I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 671 – คำเตือน

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

บทที่ 671 – คำเตือน

 

“หวู่ฉิง ลงมือ!!”

 

ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน ตะโกนเสียงดังหลังจากที่ซัด เจ้าวิหาร วู่หยา ปลิวไปด้านข้าง “อย่า อย่า ได้โปรด!!!”

 

ได้ยินแบบนั้น เขาก็ลืมอาการบาดเจ็บของตนเองไป, เจ้าวิหาร วู่หยารีบเช็ดเลือดที่มุมปาก พร้อมกับอ้อนวอนอย่างบ้าคลั่ง

 

แต่ว่าทำไม ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน ถึงได้สนับสนุน ชูเฟิง, สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เจ้าวิหารวู่หยามีปฏิกิริยาดั่งเช่นปัจจุบัน ตอนนั้น ชูเฟิงยกขวานอสูรฟ้าในมือขึ้น และกำลังจะผ่าลงที่ร่างของ จู เทียนหมิง ที่นอนกองที่พื้น “หวู่ฉิง!! ถ้าเจ้าอยากฆ่า ก็มาฆ่าข้า!”

 

อย่างไรก็ตาม เพื่อช่วยชีวิต จู เทียนหมิง เจ้าวิหาร วู่หย่า ถึงกับยอมเอาชีวิตเข้าแลก ซึ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่ ชูเฟิง คาดไว้ เมื่อหันไปมองที่ใบหน้าเขา น้ำตาของเขาก็ไหลลงใบหน้าที่แก่ชรา น้ำตานั้นเป็นน้ำตาที่ออกมาจากความรู้สึกที่แท้จริง ตอนนั้นเขาช่างดูน่าสงสาร “ฆ่าเจ้า ? เจ้าไม่ใช่คนที่มาเดิมพันกับข้า ทำไมข้าต้องฆ่าเจ้า ไหนเจ้าลองบอกเหตุผลดีๆมาสิ!!!”

 

ชูเฟิง ไม่ได้เคลื่อนย้ายออกไป แต่เขาก็ไม่คิดว่า เจ้าวิหาร วู่หยา ที่แสนจะน่ารังเกียจและหน้าด้านหน้าทน จะมีด้านที่ยอมเสียสละ ที่ขนาดยอมแลกชีวิตของตัวเองกับลูกศิษย์ของเขา

 

แต่ถึงอย่างนั้น ชูเฟิง ก็ไม่คิดจะปล่อย จู เทียนหมิง ไปง่ายๆ เพราะเขาได้เห็นความน่ารังเกียจ ของอาจารยฺและสาวกทั้งสองของเขา สภาพอนาถของพวกเขาในปัจจุบันก็อาจเป็นแค่การเสแสร้ง ถ้าหากฉิวซุ่ย ฟู่หยาน ไม่ก้าวออกมาทันเวลา คนที่จะตายคงจะหนีไม่พ้นตัวเขา “เขาเป็นลูกชายของข้า เทียนหมิง และ ตี่กวง ทั้งคู่เป็นลูกชายของข้า ความผิดของลูกก็เหมือนความผิดของพ่อแม่ ดังนั้น อย่าฆ่า เทียนหมิง เลย จะฆ่าก็มาฆ่าข้า!”

 

เจ้าวิหาร วู่หย่า อ้อนวอนจนท้ายสุดเขาก็ยอมแพ้และบอกความจริงกับ ชูเฟิง “หาาาา ~~~~~”

 

และเมื่อคำพูดนั้นหลุดออกมา ก็เกิดความวุ่นวายกับฝูงฝน “อะไรนะ ? จู เทียนหมิง และ จู ตี่กวง แท้จริงเป็นทายาทเจ้าวิหาร ลูกของท่าน วู่หย่า งั้นหรอ ?”

 

หลายคนแสดงออกถึงความประหลาดใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินว่านักบวชมีลูก, อีกทั้งเขา ก็ยังไม่เคยแต่งงานและอยู่มาเพียงลำพังโดยตลอด แล้วเด็กที่เขาว่า จะมาจากไหนหรือว่าเขาไปเอากับกระบอกไม้ไผ่ “เท่าที่ข้าดู มันไม่น่าจะแปลกใจเลยแม้แต่น้อย เขาให้ความสำคัญกับ จู เทียนหมิง และ จู ตี่กวงคอยฝึกฝน ฟูมฝัก และเขายังคอยพลักดันพวกเขาทั้งสอง อีกทั้งยังมอบสิ่งต่างๆให้กับทั้งสอง ดูจากเรื่องทั้งหมดนี้ก็คงเป็นเพราะทั้งสองนั้นเป็นลูกชายแท้ๆของเขา เขาจึงใส่ใจ เทียน หมิง และ ตี่กวง”

 

มีคนที่ฉลาดๆอยู่บ้างเมื่อมองภาพรวมของสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดได้เช่นนั้น พวกเขาก็ยิ่งมอง เจ้าวิหาร วู่หย่า ว่าเป็นคนน่ารังเกียจ และน่าขยะแขยง “อา . . .อา . . . .อาจารย์! คำพูดของท่านเป็นเรื่องจริงงั้นหรอ ท่านคือพ่อของเรา แต่ท่านบอกว่าพ่อของเราเสียไปนานแล้ว” [ T/N หลายคนอาจจะงง ว่าจริงๆแล้ว วู่หย่า เป็นผู้ชายหรอ ช่ายคับ วู่หย่าคือชายแท้ นักบวชดีๆ เจ้าวิหาร หรือ ไต้ซือแต่มีตำแหน่งเป็น เจ้าอาวาส เราเลยใช้เจ้าวิหาร ไม่งั้นเราต้องใช้ แม่ชี แต่หลายคนอาจจะสับสนกับแม่เฒ่า หวู่กง ซึ่งผู้แปลบางท่านก็มึนงงเช่นกัน แต่ให้เข้าใจตรงกันว่า มันคือ ผู้ชาย ] “ลูกข้า ข้าคือพ่อจริงๆของเจ้า อย่างไรก็ตาม ข้าก็ได้โกหกและหลอกพวกเจ้า เพราะข้าอยากให้พวกเจ้าทั้งสองตั้งใจฝึกฝนและไม่หวังพึ่งพาข้า ทั้งหมดนี้ข้าก็ทำเพื่อประโยชน์ของเจ้า”

 

เจ้าวิหาร วู่หย่า ปาดน้ำตาของเขา จากนั้นก็ค่อยๆลุกขึ้นยืน พร้อมกับเดินไปหา ชูเฟิง เมื่อถึงระยะห่างจากชูเฟิง ประมาณ 10 เมตร เขาก็คุกเข่ากับพื้นพร้อมกับเอาหัวโขกและพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงใจ”

 

ฆ่าข้าเถิด พ่อคนนี้ขอชดเชยความผิดทั้งหมดของลูก”

 

ตอนนั้น ชูเฟิง ก็ขยับตัว แม้ว่าเจ้าวิหาร วู่หย่าและลูกชายของเขาจะไม่ใช่คนดี แต่ความรู้สึกของพ่อและลูก ชูเฟิงก็พอสัมผัสถึงมันได้ ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ทำอะไรกับ จู เทียนหมิง จากนั้นก็โยนสายตาไปยัง ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน

 

ในตอนนั้น ความพิโรธที่เคยพุ่งออกมาจากสายตาอันแน่วแน่ของนาง บัดนี้เห็นได้ว่า นางรู้สึกตกใจไม่น้อยที่คนน่ารังเกียจอย่างเจ้าวิหาร วู่หยาจะยอมแลกชีวิตของเขาเพื่อชีวิตของลูกชาย แต่ นางไม่ใช่คนที่จะยอมกล่าวอะไรออกมาง่ายๆ ดังนั้น นางจึงส่งข้อความทางจิตกับ ชูเฟิง ว่า”

 

ถ้า นอกจากชีวิตของเขา แล้วเจ้ายังมีอย่างอื่นที่ต้องการอีกไม๊ หากมีเจ้าก็เลือกมาสิ่งหนึ่ง ?””อาวุโส หากข้าต้องการเลือกบางอย่าง เพื่อแลกกับชีวิตของเขา จากที่ข้าดู ดาบตราประทับมังกรก็ไม่เลวสักเท่าไหร่”

 

ชูเฟิง ตัดสินใจได้ทันที เพราะเขาได้ยินการสนทนาของฝูงชนมา และรู้สึกว่า ดาบตราประทับมังกรไม่ใช่ของขี้ๆ เขายังเห็นว่ามันไม่ใช่แค่ ยอดยุทธภัณฑ์ แต่เป็น ยอดยุทธภัณฑ์แห่งราชันย์ ไม่สมบูรณ์ [ T/N Incomplete Royal Armament.ยอดยุทธภัณฑ์แห่งราชันย์ ไม่สมบูรณ์ จะต่างกับ Royal Armament ยอดยุทธภัณฑ์แห่งราชันย์ นะคับ ไม่มี Incomplete จะเป็นของดีกว่า ส่วนขวานอสูรฟ้า จะเป็น King of elite armament คือ ระดับ ยอดยุทธภัณฑ์ แต่เป็น ราชันย์ ในหมู่ ยอดยุทธภัณฑ์ คือ อาวุธที่ดีที่สุดสุดในระดับ ยอดยุทธภัณฑ์ ซึ่งจะมีระดับ Normal elite Armament ไป elite Armament ไป Master Armament ไป Royal Armament ไป emperor Armament ไล่ตามลำดับที่เราเรียง หากยังสงสัย คลิ๊กหัวข้อตัวละคร เราจะเขียนอธิบายไว้ ซึ่งระดับ Royal ขึ้นไป มันจะเลือกผู้ใช้และมอบพลังทั้งหมดให้ผู้มันเลือก แต่ถ้ามี incomplete จะไม่มีพลังขนาดนั้น เพราะมันคล้ายกับ ของเลียนแบบ นี้ล่ะคับที่มันยุ่งยาก ]

 

มันเป็นอาวุธที่ดีกว่าขวานอสูรฟ้าของเขา แม้ว่าขวานอสูรฟ้าจะมีความสามารถพิเศษที่ใช้ฝึกอำนาจพลังวิญญาณ แต่อำนาจของตัวพลังทำลาย ยังค่อนข้างจะห่างไกลจาก ดาบตราประทับมังกร ถ้าเขาใช้ดาบนี้ในการต่อสู้ พลังของเขาคงจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

 

แม้ว่าในด้านการต่อสู้โดยพลังทำลาย ชูเฟิง จะมีทักษะเร้นลับ เขาก็ไม่ค่อนอยากนำมันออกมาใช้สู้ หากไม่ใช่ช่วงเวลาสำคัญๆ เพราะทักษะเร้นลับมันควบคุมยากเกินไป และหากเขาเปิดเผยมันบ่อยๆแล้วมีคนจับได้ ก็มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะถูกฆ่าเพื่อชิงมันไป “ถึงแม้มันจะไม่สมบูรณ์ และไม่ใช่ ยอดยุทธภัณฑ์แห่งราชันย์โดยเนื้อแท้ แต่มันก็สร้างขึ้นโดยผู้ที่พลังวิญญาณในอาณาจักรราชันย์สงคราม ซึ่งพลังของมันไม่ใช่อะไรที่เทียบเคียงกับ ยอดยุทธภัณฑ์ชั้นสูง ซึ่งสิ่งนี้มีค่ามากยิ่งกว่า และถ้ามีโอกาสที่จะเลือก ก็ควรเลือกสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดของเจ้าวิหารวู่หย่า เจ้าหนุ่มสายตาเจ้านับว่าเฉียบแหลม”

 

หลังจากได้ยินคำพูดของ ชูเฟิง ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน ยิ้มให้เบาๆ โดยที่นางไม่ได้ปฏิเสธคำขอ จากนั้นนางก็กล่าวกับเจ้าวิหารวู่หย่า”

 

เห็นแก่เขาที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้าและเจ้าก็ยอมสละชีวิตเพือเขา ข้าจะให้โอกาศเจ้า””มอบดาบตราประทับมังกรให้ หวู่ฉิง และขอโทษเขาซะ แล้วข้าจะทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น!””อะไรนะ ? เจ้าต้องการให้อาจารย์มอบดาบตราประทับมังกรให้งั้นหรอ อย่าแม้แต่จะคิด!”

 

จู ตี่กวง ตอบสนองก่อนที่เจ้าวิหาร วู่หย่า จะได้พูด”อาจารย์ข้า กว่าจะได้ยอดยุทธภัณฑ์แห่งราชันย์ชิ้นนี้มา ต้องแลกกับสมบัตินับไม่ถ้วนและต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ถ้าจะมอบมันให้กับเจ้า ต้องข้ามศพข้าไปก่อน ต่อให้ฆ่าข้าเจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้ ดาบตราประทับมังกรไป”

 

ในเวลาเดียวกัน จู เทียนหมิง ที่กลัวตายก็เรียกความกล้ากลับมา “หุบปาก!!!”

 

อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ เจ้าวิหารวู่หย่า ระเบิดเสียงตะโกนใส่พวกเขาทั้งสอง จะนั้นก็ส่งดาบตราประทับมังกรให้ชูเฟิงและกล่าว”

 

สหายน้อย หวู่ฉิง เราและศิษย์ทำผิดต่อเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะเป็นคนใจกว้าง และให้โอกาสพวกเรา””ข้าหวังว่าท่านจะกลับตัวกลับใจ ไม่ใช่เอาแต่กลั่นแกล้งรังแกผู้อื่น โลกนี้มันกว้างใหญ่ และไม่ใช่ท่านที่ยิ่งใหญ่ที่นี่ หากท่านยังทำตัวอวดดี คนที่จะต้องเจอหายนะคงเป็นตัวท่านเอง”

 

ชูเฟิง ยิ้มพร้อมกับรับดาบตราประทับมังกรมา เขาเห็นว่า เจ้าวิหารอาจจะไม่ยอมลามือ และยิ่งไปกว่านั้น เขาสามารถบอกได้ว่า นี้เป็นดาบชั้นยอด สมกับที่เป็น ยอดยุทธภัณฑ์แห่งราชันย์ ไม่สมบูรณ์ แน่นอนว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ ยอดยุทธภัณฑ์ จะเทียบได้”หวู่ฉิง, ว่านชือ ไปกันเถอะ ที่งานเลี้ยงไม่มีไรล่ะ เราไปหา แม่นาง เพียวเมี้ยวกัน”

 

หลังจากที่ ชูเฟิง ได้รับดาบตราประทับมังกรมา ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน ก็หันหลังกลับและจากไปพร้อมกับ ชูเฟิง และ เจียง วานชือ

 

อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นเมื่อนางกำลังจะก้าวเท้าออกจากทิศทางยอดเขา ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน ก็หันหัวไปรอบๆ และกล่าวกับเจ้าวิหาร วู่หย่า”

 

เจ้าควรจะดีใจ ที่คนปรากฏตัวมาวันนี้เป็นข้า ไม่ใช่อาจารย์ของ หวู่ฉิง หากดูจากการกระทำของเจ้า คงไม่ใช่เพียง วิหารของเจ้า แต่ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเจ้าคงต้องถูกกำจัด!!!”

 

หลังจากทิ้งคำเหล่านั้นไว้เบื้องหลัง ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน ก็จากไป ในตอนนั้น เจ้าวิหารวู่หย่า สีหน้าซีดเผือด ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หลังจากที่ได้รับประสบเหตุการณ์วันนี้ เขาก็เชื่อหมดใจว่า ชูเฟิง มีที่มา ที่ไป ที่ไม่ธรรมดา และยิ่งไปกว่านั้น เขาก็รู้ว่า ชูเฟิง ไม่ใช่คนที่เขาสมควรจะเข้าไปตอแย

 

ในความเป็นจริง แม้แต่ทุกคนที่อยู่ในฉากนั้น ก็สามารถบอกได้เลยว่า ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน ไม่ได้ล้อเล่น

 

พวกเขายังบอกได้อีกว่า ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน ไม่ได้เตือนเฉพาะเจ้าวิหารวู่หย่า ในเวลาเดียวกัน นางก็บอกกับทุกๆคน ด้วยคำเตือนที่สุดแสนจะน่าหวาดหวั่น ที่บอกเป็นในๆว่า ชูเฟิง ไม่ใช่คนที่พวกเขาสมควรเจ้าเข้าไปยุ่ง ไม่งั้นผลลัพธ์ที่ตามมาคงไม่อาจคาดเดา หรือพวกเขาอาจจะต้องเจอกับสิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุด ในชีวิต

 

ReaDMGA////////////////////////////////////////////////////A : ทำไมนางถึงไม่บอก ชื่อ จารย์พี่เฟิงไปล่ะ

 

B : บอกได้ไง ฉิว ซานเฟิง กำชับมาว่าห้ามบอก ขนาดคนของ พรรคมารทลายราตรี ชูเฟิงยังไม่บอกเลย ขนาดคนที่เป็นศิษย์ของ ฟู่ เหลียนเซิน มันยังไม่บอกเลย นอกจาก ตัว ฟู่ เหลียนเซิน กับ ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน และ เพียวเมี้ยว ก็แทบจะไม่มีใครรู้ ขนาด ไต้กู๋ ชูเฟิง ยังไม่บอกเลย ไม่งั้น ไต้กู๋ คงเลิกอยากได้พี่เฟิงเป็นศิษย์ หรือไม่แน่อาจจะอยากได้ยิ่งกว่าเดิม

 

A : พูดๆมา ก็อยากรู้ล่ะ ว่าไต้กู๋ กับ ฉิว ซานเฟิง นี้จะถูกกัน หรือ เป็นศัตรูกัน แล้วใครกันแน่เก่งกว่า

 

B : ไม่รู้ดิ คงตีกันแย่งศิษย์ล่ะมั้ง!!! ถึงตอนนั้นเราคงได้รู้ใครเก่งกว่าใคร ไม่งั้นก็สงครามน้ำลาย เพราะชูเฟิงเองก็ชอบ ไต้กู๋ ไม่น้อย เพราะเขาเทใจให้ ชูเฟิง เกิน 100 ขนาดชูเฟิงปฏิเสธ ยังคอยช่วยเหลือ ชูเฟิง อีกทั้ง ยังปฏิเสธแล้วปฏิเสธเล่า เค้ายังไม่โกรธ เสือกอยากได้เป็น ศิษย์เข้าไปอีก คนเก่งๆแม่งชอบมีไรแปลกๆ แถวบ้านเราก็คงเรียกกัน คนเพี้ยนๆ

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments