่เบื่อหลังของเขากล่าวออกมาให้แทนใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจราวกับว่าเขาเป็นคนที่ออกมาเป็นคนแรกยังใงยังงั้น
“พี่ชาย กู่ โบ๋ ข้าขอแสดงความยินดีกับท่านด้วยอย่างแท้จริง”
‘ชูเฟิง’นั้นไม่แปลกใจเลยที่ผลมันออกมาเป็นเช่นนี้ใบหน้าของเขานั้นแสดงออกถึงความสุขอย่างแท้จริงมาจากใจของเขาและเขายังรู้อีกว่าในเวลานี้เขาควรจะแสดงความยินดีให้กับ ‘กู่ โบ๋’เพราะ ‘กู่ โบ๋’ ไม่ได้มีเพียงแค่ความแข็งแกร่งทางอำนาจพลังวิญญาณเท่านั้นเขายังมีอำนาจทางจิตวิญญาณที่ยังเป็นที่โดดเด่นอีกด้วย
ดังนั้นการที่เขาสามารถผ่านการทดสอบปราสาทไร้สิ้นสุดในระดับแหล่งกำเนิดวิญญาณเป็นคนแรกได้นั้นยังคงอยู่ในความคาดหวังของ’ชูเฟิง’อยู่
“น้องชายชูเฟิงถ้าเกิดว่าเจ้าเลือกปราสาทไร้สิ้นสุดในระดับกำเนิดวิญญาณล่ะก็ข้าเชื่อว่าคนที่จะผ่านการทดสอบเป็นคนแรกนั้นจะต้องเป็นเจ้าอย่างแน่นอน”
‘กู่ โบ๋’ นั้นยังคงตอบอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวเป็นอย่างมากแต่สำหรับผู้คนที่มาจากนิกายโลกวิญญาณนั้นกลับรู้สึกค่อนข้างที่จะไม่เห็นด้วยต่อคำพูดของ ‘กู่ โบ๋’ สักเท่าไหร่หลังจากที่พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับความสำเร็จของ’ชูเฟิง’ในใจของพวกเขานั้นก็เต็มไปด้วยข้อสงสัยมากมายว่ามันจริงไหมและเชื่อถือได้มากแค่ไหน
แต่หลังจากที่เขาได้มาเห็นความแข็งแกร่งที่’ชูเฟิง’ที่สามารถเอาชนะเหล่ากลุ่มผู้เชียวชาญจากดินแดนแก่นแท้วิญญาณได้อย่างง่ายดายทั้งที่เขามีพลังวิญญาณอยู่เพียงแค่ระดับ 9 แดนกำเนิดวิญญาณเพียงเท่านั้นมันจึงทำให้พวกเขารู้สึกชื่นชมและรวมไปถึงความหวาดกลัวที่จะต้องสลักชื่อของ’ชูเฟิง’เอาไว้ในใจของพวกเขา
และเมื่อหันหน้าไปทางพวกเขา ‘ชูเฟิง’เพียงแค่ส่งยิ้มเบาๆและหันหัวของเขากลับไปอย่างรวดเร็วพร้อมเปลี่ยนหัวข้อที่จะคุยออกไปในทันที
“พี่ชาย กู่ โบ๋ ของข้าคือผู้ที่ได้รับสถานะเป็นคนแรกที่ได้ผ่านการทดสอบในระดับแดนกำเนิดวิญญาณแล้วผู้ใดกันที่ได้รับสถานะเป็นคนแรกที่ได้ผ่านการทดสอบในระดับแดนแก่นแท้วิญญาณ?”
“ชูเฟิงการทดสอบในครั้งนี้นั้นได้มีม้ามืดปรากฏตัวออกมา!”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ‘กู่ โบ๋’ มีสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปในทันที
“ม้ามืด? มีสิ่งใดเกิดขึ้น? ตาเฒ่าลามก หวัง เฉียง ไม่ได้รับสถานะเป็นคนแรกอย่างงั้นหรือ?”
‘ชูเฟิง’ทำท่าทางงงง่วงและถาม
“ไม่ใช่เขาแต่เป็นเพียงชายหนุ่ม ชายหนุ่มที่มีอายุเพียงแค่ 15 ปี เขาเป็นคนที่ผ่านการทดสอบเป็นคนแรก”
เมื่อ ‘กู่ โบ๋’ กล่าวคำพูดเหล่านั้นใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความซับซ้อนเพราะชายหนุ่มคนนี้มีอายุน้อยกว่าเขาและแม้แต่’ชูเฟิง’ซึ่งมันหมายความว่าเขาได้ก้าวเข้าสู่เวทีของเหล่าอัจฉริยะแล้วอย่างแท้จริงและการที่เขาสามารถเป็นคนแรกที่ผ่านการทดสอบได้นั้นมันก็บ่งบอกถึงความสามารถของเขาแล้วว่าได้ทะลุเหนือกว่าเหล่าอัจฉริยะทั้งหมดในทวีป 9 อาณาจักร
“จริง? เขามีชื่อเรียกว่า?”
ในทำนองเดียวกัน’ชูเฟิง’ยังรู้สึกตะลึงมากกับชายหนุ่มผู้นี้
“เจียง หวู่ชาง”
‘กู่ โบ๋’ กล่าวออกมาเพสียงสามคำอย่างเคร่งขรึมหลังจากที่ทราบชื่อ ‘ชูเฟิง’ก็ได้ฉกคิดอยู่ในใจของเขา
“อืมมันเป็น เจียง หวู่ชาง งั้นแสดงว่าเขาก็ต้องเป็นคนของราชวงศ์เจียง”
หลังจากนั้น’ชูเฟิง’ ‘กู่ โบ๋’ และคนอื่น ๆก็ได้เดินเข้าไปในพื้นที่หลักของเมืองนครอันทรงเกียรติ และนอกจากนี้มันยังหมายความว่าพวกเขามีคุณสมบัติพอที่จะได้เข้าร่วมชุมนุมงานแต่งภายในที่พักสำหรับผู้เข้าพัก
‘ชูเฟิง’ได้วางอำนาจวิญญาณก่อตัวของเขาเอาไว้ หลังจากที่วางการป้องกันเสร็จสิ้นเขาก็ได้ยิบถุงจักรวาลที่มีลูกแก้วแก่นแท้วิญญาณทั้งหมื่นเม็ดออกมาในทันทีที่เห็น’ชูเฟิง’รู้สึกตื่นเต้นออกมาจากใจของเขาอย่างแท้จริงเพราะเขารู้สึกว่าลูกแก้วแก่นแท้วิญญาณทั้งหมื่นเม็ดนี้จะสามารถทำให้เขาทะลวงเข้าไปสู่ดินแดนแก่นแท้วิญญาณได้และอาจก้าวถึงระดับ 2 แดนแก่นแท้วิญญาณเลยก็เป็นไปได้
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ข้ามั่นใจว่าข้ากลั่นครบไปทั้งหนึ่งหมื่นเม็ดแล้วนะ แล้วเหตุใดทำใมข้าถึงยังไม่สามารถที่จะตัดผ่าน?”
สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันไม่ได้เป็นดั่งที่เขาได้คาดคิดเอาไว้ เขามั่นใจอย่างชัดเจนว่าอำนาจแก่นแท้วิญญาณได้ถูกกลืนกินแล้วโดยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ในดันเถียนของเขาซึ่งมันควรจะเพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาบุกฝ่าเข้าไปยังแดนแก่นแท้วิญญาณ แต่มันกับไม่เป็นเช่นนั้น
และในตอนนี้หลังจากที่เขากลืนกินลูกแก้วแก่นแท้วิญญาณอย่างต่อเนื่องให้กับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ในดันเถียนของเขา เขาก็ไม่มีวิธีการใดที่จะกลั่นพลังงานเพิ่มให้กับดันเถียนของเขาอีก ต้องบอกเลยว่าการตัดผ่านในครั้งนี้นั้นชั่งเป็นขั้นตอนที่ยากกว่าขั้นตอนที่ผ่านมาเป็นไหนๆ
ในตอนนี้’ชูเฟิง’ไม่สามารถที่จะตัดผ่านแม้ความจริงที่ว่าเขาได้กลั่นลูกแก้วแก่นแท้วิญญาณไปทั้งหมื่นเม็ดแล้วก็ตามเขาก็ยังไม่สามารถที่จะตัดผ่านได้พลังงานแก่นแท้วิญญาณของเขาในตอนนี้ทั้งหมดมันได้ถูกครอบงำโดยเหล่าสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งแปดในดันเถียนของเขา เมื่อรู้เช่นนั้นมันจึงทำให้’ชุเฟิง’ตื่นตระหนกอย่างสมบูรณ์
“เวรเอ้ย! นี่ข้าทำอะไรผิดตรงไหน? พลังงานแก่นแท้จำนวนมากมันก็ได้ถูกเก็บเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วนิและมันยังมากพอที่จะทำให้ตัดผ่านซึ่งมันควรจะเป็นแบบนั้นสิแล้วทำใมตอนนี้มันถึงไม่สามารถที่จะตัดผ่านได้กัน?”
หน้าผากของ’ชูเฟิง’นั้นเต็มไปด้วยเหงื่ออาการของเขานั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวในขณะที่เขากังวลใจเขาก็เดินวนไปรอบๆพื้น
“ชูเฟิงเจ้าไม่จำเป็นต้องตกใจลองคิดอย่างรอบคอบและรู้สึกถึงสิ่งที่อยู่ในดันเถียนของเจ้า พยายามเชื่อมโยงกับพวกเขาและทำความเข้าใจกับพวกเขาซะ”
“มันเป็นไปไม่ได้ที่เส้นทางของเหล่าผู้เชี่ยวชาญทักษะยุทธ์นั้นจะราบลื่น โดยเฉพาะเมื่อต้องการที่จะตัดผ่านเข้าสู่ดินแดนใหม่พวกเขาจะต้องเข้าใจในดินแดนนั้นอย่างลึกซึง และนี่ก็ยังเป็นขั้นตอนที่ยาวนานมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครๆก็สามารถตัดผ่านมันได้โดยระยะเวลาอันสั่น”
“ซึ่งมันยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่สามารถตัดผ่านเข้าสู่แดนสวรรค์วิญญาณได้หรือแม้กระทั่งแดนแก่นแท้วิญญาณก็ยังมีคนที่ไม่สามารถเข้าถึงมันและยังรวมไปถึงแดนแหล่งกำเนิดวิญญาณด้วย และเหตุผลที่พวกเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ก็เพราะอำนาจและความเข้าใจในดินแดนนั้น ๆของพวกเขานั้นยังไม่เพียงพอและเมื่อไม่เข้าใจในอำนาจของดินแดนนั้น ๆพวกเขาก็จะไม่สามารถตัดผ่านเข้าสู่ดินแดนใหม่ได้พวกเขาจำเป็นต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งในพลังอำนาจที่แตกต่างกันระหว่างราวฟ้ากับดินในแต่ละขั้นที่พวกเขาต้องตัดผ่าน”
“ แต่สำหรับเจ้านั้นมันต่างกัน เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าใจอำนาจแหล่งกำเนิดหรืออำนาจแก่นแท้เจ้าไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจพวกมันเพียงแต่สิ่งที่เจ้าจำเป็นต้องทำความเข้าใจคือสิ่งที่อยู่ในดันเถียนของเจ้าและทำให้พวกมันสามารถถูกนำออกมาใช้โดยเจ้าซะ”
เช่นเดียวกับช่วงเวลาที่’ชูเฟิง’สับสนก็ได้มีเสียงหวานและอ่อนโยนของ ‘ต้าน ต้าน’ดังออกมาในตอนนี้ ‘ต้าน ต้าน’นั้นดูเหมือนผิดปกติต่างออกไปจากเดิมนางในตอนนี้นั้นเปรียบได้ดั่งโคมไฟที่นิ่งสงบและส่องแสงสว่างในเส้นทางที่มืดมิดนางได้ชี้ทางให้’ชูเฟิง’
ว่า’ชูเฟิง’นั้นควรจะเดินไปทางไหน
“ใช่แล้ว ในเส้นทางของผู้เชียวชาญทักษะยุทธ์มักจะต้องมีอุปสรรคมาขวางกั้นเสมอ เพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถทำให้เราก้าวข้ามไปสู่ดินแดนใหม่และได้รับขุมพลังแบบใหม่มีเพียงแค่ข้าต้องก้าวข้ามมันไปเท่านั้น”
“และการตัดผ่านก่อนหน้านี้สำหรับข้านั้นมันง่ายเกินไปและเพราะความเรียบง่ายแบบนั้นมันทำให้ข้าคิดว่าตราบใดที่ข้ามีทรัพยากรเพียงพอข้าก็สามารถตัดผ่านมันไปได้ทุกอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและด้วยความคิดเช่นนั้นมันทำให้ข้าในตอนนี้คิดว่าแค่เพียงมีทรัพยากรเพียงพอก็สามารถทำให้ข้าตัดผ่านเข้าสู่แดนแก่นแท้ได้แล้ว”
“แต่ข้ากับคิดผิด แม้ว่าข้าจะมีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสิ่งพิเศษในดันเถียนของข้า แต่มันก็ยังคงไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดีที่ข้าจะตัดผ่านเข้าสู่ดินแดนต่อไป”
“ต้าน ต้าน ข้าขอบคุณเจ้ามากจริง ในตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าข้าควรจะทำเช่นไร”
‘ชูเฟิง’เขาได้นั่งลงไปที่พื้นอย่างรวดเร็วและไม่มีความกังวลในใจของเขาอีกต่อไป เขาเริ่มรักษาสภาพจิตใจและร่างกายของเขาในตอนนี้เขาได้รู้สึกถึงอสูรสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งแปดที่อยู่ในดันเถียนของเขา’ชูเฟิง’ไม่สามารถตรวจสอบอสูรสายฟ้าทั้งแปดได้
แต่’ชูเฟิง’สามารถรับรู้ได้ว่าพวกมันมีความฉลาดและมีสติปัญญาเป็นของตนเองพวกมันยังมีลักษณะที่คล้ายๆกันและยังเป็นหนึ่งเดียวกันอสูรสายฟ้าในร่างกายของ’ชูเฟิง’นั้นได้ร่วมกันจนกลายเป็นหนึ่งเดียวแล้วอยู่ในสภาวะนิ่งสงบคล้ายดั่งพวกมันกำลังจำศีลอยู่แต่มีอยู่ 1 ตนที่ดูหงุดหงิดก้าวร้าวแล้วเกรี้ยวกราดอยู่
“เจ้าต้องการที่จะผสานเข้ากับร่างกายของข้าและมอบอำนาจใหม่ให้แก่ข้าใช่หรือไม่?”
“จงอย่าได้ลังเลโปรดเชื่อใจข้า ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังโปรดให้อำนาจของเจ้าแก่ข้าและแน่นอนว่าข้าจะใช้อำนาจของเจ้าให้คุ้มค่ามากที่สุด”
เมื่อ’ชูเฟิง’รู้สึกได้ถึงสาเหตุของปัญหาเขาก็ดูเหมือนมีความสุขขึ้นมาเขาจึงรีบพูดในใจของเขาและพยายามที่จะเชื่อมโยงกับอสูรสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ตัวนี้
***เสียงคำราม~~~***
ทันใดนั้นราวกับว่ามันเข้าใจคำพูดของ’ชูเฟิง’อสูรสายฟ้าขนาดใหญ่คำรามคึกคั่งในทันที เสียงของมันได้สะท้อนก้องและอื้ออยู่ในหูของ’ชูเฟิง’ราวกับว่าเสียงของมันสามารถที่จะทะลุชั้นฟ้าทั้งหลายและเขย่าโลกได้ทั้งใบและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือหลังจากที่มันแผดเสียงคำรามออกไป
อสูรสายฟ้าขนาดใหญ่ก็ได้ใช้อำนาจสายฟ้าของมันแยกตัวออกมาจากอีกเจ็ดอสูรสายฟ้าและเข้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกับดันเถียนของ’ชูเฟิง’
ในทันที่’ชูเฟิง’ก็สามารถรู้สึกได้ถึงการปรากฏตัวของอสูรร้ายสายฟ้าขนาดใหญ่ที่ไม่ได้มีรูปร่างคงที่ ซึ่งมันอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลานอกจากนี้มันยังไม่มีดวงตา แต่มันกับมีความคิดและสามารถเดินออกมาในทิศทางที่ถูกต้องได้ อะไรคือสิ่งที่เป็นความสามารถของสายฟ้าสีฟ้าและมันยังเล็ดลอดอำนาจที่แสนจะน่ากลัวออกมา
###############################################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 3 หัวดอที่จะมาเผาชูเฟิงไปพร้อมกลับคุณ
1 : มาว่ะ เจียง หวู่ชาง
2 : เห็นเขาบอกว่าอายุ 15 และเด็กที่สุดในหมู่อัจฉริยะ แถมยังเป็นอัจฉริยะที่เก่งที่สุดอีกด้วย
1 : ใครบอกกันว่ามันเก่งที่สุด ??
2 : ไม่รู้ดิก็เห็นในเรื่องเขาเขียนมาแบบนั้น
1 : เหอะจะอยู่ได้สักกี่ตอนไอ้คำว่าอัจฉริยะเหนืออัจฉริยะเนี่ย
2 : เหอะถ้าอยากรู้ก็ต้องติดตามกันต่อไปครับเส้นทางของเล่มสองยังคงอีกยาวไกล
1 : แต่เขาบอกมาว่าขอทานจะออกมาในเล่มนี้ด้วยนะ เห็นว่าออกตัวอย่างอลังกาลโครต
2 : เห้ยพูดเป็นเล่นมันอลังกาลขนาดนั้นเลยหรอ
1 : ฮ่าบอกได้คำเดียวว่าต้องติดตามกันต่อไป
3 : กูไม่สนหรอกนะไอ้ขอทงขอทานไรเนี่ยกูสนแค่ว่าในอีกไม่กี่ตอนข้างหน้า จือ หลิงกูจะมาแล้ว!!!!
1,2 : ห่ะ จือ หลิงจะมีบทแล้ว 55555 เอาว่ะๆงานนี้มีมัน
#################################################################################################
…..####เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ : นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน####…..
ที่มา: