ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“แม่จ๋า ฝนจะตกแล้ว รีบกลับไปเก็บเสื้อกัน”
ในพื้นที่อาณาจักร สุ่ย มีเด็กสาวที่อยู่ในลานหลังบ้านพูดขึ้นมา
“เจ้าพูดอะไรของเจ้าน่ะ เจ้าหลอกแม่อีกแล้วหรือ ท้องฟ้ายังปลอดโปร่งนับ หมื่นไมล์ ฝนจะตกที่ไหนกันล่ะ”
แม่ของเด็กสาวคนนั้นออกมาจากบ้านแล้วมองท้องฟ้าแล้วยังเห็นท้องฟ้าปลอดโปร่ง ก็หันไปบ่นเด็กสาว
“ข้าเปล่านะ แม่จ๋า ดูนู่น ดูนู่น ฝันมันกำลังจกตกแล้ว นั่นเมฆมาแล้วนู่น!”
เด็กสาวกระโดด และชี้ให้แม้ดูทางเมฆสีดำ
เมื่อแม่ของเด็กสาวมองไปเธอก็ปรากฏสีหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะทิศทางนั้นมีหุบเขาเทพกระบี่ตั้งอยู่ และในตอนนั้นแม่ของเด็กสาวก็รู้สึกว่าเมฆสีดำมันแปลกประหลาดยิ่งนัก มันน่ากลัวมาก
เมฆสีดำนั้นมืด ราวกับหมึกสีดำทมิฬ และกระจายไปตามพื้นที่ขนาดใหญ่มาก มันครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่และไม่ขยับไปไหนเลย.
มันเหมือนกับสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ที่น่ากลัวมาก จนทำให้พวกเขารู้สึกหนาวถึงกระดูกเลยทีเดียว
“อ๋า~~~~~~~~”
ในตอนนั้น ข้างๆบ้านของเด็กสาวมีเสียงหญิงสาวคนนึงร้องออกมา
“นั่นมันอะไรน่ะ มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน”
“ฮือ แม่จ๋า แม่จ๋า …”
หลังจากนั้นก็มีเด็กร้องไห้ออกมาเสียงดัง
“อย่าไปมองเมฆนั้นนะ เร็วเข้ารีบกลับบ้านไปเร็ว.”
เมื่อเห็นเมฆนั้น หญิงคนหนึ่งได้บอกให้ทุกคนกลับบ้าน เธอรู้ดีว่าคนที่ไม่ได้บ่มเพาะตนต่างกลัวเมฆนั้นเหมือนกัน
ดังนั้น เธอจึงรีบอุ้มเด็กสาว และรีบกลับเข้าบ้าน โดยไม่ได้เก็บเสื้อเข้าไป จากนั้นเธอก็ปิดประตู หน้าต่าง และล๊อกบ้านทันที
ในตอนนั้น พื้นที่ 1000 ไมล์รอบหุบเขาเทพกระบี่ ต่างเห็นเมฆสีดำนี้เหมือนกันไม่ต้องพูดถึงคนที่ไม่มีการบ่มเพาะ แม้แต่คนที่มีการบ่มเพาะในระดับสูง ก็ขมวดคิ้วแน่นเหมือนกัน
“มันเกิดอะไรขึ้น เจ้าชูเฟิงนี่มันช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว กลิ่นอายนี้ …. ข้าไม่สามารถรับมันได้นานหรอกนะ.”
ทันใดนั้น ก็มีบางคนเข่าอ่อนแล้วล้มลงไปบนพื้นดิน ด้วยกลิ่นอายของ’ชูเฟิง’ นั้นช่างแข็งแกร่งมากและแทบจะกลืนกินพื้นที่รอบๆนี้ แม้ว่ามันจะไม่สามารถทำให้ทุกคนล้มลงคุกเข่าได้ แต่มันก็ทำให้ไม่มีใครกล้าต่อกรเช่นกัน
หลังจากนั้น ก็มีคนจำนวนมากก็ล้มลงอย่างรวดเร็ว มีบางคนถึงกับน๊อคไปเลย และพวกคนที่หมดสติไปนั้น พวกเขานอนราบไปกับดิน
“ชูเฟิง เกิดอะไรขึ้น เจ้าเป็นไรหรือเปล่า ชูเฟิง รีบต่อข้าเร็วเข้า เจ้าทำให้ข้ากลัวอยู่นะ!”
ในตอนนั้น ‘จื่อ หลิง’ตื่นตระหนกมาก เธอเข้าไปใกล้’ชูเฟิง’ และในตอนนี้ เธอเป็นคนที่รับกลิ่นอายของ’ชูเฟิง’ไปมากที่สุด
หากมีคนถามว่า พลังของ’ชุเฟิง’นั้นน่ากลัวอย่างไร ก็บอกได้ว่า แม้แต่ กายศักดิ์สิทธิ์ของ’จื่อ หลิง’ นั้นก็ไม่สามารถทนรับได้ไหว ทำให้มันแปรปรวนอย่างมาก และนี่คือครั้งแรกที่’จื่อ หลิง’ รู้สึกถึงความผิดปกติของพลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอ
แต่เธอไม่ได้กังวลเรื่องนั้น เพราะเธอพบว่า ไม่ใช่เพียงแค่ดวงตา’ชูเฟิง’เท่านั้นที่เปลี่ยนไป แม้แต่ตัวตนของ’ชูเฟิง’นั้นก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เขาไม่ใช่’ชูเฟิง’ที่เธอรู้จักแล้ว ในตอนนี้เขาจ้องมองไปที่อดีตประมุขหุบเขาเทพกระบี่อย่างบ้าคลั่งและไม่มีท่าทีสนใจ’จื่อ หลิง’ แม้แต่น้อย
ทันใดนั้น ‘ชูเฟิง’ได้เริ่มเคลื่อนไหว เขาได้เดินเข้าไปหาอดีตประมุขหุบเขาเทพกระบี่อย่างช้าๆ และในขณะที่เขาเดิน เข้าได้พูดออกมา เสียงของเขานั้นกระหึ่มเหมือนกับเสียงฟ้าผ่าที่ผ่าลงสู้พื้นดิน
“เมื่อวันที่ ท้องฟ้านั้นแปรปรวนเพราะข้า เมื่อวันที่ แผ่นดินแปรปรวนเพราะข้า เมื่อวันที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เปลี่ยนแปลงเพราะข้า.”
“เมื่อวันที่ ข้าต้องสูญเสียสิ่งที่ข้ารักไปมาถึง ข้าจะทำให้คนในโลกนี้นั้นตายไปพร้อมกับเธอ!”
*ตูม*
ในขณะที่’ชูเฟิง’พูด สายฟ้าที่อยู่รอบๆตัวเขาเริ่มขยายขึ้น และ เมฆสีดำบนท้องฟ้าเริ่มแปรปรวน ด้วยแรงลมที่พัดผ่านั้น ทำให้ผู้คนแถวนั้นไม่สามารถลืมตาขึ้นได้ สำหรับคนที่บ่มเพาะในระดับสูงนั้น สามารถทนไหว แต่คนที่บ่มเพาะอยู่ในระดับไม่สูงนั้นปลิวไปตามลม ราวกับหุ่นไล่กา ที่โดนพายุดูดเข้าไป
พลังของลมนั้นรุนแรงมาก แม้กระทั่งตำหนักของหุบเขาเทพกระบี่ ที่ถูกสร้างด้วยวัสดุพิเศษก็เริ่มเกิดรอยร้าว และเริ่มพังทลายลงแล้ว
“ชู เฟิง ชู เฟิง”
ในตอนนั้น ‘จื่อ หลิง’ พยายามที่เข้าไปใกล้’ชูเฟิง’ แต่เธอก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากพลังลมของ’ชูเฟิง’นั้นรุนแรกมาก แม้ว่าเธอจะใช้กลิ่นอายสีม่วง และพลังของกายศักดิ์สิทธิ์นั้น เธอก็ยังไม่สามารถเข้าใกล้’ชูเฟิง’ได้
“ศิษย์น้องชูเฟิง เจ้าเป็นไรไหม บัดซบ บัดซบ เจ้าลมเวรเอ๊ย”
ในเวลาเดียวกัน ‘จาง เทียนยี่’ นั้นไม่ได้ทราบว่า แท้จริงแล้ว ลมนั้นมาจาก’ชูเฟิง’ เขาคิดว่า’ชูเฟิง’กำลังอยู่ในอันตราย และพยายามจะเข้าไปช่วย ‘ชูเฟิง’ แม้ว่าเขาจะพยายามเต็มที่ มันก็ไม่สามารถช่วย’ชูเฟิง’ได้ในตอนนี้
ในตอนนั้นมี เสียงดังแสบแก้วหูดังขึ้นมา มันไม่ใช่เสียงของฟ้าผ่าทั่วๆไป มันเหมือนกับเป็นเสียงคำรามของสัตว์ร้าย ‘จาง เทียนยี่’ และ ‘จื่อ หลิง’ ต่างก็ตกอยู่ในความกลัว และในตอนนั้นก็มีท่าทีเปลี่ยนไป
มันเป็นเพราะพวกเธอเจอเรื่องที่หน้าตกใจมาก เพราะ ที่ตัวของ’ชูเฟิง’ นั้นมี แสงสีฟ้า และ แสงสีทองกำลังผสานกันอยู่ และมันกำลังขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในตอนมั้น พวกมันก็ได้เปลี่ยนเป็นร่าง 2 ร่าง และเป็นร่างของสัตว์ขนาดใหญ่ พวก ‘จื่อ หลิง’นั้นไม่เคยเห็นสัตว์ยักษ์เช่นนี้มาก่อน จึงทำให้ทั้ง 2 กลัวมาก
ในตอนนั้น ทั้ง2 นั้นราวกับถูกกลืนกินด้วยอสูรสายฟ้าขนาดใหญ่
“ ตูม “
หลังจากนั้น ก็มีเสียง ตูม ดังขึ้นสนั่นไปทั่วโลก ทำให้คนในทวีปเก้าอาณาจักรทุกคน ได้ยินเสียงนั่น และบางคนที่อยู่ต่างทวีป ก็ได้ยินเสียงนั่นเช่นกัน
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเสียงระเบิดและแสงที่แว่บออกไปนั้น ทำให้ทวีปเก้าอาณาจักรตกอยู่ในความโกลาหล แม้ว่ามันจะเป็นแสงที่แว่บออกมา แต่ทุกคนนั้นต่างกลัว และส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะ เสียงที่น่ากลัวนั้นมีผลกระทบทำให้แผ่นดินถึงกับสะเทือน จึงทำให้พวกเขาถึงกับตกใจ แต่ผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็คิดว่า มันคือแผ่นดินไหว
“เกิดอะไรขึ้น มีบางอย่างเกิดขึ้นในตอนนี้งั้นหรือ”
เกิดความสงสัยในใจของคนทุกคน เพราะหลักจากเสียงระเบิด และแผ่นดินไหวนั่น ผ่านไปราวกับแสง พวกเขานั้นไม่ทราบเลย ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้แต่เพียงจินตนากร
ในอาณาจักร ฮั่นของ ทวีปเก้าอาณาจักร บนเมืองที่ถูกตั้งอยู่บนท้องฟ้า เมืองนั้นราวกับถูกสร้างบนหอคอยสูงตัดผ่านเมฆทะลุขึ้นไปบนท้องฟ้า
หอคอยสูง นั้น มีประกายสีทองและดูคล้ายกับดูที่แทงขึ้นไปยังท้องฟ้า
ในตอนนั้น บนตึกนั้น มีร่างของชายชรา ผมสีขาว และเทาที่อยู่ในชุดทองกำลังนั่งอยู่ เขานั้นได้จ้องมองไปที่ อาณาจักรสุ่ย
ในตอนนั้น คิ้วของชายชราคนนั้น ก็ขมวดแน่น และพูดว่า
“ เกิดอะไรขึ้นกับอาณาจักรสุ่ย กันนะ “
และในใจกลางของระเบิดนั่นที่หุบเขาเทพกระบี่ ทุกอย่างที่นั่นก็เปลี่ยนไป ไม่มีสิ่งใดที่เหมือนเดิมเลยแม้แต่น้อย
หุบเขาเทพกระบี่ นั้นได้กลายเป็นหุบเหวลึก จากหุบเขาเทพกระบี่ ที่สูงใหญ่กลายเป็นเหวที่ลึกมาก
ในตอนนั้น ก็มีเมฆสีดำบางส่วนที่ยังไม่หายไป พวกมันยังคงมีร่องรอยอยู่บนท้องฟ้า และแสงจากพระอาทิตย์เริ่มสอดส่องมา ยังเหวลึกนี้ และส่งให้เห็นควันลอยขึ้นมา
แต่ในที่เหวนั้น ราวกับไม่มีสิ่งชีวิตอยู่เลย เพราะบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกว่างเปล่าราวกับไม่มีอะไรเลย
..
: โอ้ววววววววว หนุุกเว้ยยยย
: ตอนนี้ไม่มีใครอยากฟังพวกเราพล่ามหรอก !!! งั้นเชิญอ่านตอนถัดไป
ที่มา: