I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 686 – ใบหน้าขนาดยักษ์ที่น่ากลัว

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

บทที่ 686 – ใบหน้าขนาดยักษ์ที่น่ากลัว

 

* ฮึ่ม * ชูเฟิงสบัดมือของเค้าหลังจากพูดเสร็จ จากนั้นเขาก็ปลดปล่อยรูปแบบผนึกอื่นๆอีกครั้ง ถ้าเปรียบเทียบกับผู้อื่น ชูเฟิงแค่ประสานมือของเขาเพื่อปลดปล่อยรูปแบบวิญญาณ มันเป็นรูปแบบที่เรียบง่ายอย่างมาก เมื่อรูปแบบทำงาน มันก็สำเร็จ ในทันที

 

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดออกไปเบาๆว่า”

 

เปิด!”

 

ทันใดนั้นชั้นของแสงสีทองถูกถอนออกไปจนหมด ในท้ายที่สุดเสาแห่งแสงนั้นกลายเป็นประตูรูปแบบวิญญาณขนาดเล็ก

 

แม้ว่าประตูมันจะมีขนาดพอดีให้คนเพียง 1 คนผ่านไปได้ ด้านบนประตูยังมีคำขนาดใหญ่ 2 คำเขียนคล้ายๆกันว่า”

 

อาราม ผู้สืบทอด”

 

หลังจากประตูปรากฏ ใบหน้าของชูเฟิงไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามใบหน้าของชูเฟิงปรากฏรอยยิ้มที่แทนขึ้นมา

 

เหตุผลที่ทำไมชูเฟิงถึงไม่ร้อนรนก่อนหน้านี้ เนื่องจากชูเฟิงรู้ว่ามีประตู 2 บานที่จะเข้าไปยังอารามผู้สืบทอด แต่เขากลับยอมให้ฉาน เฟิง และพวกไร้ยางถีบเขาออกจากการเข้าไปในอารามผู้สืบทอด คนที่ทำเช่นนั้นย่อมได้รับรางวัลสำหรับสิ่งที่ทำไว้ในตอนแรก

 

ทางเข้าแรกที่ทั้ง 10 ผ่านเข้าไป นั่นเป็นทางเข้าไปยังอารามผู้สืบทอดจริงๆ อย่างไรก็ตามคนเหล่านั้นย่อมต้องสัมผัสสิ่งกีดขวางบางอย่างและบททดสอบก่อนที่จะได้เก็บเกี่ยวในท้ายที่สุด

 

ขณะที่ประตูที่ 2 ก็นำทางเข้าสู่อารามผู้สืบทอดเช่นกัน แต่สิ่งที่แตกต่างคือผู้ที่เข้าไปจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ดีกว่าหลังจากผ่านประตูเข้าไป มันเป็นทางลัดที่แท้จริง ในการเข้าสู่อารามผู้สืบทอด อย่างไรก็ตาม มีเพียง 1 คนเท่านั้นผ่านเข้าไปได้ และต้องเป็นคนที่สามารถมองเห็นคำใบ้ภายในเสาแห่งแสง หรือก็คือคนที่มีชะตากรรมร่วมกับอารามผู้สืบทอดอย่างแท้จริง

 

ชูเฟิงก้าวเข้าไปข้างในพร้อมด้วยรอยยิ้มบางๆ ประตูรูปแบบวิญญาณได้หายไปในทันที หลังจากเขาก้าวเข้าไป

 

ในเวลาเดียวกัน สายตาของชูเฟิงพลันเลือนลาง เวลานั้น เขาได้เข้ามาสู่พื้นที่อีกแห่งหนึ่ง แต่เมื่อสายตาเขาเริ่มปรับสภาพได้ สิ่งต่างๆรอบตัวเขาก็ชัดขึ้น ขณะนั้นนัยตาของชูเฟิงพลันหดลง เต็มไปด้วยความตกใจ

 

ในตอนนั้น ชูเฟิงได้เข้ามาอยู่ภายในกองภูเขาและมหาสมุทรซากศพจำนวนมหาศาล กระดูกสีขาวกระจัดกระจายเกลื่อนกลาดไปจนสุดลูกหูลูกตา บางศพถูกทับจนแบน บางศพถูกเอามากองรวมกันเป็นภูเขาสูง บางศพทับซ้อนกันจนสูงเข้าไปในเมฆา

 

ศพจำนวนมากมายมหาศาลในสถานที่แห่งนี้ มากเกินกว่าใครจะสามารถจินตนาการได้ อย่างไรก็ตามบางสิ่งที่สามารถตรวจสอบได้คือสภาพของคนเหล่านั้นที่กลายเป็นศพ รูปร่างของพวกเขาช่างแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก และนั้นทำให้เขายืนยันได้ว่ามันคือสัตว์บางชนิด

 

แต่ศพบางประเภทช่างมากมายเหลือล้น ดูคล้ายกับยอดเขาขนาดใหญ่ทับถมอยู่บนพื้นดิน ขนาดที่ใหญ่ของมันทำให้ชูเฟิงเชื่อมโยงพวกมันได้กับภาพที่เขาเห็นในส่วนลึกของหมอกสีทอง ‘สิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ที่หน้าหวาดกลัว’

 

ที่สำคัญที่สุด กองศพที่มีขนาดยักษ์เช่นเดียวกันนั้นมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าพวกมันมีมากมายเท่าใดในสถานที่แห่งนี้ แม้ชูเฟิงเองก็ไม่สามารถนับพวกมันได้ทั้งหมด

 

นอกเหนือจากกองศพที่อยู่บนพื้น อย่างไรก็ตาม เมฆสีดำแปลกประหลาดปกคลุมท้องฟ้า เหตุผลที่เรียกเมฆสีดำเหล่านี้ว่าแปลกประหลาด เนื่องจากพวกมันมีสีดำสนิท แต่แสงสีทองสามารถซึมผ่านพวกมันได้ ไม่ว่าโลกใบนี้ ไม่ว่าสถานที่นี้ ก็ต่างมีบรรยากาศที่ชวนอึดอัดสุดพรรณาได้ “สถานที่นี้คืออะไร? ทำไมถึงมีกระดูกมากมายเช่นนี้? จริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้นที่นี่?”

 

ชูเฟิงตะลึงอย่างมาก ด้วยความเฉียบคมของอำนาจวิญญาณ ชูเฟิงจึงมั่นใจว่ากระดูกที่อยู่ที่นี่เป็นของจริง อย่างน้อย ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ ก็สามารถระบุได้ว่ากระดูกทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ คือของจริง “อ่า..ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก การสู้รบเข่นฆ่าครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้นที่นี่จริงๆ สิ่งมีชีวิตมากมายล้วนก้าวเท้าลงสู่ความตาย แต่ช่างน่าเศร้าแหล่งพลังงานของพวกเขาถูกดูดซับไปแล้วโดยใครบางคน ไม่งั้น การบ่มเพาะของข้าก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก!!!”

 

ต้านต้านอุทานขึ้นมา แม้ว่าตอนนี้นางนางค่อนข้างเศร้าใจกับซากศพทั้งหมดที่ถูกดูดแหล่งพลังวิญญาณออกไป มันจึงทำให้นางเสียใจมากกว่าจะตกใจ เพราะมันขัดขวางนางในการที่จะได้รับทุกๆอย่างจากกระดูกเหล่านี้

 

จากประสบการณ์ของนาง นางสามารถบอกได้ว่ากองกระดูกในสถานที่แห่งนี้ เมื่อมันยังมีชีวิตยู่ พวกเขาเหล่านั้นล้วนไม่ธรรมดา แม้ว่าแหล่งพลังจากพวกเขาจะไม่มีอยู่แล้ว แต่ถ้าดูจากลักษณะภายนอกของพวกมัน เขาก็สามารถบอกได้ว่า คนพวกนั้นแข็งแกร่งขนาดไหนก่อนที่พวกเขาจะตาย

 

แม้แต่เหล่าผู้คนที่โดดเด่น ก็ยังมาตายในสถานที่แห่งนี้ แล้วใครจะสามารถจินตนาการว่าการสู้รบครั้งนี้ มีความน่ากลัวถึงขนาดไหน ความเร้นลับของหุบเขาสายหมอกทำให้ชูเฟิงและต้านต้าน เข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆว่า มันไม่ใช่สถานที่ธรรมดาๆ การก่อตัวที่เกิดขึ้นจากยุคโบราณย่อมเกินกว่าความหวังของผู้คน

 

พวกเขาทั้งหมดกล่าวว่าวิธีการบ่มเพาะของยุคปัจจุบันได้จะบรรลุถึงขีดสุดแล้ว แต่เมื่อมองไปยังมันตอนนี้ ผู้ฝึกตนที่อยู่ระหว่างยุคโบราณช่างน่าประทับใจยิ่งกว่า อย่างน้อยๆหลังจากเข้าสู่ภูมิภาคทะเลตะวันออก ทุกสิ่งที่ชูเฟิงได้รับ ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับยุคโบราณ

 

* ฟู่ววว ~~~~*

 

ทันใดนั้น เมฆดำแปลกๆในท้องฟ้าเริ่มเริ่มรุนแรงขึ้น ขณะที่มันทำเช่นนั้น มันเริ่มเปลี่ยนรูปร่าง และในท้ายที่มันกลายเป็นใบหน้าขนาดยักษ์ที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า

 

ใบหน้าขนาดยักษ์นั้นดูแก่ชรา มันกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างไม่สิ้นสุด ถ้าพูดถึงตรรกะ ใบหน้านั้นหน้ากลัวเป็นอย่างมาก แต่ชูเฟิงไม่มีความรู้สึกแปลกๆเช่นนั้น กลับกันเขารู้สึกว่ามันคล้ายคลึงกับพระเจ้าซะมากกว่า

 

ความอ่อนแอ ความรู้สึกที่คาดไม่ถึงของความอ่อนแอ แม้แต่ภายในสุสานจักรพรรดิ ชูเฟิงก็ยังไม่รู้สึกว่าเขาอ่อนแอ ขณะที่เขาเผชิญหน้ากับการรวมตัวของเมฆสีดำบนท้องฟ้า ใบหน้าขนาดยักษ์ได้ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชูเฟิงรู้สึกว่าตัวเขานั้นคล้ายกับไรฝุ่นที่แสนเล็กจ้อย ดังนั้น คงไม่ต้องกล่าวถึงความน่าเกรงขามของมัน

 

แต่ทันใดนั้น ดวงตาคู่ยักษ์บนใบหน้าขนาดยักษ์ก็จ้องมองมายังร่างกายเล็กๆของชูเฟิง นอกจากนั้น มันสร้างเสียงอึกทึกมากกว่าเสียงสายฟ้า ราวกับว่ามันกำลังจะทะลุลงมาจากสวรรค์ “ข้าไม่เคยคิดว่ามนุษย์ในวันนี้จะอ่อนแอถึงขนาดนี้ ข้ารอคอยมาอย่างยาวนานเพื่อที่จะได้เห็นบุคคลที่มองเห็นการก่อตัวของข้า แต่มันช่างเป็นการดำรงค์อยู่ที่อ่อนแอ””อย่างไรก็ตาม อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสิ่งใด เจ้ายังคงมองเห็นความจริงบางอย่าง และเพราะเหตุนั้น ข้าต้องให้รางวัลบางอย่างแก่เจ้า””ก่อนหน้านั้น ถ้าผู้คนไม่เคยประสบความยากลำบากในเส้นทางแห่งการต่อสู้ พวกเขาจะพบกับโชคร้ายเพราะความล้มเหลว ในการคอยพึ่งพลังของผู้อื่น ตอนนี้ข้าจะมอบพลังให้แก่เจ้าชั่วคราว แต่พลังนี้ไม่ได้ทำให้เจ้าเหนือกว่าคนทั้งหมด เจ้าจะสามารถเก็บเกี่ยวทุกสิ่งในอารามผู้สืบทอดได้หรือไม่นั้น ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับตัวเจ้า”

 

* ฮึ่ม * เสียงที่สั่นสะเทือนสวรรค์กดทับลงมาที่ชูเฟิง และเส้นใยสีทองยิงลงมาจากท้องฟ้าลงสู่ร่างกายของชูเฟิง

 

ทันใดนั้น ชูเฟิงรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา ออร่าของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วบรรลุถึงระดับ 3 อาณาจักรจ้าวสงคราม

 

อย่างไรก็ตามชูเฟิงรู้ว่าการบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ไม่ใช่ของจริง มันเป็นพลังชั่วคราวเนื่องจากมันดูง่ายเกินไป ตอนนั้นออร่าสีทองลอยอยู่รอบๆตัวเขา การที่เขาสามารถเพิ่มการบ่มเพาะได้ ล้วนมาจากออร่านี้ ถ้าไม่มีออร่านี้ เช่นนั้นแล้วการบ่มเพาะของชูเฟิงคงกลับไปเป็นระดับ 1 อาณาจักรจ้าวสงคราม

 

อย่างไรก็ตาม บางสิ่งที่ทำให้ชูเฟิงประหลาดใจคือหลังจากที่ได้รับเส้นใยแห่งแสงสีทองแล้ว ทัศนียภาพรอบๆตัวเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงไปด้วย ในตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในมหาสมุทรซากศพไร้ที่สิ้นสุด แต่เขากลับอยู่ในพระราชวังโบราณที่มีวิจิตรบรรจงแทน

 

ชูเฟิงกวาดสายตาไปทั่ว เห็นได้ชัดว่าพระราชวังถูกผนึกไว้ นอกจากนั้น มันยังว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดอยู่ภายใน “แปลกมาก ตั้งแต่ที่เขามอบพลังให้ข้า เขาย่อมต้องการให้ข้าต้องสู้กับเฉินเฟิงและคนอื่นๆภายในขุมทรัพย์ของสถานที่แห่งนี้””แต่เหตุใดเขาถึงได้ให้พลังมาแค่ระดับ 3 ขั้นจ้าวสงคราม? เป็นไปได้ไม๊ว่า เขาจะรู้ว่าการบ่มเพาะระดับ 3 ขั้นจ้าวสงครามของข้า นั้นเพียงพอที่จะสู้กับระดับ 5 ขั้นจ้าวสงคราม? และถ้าข้าผ่านระดับ 3 เฉิน เฟิงคงจะไม่มีโอกาสเอาชนะข้าได้?””ถ้านั่นเป็นความจริง ไม่ใช่มันหมายความว่าเขาเห็นทุกอย่างในตัวข้าแล้วหรอกหรอ? ร้ายกาจยิ่งนัก มันคืออะไรกันแน่? หรือว่ามันคือผู้สร้างหุบเขาสายหมอกหรือไม่แน่ก็อาจเป็นปีศาจโบราณที่ถูกขั้งไว้ในสถานที่แห่งนี้ ?”

 

ชูเฟิงตกใจอย่างไม่มีสิ้นสุด ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันเร็วมาก และเขาก็ไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับการดำรงค์อยู่ที่ทรงพลังก่อนที่จะเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ แต่ไม่ว่าอะไร ชูเฟิงรู้ว่าท้องฟ้าที่ถูกปกคลุมไปด้วยใบหน้าขนาดยักษ์นั่นบะลุความกลัวขั้นสุดยอด……

 

ReaDMGA////////////////////////////////////////////////////A : ได้พลังมาล่ะ!!!

 

B : ใกล้ได้ตบเกรียนล่ะ ฉาน เฟิง เตรียมตัวไว้ให้ดีเหอะ!!!

 

C : ส่วน หย่า เฟย กะ มู่หรง ว่านเด๋วพี่ C จัดการเอง ^^

 

A : อย่าเจือกกก!!! ปล่อยให้นั้นเป็นหน้าที่ของพี่เฟิง

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments