ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปอสูรเพลิงค่อยๆ กลืนกินสี่ทักษะเร้นลับอย่างช้าๆ เสียงร้องอย่างทรมานของสี่ทักษะค่อยๆ แผ่วเบาลงอย่างช้าๆ จนในที่สุดมันก็เงียบหายไป
ในสถานการณ์เช่นนั้น ชูเฟิง สามารถเห็นได้ชัดว่า ภาพลวงตาค่อยๆ เปลี่ยนไป มันบิดเบี้ยว และค่อยๆ หมุนวนอย่างรวดเร็ว สุดท้ายทิวทัศน์ที่งดงามก็สลายไป กลับสู่สภาพเดิม
“แข็งแกร่งมาก !!”
ชูเฟิง ตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อเขาได้เห็นความแข็งแกร่งของ ชายลึกลับ เขามีความสามารถที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก ที่สามารถจัดการกับภาพลวงตาได้อย่างเด็ดขาดเช่นนี้
เมื่อสภาพแวดล้อมกลับสู่สภาพปกติ และอสูรเพลิงได้กลับเข้าสู่ร่างกายของ ชายลึกลับ นั้น ชูเฟิง ก็สามารถเห็นสภาพโดยรอบได้อย่างชัดเจน
เมื่อ ชูเฟิง มองออกไปด้านหน้านั้น เขาก็ต้องตกตะลึงอย่างมาก
เพราะที่ด้านหน้าของเขานั้น มีประตูบานใหญ่ยักษ์ตั้งอยู่ มีสูงกว่าหมื่นฟุต และกว้างกว่าพันฟุต มันราวกับประตูที่เชื่อมสู่แดนสวรรค์ก็ไม่ปาน
ประตูบานนี้มีสีทอง และเปล่งประกายระยิบระยับออกมา มันไม่ได้ถูกสร้างมาจากทองเพียงอย่างเดียวแน่นอน เพราะมันให้ความรู้สึกถึงความมั่นคง และความศักดิ์สิทธิ์
ในขณะนั้น ชูเฟิง ก็ถูกดึงดูดโดยประตูสีทองบานใหญ่อย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าเขาจะเห็นเพียงด้านนอกเท่านั้น แต่มันเหมือนกับว่าเขาสามาาถมองทะลุถึงภายในได้เลยทีเดียว
ภายในนั้นมันเป็นโลกที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง แตกต่างจากโลกที่ ชูเฟิง เคยเห็นมาทั้งหมด สิ่งมีชัวิตภายในนั้นกำลังวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว
ความแรกของ ชูเฟิง เมื่อเขามองไปที่นั่น ก็คือ เขาต้องการเปิดประตูบานใหญ่นี้ และเข้าไปยังโลกแห่งนั้น
“เจ้าโง่ อย่ามองไปที่ประตูนั่น”
ในขณะนั้น มีเสียงดังมาจากด้านล่างของเขา ทำให้เขาหยุดความคิดของเขาอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชูเฟิง ก็ผงะพร้อมกับก้มลงไปมองที่ด้านล่างทันที เมื่อเขาเห็นต้นเสียงนั้น ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความสุขอย่างรวดเร็ว
เพราะที่พื้นด้านล่างนั้น เป็นรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณคล้ายกระจกขนาดใหญ่ ทั้งสี่ด้านมีรูปสลักปรากฏอยู่อย่างเด่นชัด
รูปสลักเหล่านั้นคือ รูปลักษณ์ของสี่ทักษะเร้นลับ และในขณะนั้น ทั้งสี่ทักษะเร้นลับได้ปล่อยโซ่ที่สร้างจากรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณออกมา มันเป็นพันธนาการที่แข็งแกร่งอย่างมาก
ที่ตรงกลางของรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณนั้น มีชายชราคนหนึ่ง เขาสวมชุดสีดำกำลังจ้องมาด้วยความกราดเกรี้ยว คนผู้นั้นก็คือ ชายชราชุดดำ นั่นเอง
“ฮ่าๆ เป็นเขานั่นเอง เขาถูกขังไว้รูปแบบอำนาจพลังวิญญาณของสี่ทักษะเร้นลับ”
“ในที่สุดข้าก็เข้าใจเสียที ว่าเหตุใดเจ้าบ้านั่นถึงได้เอาชนะสี่ทักษะเร้นลับได้อย่างไม่อยากเย็น เพราะพลังของพวกมันส่วนหนึ่งได้ถูกใช้ในการผนึกเจ้าแก่นี่เอง”
ก่อนที่ ชูเฟิง จะได้กล่าวออกมานั้น ต้านต้าน ก็กล่าวออกมาด้วยความเหยียดหยัน ในขณะที่ใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความสุขอย่างมาก
“โฮะๆ ไม่ต้องตามหาจนสุดขอบโลก หรือใช้ความพยายามเลยจริงๆ”
ชูเฟิง ก็มีความสุขอย่างมาก เพราะในตัวของชายชราชุดดำมีสมบัติของสุสานจักรพรรดิอยู่ อีกทั้งในตอนนี้เขายังถูกขังอยู่ ราวกับว่าสวรรค์เป็นใจให้กับเขา
อย่างไรก็ตาม ชูเฟิง ซ่อนความยินดีของเขาเอาไว้ และกล่าวถามชายชราชุดดำด้วยความสับสนว่า
“ผู้อาวุโส เหตุใดท่านจึงไม่ให้ข้ามองไปที่ประตูนั่น”
“หึ….เด็กที่เติมโตในสถานที่รกร้างเช่นนี้ ถึงจะมีความสามารถมากเพียงใด เจ้าก็ยังเป็นได้เพียงเจ้าโง่เท่านั้น”
“ข้าจะบอกให้ ที่นี่คือสุสานจักรพรรดิ และนี่ก็คือ ประตูจักรพรรดิ”
“ประตูจักรพรรดินั้น ถูกสร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญอาณาจักร จักรพรรดิแห่งสงคราม ไม่ใช่เพียง ไม่สามารถทำลายได้ แต่มันยังมีความสามารถในการดึงดูด และแสดงความต้องการตามก้นบึ้งของหัวใจของเจ้า”
“เมื่อเจ้ามองไปที่ประตูจักรพรรดิเป็นเวลานาน เจ้าจะถูกสะกดให้อยู่ภายใต้ภาพลวงตา และในท้ายที่สุดเจ้าก็จะเข้าไปในประตูจักรพรรดิ”
“เมื่อเจ้าเปิดประตูจักรพรรดินั้น กลไกของประตูจะทำงานทันที และเมื่อถึงเวลานั้น ก็เท่ากับว่าเจ้าฆ่าตัวตาย”
ชายชราชุดดำกล่าวเตือน
“อ่า…!!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชูเฟิง ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเขาจึงกล่าวถาม ต้านต้าน ว่า
“ต้านต้าน สิ่งที่ชายชราชุดดำกล่าวจริงหรือไม่ ประตูจักรพรรดิแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยหรือ”
“บอกตามตรง ข้าก็ยังไม่มั่นใจในเรื่องนี้นัก ข้ารู้เพียงแค่ว่าสุสานจักรพรรดิอันตรายมาก ส่วนรายระเอียดต่างๆ ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด อีกทั้งข้าก็เพิ่งมายังโลกแห่งนี้ ก็เท่ากับว่าข้ามียังสุสานจักรพรรดิเป็นครั้งแรก”
ต้านต้าน กล่าวอย่างจนปัญญา พร้อมกับสายศรีษะเบาๆ
“มันคงจะดีกว่า ถ้าพวกเราเชื่อคำกล่าวของเขา ถึงอย่างไรสมบัติที่อยู่กับเขา ก็คุ้มค่ากับการเดินทางในครั้งนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงอันตรายกับประตูจักรพรรดิหรอก”
ชูเฟิง มองกลับไปที่ประตูที่ส่องแสงสีทองระยิบระยับ เขาไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆ จากมัน และยังคงเห็นโลกที่งดงามภายในนั้น เขาต้องการที่จะเปิดประตูจักรพรรดิอย่างมาก
แต่เมื่อเห็นเช่นนั้น เขายิ่งย้ำเตือนหัวใจของเขามากขึ้น เพราะจากคำกล่าวของ ชายชราชุดดำ นั้น ประตูจักรพรรดิมีความสามารถในการดึงดูด และสะกดจิตใจของผู้คนอย่างมาก
“อย่ามองไปที่ประตูนั่น มันอันตราย !!”
ชูเฟิง รีบกล่าวเตือน ชายลึกลับ เพราะเกรงว่าเขาจะถูกสะกดด้วยพลังของประตูจักรพรรดิ
อย่างไรก็ตาม คำเตือนของ ชูเฟิง ก็สายไปเพียงพริบตา เพราะในขณะนั้น ชายลึกลับ ได้ทะยานออกไปที่ด้านหน้าของประตูจักรพรรดิเสียแล้ว
“แย่แล้ว !! ไม่ดีแน่ !!”
ชายลึกลับ ได้ตกอยู่ภายใต้การสะกดของประตูจักรพรรดิ และก้าวเข้าไปใกล้ราวกับคนหูหนวก ชูเฟิง ยิ่งเร่งเร้าตะโกนออกไป
“หยุด !! หยุดเดี๋ยวนี้ !! ที่ด้านหน้าของเจ้ามันอันตรายเกินไป ถ้าเจ้าเข้าไปใกล้ เจ้าจะตาย !!”
เมื่อเห็น ชายลึกลับ ยิ่งเข้าไปใกล้ประตูจักรพรรดินั้น ชูเฟิง ยิ่งตะโกนออกมาเสียงดัง แต่มันก็ไร้ประโยชน์ เพราะเขาไม่สามารถหยุด ชายลึกลับ ได้เสียแล้ว
***** พรึ่บ *****
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ ชายลึกลับ อยู่ห่างจากประตูจักรพรรดิกว่าพันเมตรนั้น ออร่าพลังแปลกๆ ก็แผ่กระจายออกมาอย่างรวดเร็ว
มันเป็นพลังที่แปลกประหลาดอย่างมาก แต่ก็สามารถรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งอย่างชัดเจน มันเป็นพลังที่ราวกับว่าสามารถทำให้สายน้ำไหลย้อนกลับ สามาาถทำลายได้แม้แต่โลกมนุษย์ และสรวงสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย
“พลังจักรพรรดิ !! นั่นอาจจะเป็นพลังอำนาจจักรพรรดิ !!”
ชูเฟิง รู้สึกได้ถึงอันตรายถึงชีวิตอย่างรวดเร็ว เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าออร่าพลังเหล่านี้ พวกเขาไม่สามาาถต้านทานได้แม้แต่น้อย
***** พรึ่บ *****
พลังออร่าเหล่านั้นพุ่งตรงมายัง ชูเฟิง อย่างรวดเร็ว มันหยุดห่างจากเขาเพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น พวกมันค่อยเปลี่ยนแปลงรูปแบบของพวกมัน
พลังออร่าเหล่านั้นแผ่ขยายปกคลุมพื้นที่อย่างรวดเร็ว พลันภูเขา ลำธาร เมฆขาว ก็ปรากฏออกมา เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ทิวทัศน์ที่งดงามก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
ไม่เพียงแค่ออร่าเหล่านั้น จะกลายสภาพเป็นมิวทัศน์ที่งดงาม แต่พวกมันยังหลอมรวมเป็นออร่าสีทอง และบีบอัดแน่นจนในที่สุดก็กลายเป็นร่างของมนุษย์
ศรีษะของเขาจรดฟ้า เท้าของเขาจรดพื้นแผ่นดิน แม้ว่าออร่าสีทองจะเปล่งประกายออกมาบดบังใบหน้า และร่างกายของเขา จนไม่อาจมองได้อย่างชัดเจน แต่ก็ไม่มีผู้ใดไม่รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของเขา
: มันคือใครกัน ???
: จะใครก็ช่าง แต่ชายชุดดำถูกผนึกไว้เรียบร้อย คราวนี้ถึงตาชูเฟิงรูดทรัพย์คืนบ้างแล้ว!!!
: จะทำได้งั้นเหร๊อ ?
: ถ้าจะทำ ทำไมจะทำไม่ได้!!! มือ เท้า ถูก พันธนาการเอาไว้แบบนั้น จะเอาปัญญาที่ไหนขัดขืน
ที่มา: