I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 494 – ความลับ

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

“อืม มันน่าจะเป็นเช่นนั้นแหละ ”

หลังจากได้ยินคำตอบของ’ชูเฟิง’ ‘เจียง เฮิงหยวน’ก็มองไปที่นกยักษ์ แล้วเขาก็พบว่า ไฟบนตัวมันนั้น ได้กลับเข้าไปในตัวมัน ดังนั้นที่’ชูเฟิง’พูดมาเขาจึงเชื่อมันทั้งหมด และไม่ได้สงสัยอะไร’ชูเฟิง’

หลังจากนั้น ‘เจียง เฮิงหยวน’และคนอื่นๆ ก็ตรวจสอบเจ้านกยักษ์ตัวนี้ว่าจะมีสมบัติในตัวมันหรือไม่

และในที่สุดเขาก็ไม่พบสมบัติอะไรเลยจากนกยักษ์ ดังนั้น ‘เจียง เฮิงหยวน’ จึงใช้รูปแบบวิญญาณเพื่อซ่อนนกยักษ์ตัวนี้ นอกจากนี้ ‘เจียง เฮิงหยวน’ก็นอนหลับอยู่ข้างๆเจ้านกยักษ์ตัวนี้เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้ใครเข้าใกล้

แม้ว่านกนั้นจะไม่มีสมบัติใดๆเลย แต่ตัวมันนั้นราวกับเป็นสมบัติวิเศษ เพราะขน เขี้ยว กระดูก นั้นสามารถนำไปสร้างอาวุธที่แข็งแกร่งได้ และหลังจากผ่านการตรวจสอบของผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณแล้วก็บอกได้ว่า ทั้งตัวมันนั้นสามารถนำไปสร้างยอดยุทธภัณฑ์ ระดับ 2ได้

และเนื้อของมันนั้น สามารถนำไปทานและมันจะช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น มันมีสรรพคุณเหมือนยา และเป็นทรัพยากรบ่มเพาะด้วย

อย่างไรก็ตาม เจ้านกนี่แข็งแกร่งนัก แม้ว่าวันจะตายแล้วแต่พลังของมันก็ยังไม่หายไปหมด และร่างกายของมันนั้นแข็งแกร่งมาก การที่จะทำงานชิ้นยักษ์ด้วยตัวคนเดียวนี่เป็นเรื่องยาก ดังนั้น ‘เจียง เฮิงหยวน’ จึงติดต่อกลับไปที่ราชวงศ์เจียงและเรียกผู้เชี่ยวชาญมา

หลังจากนั้น ไม่กี่วัน ราชันย์ลิง และ ผู้เชี่ยวชาญจากราชวงศ์เจียง ที่อยู่ที่สำนักมังกรฟ้าก็มี จึงได้ทราบว่าเรื่องทะเลเพลิงนี่เป็นข่าวยักษ์ ของอาณาจักรมังกรฟ้า

แต่นอกจาก ราชันย์ลิง และคนอิ่นๆจากราชวงศ์เจียงแล้วยังมีผู้เชี่ยวชาญอื่นๆมาด้วย ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นคือ ‘จื่อ ซวนหยวน’นั่นเอง

“นี่คือ วิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นสัตว์มหึมาอย่างแน่นอน มันเป็นสัตว์สายเลือดพิเศษที่มีต้นกำเนิดจาก ภูมิภาคทะเลตะวันออก .”

“แต่เจ้านี่นั้นอาจบอกได้ว่าใกล้เคียงกับราชันย์วิหค มันจึงไม่ตายอย่างง่ายๆแน่นอน”

‘จื่อ ซวนหยวน’ นั้นเป็นคนจากภูมิภาคทะเลตะวันออก เขาจึงรู้ที่มาของนกยักษ์ นี่ดิ และในตอนนั้น ตาของ ‘จื่อ ซวนหยวน’ก็มีความกลัวปรากฏอยู่

“มันมีร่องรอยบาดเจ็บเล็กน้อยบนตัวมัน ตอนมันมีชีวิตมันต้องสู้กับใครบางคน แต่มันก็ไม่มีร่องรอยที่บาดเจ็บสาหัส ข้าคิดว่ามันน่าจะบาดเจ็บสาหัสจากภายในตัวมัน.”

ในตอนนั้น ‘เจียง เฮิงหยวน’ก็พูดขึ้น เขาได้ตรวจสอบนกยักษ์ตัวนี้มาบ้างแล้ว

“ผู้อาวุโส จื่อ จากที่ท่านเห็น ในตอนที่วิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์ มีชีวิตอยู่ ท่านคิดว่าระดับการบ่มเพาะมันอยู่ที่ระดับอะไร มันถึงเจ้าแห่งสงครามหรือไม่”

หลังจากนั้น ‘เจียง เฮิงหยวน’ ก็ถามอีกครั้ง

‘จื่อ ซวนหยวน’นั้นไม่เพียงแก่กว่าเขา แต่ก็แข็งแกร่งกว่าเขาด้วย ดังนั้นในที่นี้คนที่จะสู้กับ ‘จื่อ ซวนหยวน’ได้ จึงมีแค่ราชันย์ลิง คนเดียวดังนั้น ‘เจียง เฮิงหยวน’ จึงสุภาพต่อ ‘จื่อ ซวนหยวน’

“เจ้าแห่งสงครามอย่างนั้น หรือ เจ้ายังไม่เข้าใจมันดีพอ เจ้าวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์ นี่เป็นสัตว์มหึมาสายเลือดบริสุทธิ์ มันมีชีวิตมาตั้งแต่สมัยโบราณและอยู่ในโลกนี้มากว่าแสนปี.”

“สัตว์มหึมาชนิดนี้ ไม่ได้พัฒนาตัวเองจนมีรูปแบบคล้ายมนุษย์ แต่มันยังคงร่างของตัวเองเอาไว้ และมีชีวิตต่อมา.”

“ดังนั้น ความแข็งแกร่งของเจ้านกนี่นั้น สามารถบอกได้จากขนาดตัวมัน อาจบอกได้ว่าเจ้าตัวนี้ นั้นอาจอยู่ในระดับราชันย์วิหคก็ว่าได้.”

“และในจำนวนของวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่ในระดับราชันย์วิหค ไม่น่าจะมีเกิน 3 ดังนั้นเจ้าวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์ นี่ไม่ได้อยู่ในระดับเจ้าสงครามแน่นอน แต่มันน่าจะอยู่ในระดับ ราชันย์แห่งสงคราม.”

‘จื่อ ซวนหยวน’ พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่จริงจัง

“อะไรนะ ราชันย์แห่งสงครามหรือ”

เมื่อได้ยืนนั้นทุกคนก็ต้องตกใจ เพราะในทวีปเก้าอาณาจักรนี้ไม่มีใครที่สามารถเหยียบระดับเจ้าแห่งสงครามได้เลย ดังนั้นระดับราชันย์แห่งสงครามนั้นจะน่ากลัวขนาดไหน และคนที่ข้าเจ้านกยักษ์นี่จะน่ากลัวขนาดไหน

แต่ในขณะที่คนอิ่นๆกำลังตกใจนั้น ‘ชูเฟิง’ได้แต่ขมวดคิ้ว และรู้สึกบางอย่างดังนั้นเขาจึงคิดเกี่ยวกับชายชุดดำนั่นทันที

หากบอกว่าวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์ อยู่ในระดับราชันย์แห่งสงคราม และคนที่ฆ่ามันอย่างชายชราชุดดำนั่น ก็ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับราชาแห่งสงครามอย่างนั้นสินะ

ในตอนนี้ ในทวีปเก้าอาณาจักร ได้มีผู้เชี่ยวชาญระดับราชาแห่งสงครามเข้ามา และมันบังเอิญเป็นตอนที่ ราชวงศ์เจียงจะเปิดสุสานจักรพรรดิพอดี

ถ้าข่าวเรื่องการเปิดสุสานนี่หลุดรอดไป ชายชราชุดดำนั่นต้องมาอย่างแน่นอน และด้วยพลังระดับผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณชุดทองนั้นเขาต้องสนใจมันมาก

และถ้าเขาสนใจมัน ‘ชูเฟิง’ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นโชคชะตาหรือว่าหายนะเพราะว่าพลังของชายคนนั้นแข็งแกร่งมาก ‘ชูเฟิง’นั้นไม่รู้ว่าเขาจะฆ่าคนจากราชวงศ์เจียงเพื่อนแย่งสมบัติหรือเปล่า

ดังนั้น ‘ชูเฟิง’จึงลังเลว่าจะบอกราชวงศ์เจียงดีหรือไม่ อย่างไรก็ตามชายชราคนนี้แข็งแกร่งมาก ‘ชูเฟิง’จึงไม่รู้ว่าชายชรานั้น ยังอยู่หรือไม่

หากชายชรานั้นยังไม่ได้ไปไหนและ’ชูเฟิง’ได้บอกพวกเขา ‘ชูเฟิง’ก็ไม่ชัวร์ว่าชายชรานั้นจะไม่โกรธ และตอนนั้น เขาอาจจะรักษาชัวิตไว้ไม่ได้

ถ้าเขาตายนั้น ชายชราต้องฆ่าทุกคนที่อยู่ที่นี่อย่างแน่นอน และนั่นเป็นปัญหาใหญ่มาก

และสุดท้าย’ชูเฟิง’ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาได้แต่ภาวนาให้ชายชรานั้นจากไปแล้ว และภาวนาให้เขาคิดว่า สถานที่แบบนี้นั้นไม่ดีพอสำหรับคนแข็งแกร่งเช่นเขา

“ชูเฟิงตามข้ามา ข้ามีบางอยากจะบอกเจ้าเป็นการส่วนตัว.”

ในตอนนั้น ‘จื่อ ซวนหยวน’ ก็เข้ามากอดไหล่’ชูเฟิง’

“ท่านปู่ มีอะไรหรือ บอกข้าได้หรือไม่”

เห็นอย่างนั้น ‘จื่อ หลิง’จึงเดินมาและยิ้ม

“สาวน้อย เจ้ากลัวว่าข้าจำทำร้ายชูเฟิงอย่างนั้นหรือ “

‘จื่อ ซวนหยวน’พูดขึ้น

“จื่อ หลิง ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวข้าจะรีบกลับมา.”

‘ชูเฟิง’พูดและยิ้ม

“ก็ได้!!”

‘จื่อ หลิง’พูด และพยักหน้า

“อ๊าก ข้าเลี้ยงเจ้ามาตั้งหลายปีแต่เจ้ามาอยู่กับชูเฟิงแค่ปีเดียวก็เป็นแบบนี้แล้วหรือ เจ้าหลานสาวตัวดี”

เมื่อเห็นหลานสาวตัวดื้อของเขาเชื่อฟัง’ชูเฟิง’ เขาจึงรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย แต่นั่นก็ทำให้เขายิ้มเหมือนกัน

หลังจากนั้น ‘จื่อ ซวนหยวน’ ก็ลอยขึ้นไปบนอากาศ และ’ชูเฟิง’ก็ตามไป มีแค่2คนเท่านั้น ที่บินออกจากหุบเขาไร้ตัวตนและพุ่งเข้าเมฆขนาดใหญ่ ‘จื่อ ซวนหยวน’สะบัดมือของเขา แล้ว ก็วางรูปแบบวิญญาณปิดกั้นเสียงขึ้น

ในตอนนั้น’ชูเฟิง’รู้สึกตกใจมาก เขาไม่คิดมาก่อนว่า ‘จื่อ ซวนหยวน’ จะเป็นผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณ และอยู่ในระดับชุดม่วงด้วย

แต่หลังจากนั้นเขาได้คิดอะไรอีกนิดหน่อยก็ใจเย็นลง เพราะว่าเขายังไม่ลึกมากนัก ถ้าในภูมิภาคทะเลตะวันออกนั้นมีผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณชุดทอง ดังนั้นมันจึงไม่แปลกที่จะมีผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณชุดม่วงอยู่

“ชูเฟิง วันนี้ ข้ามีความลับบางอย่างจะบอกเจ้า แม้แต่จื่อ หลิงก็ยังไม่รู้เรื่องนี้.”

ในที่สุด ‘จื่อ ซวนหยวน’ ก็พูดออกมา

..

แปลโดยท่าน#ฮายย

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments