ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“เขาต้านมันได้! เข้าต้านมันได้อีกแล้ว! นั้นมันรูปแบบวิญญาณอะไรกันแน่ถึงทรงพลังขนาดนี้ แล้วอายุแค่นี้เขาก็ได้เป็นผู้เชื่อมต่อฯชุดม่วง มันเป็นไปได้ยังไงที่มันสามารถป้องกันการจู่โจมระดับจ้าวสงคราม? ”
“ไม่น่าเชื่อ นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ข้าเกิดมาที่เห็นผู้มีพลังระดับนี้สามารถต่อกรกับระดับจ้าวสงครามอย่างเท่าเทียมได้”
ณ ขณะนั้น ฝูงชนรอบๆไม่สามารถอดกลั้นได้ ถ้าก่อนหน้านั้นมันเป็นเพียงความบังเอิญ แล้วตอนนี้หล่ะ? พวกเขารู้ว่าชูเฟิงมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะต่อกรกับอาณาจักรจ้าวสงครามได้
“ระดับสวรรค์สู้กับจ้าวสงครามได้งั้นหรอ ? น่าขันยิ่งนัก แสดงให้ข้าเห็นอีกทีสิว่าเจ้าสามารถรับมือกับพวกข้าได้”
การโจมตีของพวกเขาทั้งสองคนถูกป้องกันอย่างต่อเนื่อง การกระทำของชูเฟิงทำให้ชายร่างใหญ่ป่าเถื่อนและชายใบหน้ายุติธรรมเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง ระดับ 1 ขั้นจ้าวสงครามทั้งสองคนรู้สึกราวกับว่าใบหน้าของพวกเขาถูกใช้เพื่อปัดกวาดพื้น
* วูช วูช ~~~ *
ฝ่ามือของพวกเขาปรากณแสงเป็นประกายและยอดยุทธภัณฑ์พลันปรากฏขึ้นในมือของพวกเค้า
อาวุธของชายร่างใหญ่ป่าเถื่อนคือดาบยาว 3 เมตร มันดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก
อาวุธของชายใบหน้ายุติธรรมคือแส้สีเขียวซึ่งมีออร่าที่ทรงพลังอย่างมากรั่วไหลออกมา
สามารถกล่าวว่ามันเทียบได้กับยอดยุทธภัณฑ์ชั้นดี การที่มันแข็งแกร่งแบบนั้นเป็นเพราะว่าทักษะยุทธ์ของมันเป็นเอกลักษณ์ ที่ได้หลอมรวมเข้ากับพลังจ้าวสงคราม ดังนั้นเมื่อมันอยู่ในมือของผู้เชี่ยวชาญจ้าวสงครามมันจึงสามารถเปล่งพลังที่จริงออกมา
สิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าของฝูงชนได้บอกพวกเขาว่าข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริง หลังจากทั้งสองคนใช้ยอดยุทธภัณฑ์ ออร่าของพวกเขาแข่งแกร่งยิ่งขึ้น พวกเขาทั้งสองยืนอยู่กลางอากาศ พวกเขาดูราวกับเทพเจ้าผู้ชำชองการศึก บรรยากาศของพวกเขาราวกับสืบเชื้อสายมาจากพระเจ้า
“เจ้ามาได้ถูกเวลายิ่งนัก ให้ข้าได้สัมผัสกับระดับของยอดยุทธภัณฑ์ที่ถูกกวัดแกว่งโดยผู้เชี่ยวชาญจ้าวสงครามที!”
ถ้าเป็นคนทั่วไปที่อยู่ในสถานะการณ์เช่นเดียวกันนี้ ความกลัวคงจะแบ่งบานในหัวใจของพวกเขาราวกับดอกไม้ แต่ไม่ใช่กับชูเฟิง! เขาไม่ได้หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย กลับกันเขากลับรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก หลังจากปรากฏแสงสีดำ ขวานอสูรฟ้าพลันปรากฏในมือของชูเฟิง
*ฟุบ ฟุบ ฟุบ*
ในเวลาเดียวกัน ชูเฟิงย่างก้าวโดยใช้ทักษะของจักรพรรดินภาพุ่งไปยังขั้นเทพยุทธ์ทั้งสอง
“รนหาที่ตาย!! วันนี้ข้าจะสอนทบเรียนแก่เจ้า”
มองเห็นชูเฟิงพุ่งเข้าหาพวกเขาอย่างห้าวหาญ ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองขบฟันของพวกเขาด้วยความโกรธ
พวกเขาไม่รอช้ารีบกระชับยอดยุทธภัณฑ์ในมือและเข้าห้ำหั่นกับชูเฟิงตามลำดับ เหมือนคนหนึ่งเข้า คนหนึ่งออก เมื่อเห็นว่ามีช่องให้เข้าโจมตี
*เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง*
*ตูม ตูม ตูม ตูม*
ยอดยุทธภัณฑ์ทั้งสามเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด การเหวี่ยงอาวุธแต่ละครั้งก่อให้เกิดพลังอันมหาศาล และการปะทะกันแต่ละครั้งก่อให้เกิดเสียงระเบิดอึกทึก
ขณะที่ทั้งสามปะทะกันแม้แต่ท้องฟ้ายังเกิดรอยแยก และแตกระแหง ท้องฟ้าที่ทั้งสามคนปะทะกันอยู่พลันเข้าสู่ความสับสนวุ่นวายพร้อมกับความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด มีเพียงบริเวณที่พวกเขาปะทะกันเท่านั้นที่มีแสงสว่าง ซึ่งแสงสว่างนั้นเกิดจากการปะทะกันของพลังวิญญาณที่ไม่ธรรมดา
“สวรรค์!! เขาสามารถต่อกรกับผู้เชี่ยวทั้งสองได้อย่างเท่าเทียมจริงๆหรือ? มันเหมือนกับว่าเรากำลังดูเหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับจ้าวสงครามเข้าห่ำหั่นกันเอง ถ้าเขาสู้กับผู้เชี่ยวจ้าวสงครามแบบตัวต่อตัว ไม่แน่ว่าเขาอาจจะสามารถกำจัดพวกเขาได้หรอกหรือ?”
วงจรการต่อสู้ของพวกเขาทั้งสามนั้นสั่นสะเทือนแม้กระทั้งสวรรค์และพื้นพิภพ นอกจากนั้นการต่อสู้ของพวกเขายังดึงดูดสายตาของเหล่าผู้สังเกตุการณ์ ซึ่งทุกคนที่เห็นล้วนตกอยู่ในอาการตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
“ฮ่าๆ เนี่ยหรอฝีมือระดับจ้าวสงคราม สวะดีๆ!!!”
ชูเฟิงต่อสู้กับพวกเขาอย่างห้าวหาญมากและมากขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าบรรยากาศรอบๆชูเฟิงในตอนนี้กำลังสะกดข่มพวกเขาทั้งสอง
มองดูสีหน้าอันน่าเกลียดนั่น ชูเฟิงแน่ใจว่าทั้งสองคนคงจะหมดลูกไม้แล้ว ถ้าสถานะการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ถึงสมชั่วยามพวกเขาต้องโดนชูเฟิงกำจัดแน่ ที่ผ่านมาชูเฟิงใช้ยอดยุทธภัณฑ์และทักษะลับของเค้า อีกไม่นานสองคนนี้คงพ่ายแพ้แก่เขาเป็นแน่
“ผู้ใดกล้าก่อปัญหากับคนหมู่เกาะประหาร ของข้า !!!?”
แต่ในขณะนั้น เสียงตะโกนที่ชัดเจนพร้อมกับออร่าที่ทรงพลังราวกับไม่มีที่สิ้นสุดได้ดังมาจากท้องฟ้า
“บ้าเอ้ย!”
ทันใดนั้นหน้าของชูเฟิงพลันเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เค้ารีบพุ่งตัวถอยกลับไปด้านหลัง
เฉพาะชูเฟิงเท่านั้นที่พบว่ามีชายชราผมขาวบินลงมาจากท้องฟ้าตรงมายังการต่อสู้ของพวกเขา บุคคลนั้นยังส่วมใส่เสื้อผ้าที่ไม่ธรรมดาของ หมู่เกาะประหาร นอกจากนั้นออร่าของเขายังอยู่ในระดับ 3 ขั้นจ้าวสงคราม
“งั้น..เจ้าคือเด็กสารเลว แม้ข้าจะไม่รู้ว่าอาจารย์ของเจ้าเป็นใคร แต่ไม่มีใครในทะเลภูมิภาคทะเลตะวันออกกล้ามาหยิ่งผยองต่อหน้าคนจาก หมู่เกาะประหาร ของข้า ตอนนี้ข้าจะให้บทเรียนแก่เด็กโง่เง่าเช่นเจ้าในแทนอาจารย์เจ้าเอง!!”
หลังจากชายชราปรากฏตัว เขาไม่รอการโต้แย้งและเข้าจู่โจมชูเฟิงโดยทันที จากที่เขาได้ฟาดฝ่ามือออกไป ชูเฟิงรู้สึกได้ถึงพลังที่พุ่งพล่านดึงดูดอย่างไม่สิ้นสุดรอบๆตัวของเค้า ซึ่งทั้งหมดนั้นพุ่งมาจากชายชรา
ในเวลาเดียวกันนั้นชายร่างใหญ่ป่าเถื่อนและชายใบหน้ายุติธรรมยังโบกสบัดยอดยุทธภัณฑ์ในมือของพวกเขาโจมตีอย่างอุกอาจมายังชูเฟิง
ชูเฟิงรู้ดีว่าเขาไม่สามารถจัดการกับชายชราได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะใช้ทักษะเร้นลับมังกรฟ้าทะยาน ซึ่งเป็นทักษะที่ได้จากผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้าอย่างเต็มกำลัง
* วูบ *
เมื่อทักษะมังกรฟ้าทะยานปรากฏขึ้นก็ปรากฏมังการคำรามออกมาทันที จากนั้นมันได้กลายเป็นลำแสงสีฟ้าพุ่งหายไปด้วยความเร็วที่ไม่อาจจ้องมองด้วยตาเปล่า เสี้ยววินั้นเขาก็ได้หลบหนีไปไกลแล้ว
“เฮอะ..เผ่นเร็วจริงนะ ไอ้เด็กเวน ถ้ามันช้ากว่านี้แม้เพียงนิด มันคงจะโดนข้าฝ่าเป็นสองซีกไปแล้ว”
มองไปยังทางที่ชูเฟิงหลบหนีไป ชายป่าเถื่อนไม่สามารถตามเขาได้ทัน ดังนั้นหลังจากที่เขาพ่นน้ำลายออกมาจากปากใหญ่ๆของเค้า เขาก็กู่ร้องด้วยความเกรี้ยวกราด
“หุบปาก! เรามาที่นี่เพื่อจับอสูร…ไม่ได้มาทำให้ตัวเองขายหน้า การกระทำของพวกแกตอนนี้มันส่งผลกระทบร้ายแรง พวกแกไม่รู้ถึงภาพลักษณ์ภายนอกของ หมู่เกาะประหาร รึไง?!”
ชายชราตำหนิอย่างเกรี้ยวกราด
“ผู้อาวุโส พวกเราแค่อยากแสดงพลังของ หมู่เกาะประหาร ให้คนเหล่านี้ได้ประจักษ์ แต่ใครจะรู้ว่าจะมีเจ้าเด็กเหลือขอมาขัดขวางกลางคันเสียก่อน?”
ชายใบหน้ายุติธรรมอธิบาย
“แสดงพลังของพวกเจ้ารึ?”
จากที่เห็นมันเหมือนกับความลำบากใจของพวกเจ้ามากกว่า
“ระดับ 1 อาณาจักรจ้าวสงคราม 2 คน ถูกปราบโดยเจ้าเด็กเหลือขอคนนึงที่อยู่ในระดับ 9 ขั้นแดนสวรรค์ เจ้ายังมีหน้าจะพบผู้คนอีกรึ?!!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนั้นชายชรากลายเป็นเกรี้ยวกราดมากกว่าเดิม
“พ. .พวก…ร..เรา”
ทั้งสองกลายเป็นพูดไม่ออก ไม่แม้แต่จะหาคำแก้ตัว
ข้อเท็จจริงที่ทั้งสองถูกยับยั้งโดยชูเฟิง คนภายนอกอาจไม่สามารถพูดอะไรได้ แต่พวกเขารู้ดีถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ พวกเขาไม่สามารถปิดบังว่าใครเป็นผู้ได้เปรียบและใครเป็นผู้เสียเปรียบจากชายชราได้
“ฟังนะ ท่านหญิงย่าเฟยจะเสด็จผ่านมาทางนี้และท่านได้ยินว่ามีอสูรปรากฏตัวอยู่ ท่านกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่ตอนนี้ หลังจากที่ท่านมาถึงจนกระทั้งก่อนที่ท่านจะจากไป มันจะดีมากถ้าเจ้าทั้งสองไม่สร้างปัญหาให้ข้า หรือถ้าเจ้าทั้งสร้างปัญหา เมื่อถึงตอนนั้นข้าก็ไม่อาจช่วยเจ้าได้”
ชายชราเตือนพวกเขาทั้งสอง
“ท่านหญิงย่าเฟยรึ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้งสองไม่ชักช้าแต่อย่างใด กลับกันทั้งสองรีบเผ่นทันที ทั้งสองกลายเป็นสายรุ่งและบินลงไปยังด้านล่าง ด้วยน้ำทะเลที่สาดกระจายไปทั่วทุกที่ ทั้งสองก็ได้พุ่งลงไปในทะเลโลหิต
“จริงๆแล้วเจ้าเด็กนั่นมาจากที่ใดกัน? สามารถต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญจ้าวสงครามได้ด้วยการบ่มเพาะระดับนั้น นี่ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะทำได้”
ในขณะนั้นชายชราที่มีพลังระดับ 3 จ้าวสงครามได้เหม่อมองไปยังทางที่ชูเฟิงได้หลบหนีไป คิ้วของเขาขมวดแน่น ดวงตาเป็นประกายในขณะที่จมอยู่ในห้วงความคิด…..
ที่มา: