I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 651 – โอกาสในการรอดชีวิต

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

บทที่ 651 – โอกาสในการรอดชีวิต

 

แต่โชคยังดี ไม่ว่าการจ้องมองของท่านหญิงเพียวเมี้ยวจะดุดันเพียงใด แต่ก็ยังไม่สามารถมองเห็นสายฟ้าศักดิสิทธิ์ในตันเถียนของชูเฟิงได้ นางพบว่าส่วนใหญ่แล้วมีอำนาจพิเศษอยู่ภายในโลหิตของชูเฟิง และอำนาจพิเศษนั้นก็จะไม่ทำผู้อื่นรู้สึกว่าชูเฟิงแปลกประหลาด กลับกันมันทำให้พวกเขารู้สึกว่าชูเฟิงแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

 

เหตุผลสำหรับเรื่องนี้คืออำนาจพิเศษนั้นเป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถมีได้ อย่างไรก็ตาม มันคืออำนาจพิเศษที่ไม่มีผลกระทบใดๆทั้งสิ้น มันเป็นส่วนหนึ่งของชูเฟิงอย่างแท้จริง นอกจากนั้น ราวกับว่าอำนาจประเภทนี้จะสามารถเติบโตไปพร้อมๆกับชูเฟิงได้ นั้นหมายความว่าพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะของชูเฟิงสูงส่งเป็นอย่างมาก!

 

สำหรับท่านหญิง เพียวเมี้ยว แม้นางจะเห็นว่าชูเฟิงนั้นแตกต่างจากคนอื่นๆ ใบหน้าของนางยังคงสงบนิ่ง..ไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลงใดๆ นางพูดอย่างใจเย็นว่า”

 

เจ้าคือศิษย์ของ ฉิว ซานเฟิง รึ?””ผู้อาวุโส ถูกต้องแล้ว ข้าผู้เยาว์ชูเฟิงเป็นศิษย์ของ ฉิว ซานเฟิง”

 

ชูเฟิงตอบตามความจริงพร้อมกับประสานมือ “เหตุใดเจ้าถึงไม่แสดงใบหน้าที่แท้จริงของเจ้า?”

 

ท่านหญิงเพียวเมี้ยวมองผ่านหน้ากากที่ปกปิดใบหน้าของชูเฟิง แต่ดูเหมือนว่านางมองไม่เห็นลักษณะที่แท้จริงของชูเฟิง “ผู้อาวุโส นี่คือความปราถนาของอาจารย์ข้า ข้าไม่กล้าปิดบังต่อผู้อาวุโส”

 

ขณะที่ชูเฟิงพูด เขาถอดหน้ากากของเขาออกพร้อมกับเผยใบหน้าที่แท้จริง “ศิษย์น้องหวู่ฉิง เจ้า….”

 

หลังจากที่เห็นลักษณะที่แท้จริงของชูเฟิง ท่านหญิงเพียวเมี้ยวไม่ได้แสดงท่าทางอะไรมาก กลับกัน ใบหน้าของเจียง ว่านชื่อเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

 

นี่เป็นครั้งแรกของ เจียง ว่านชือ ที่ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา แม้ว่านางรู้ว่า หวู่ฉิง ไม่ใช่ชื่อที่แท้จริงของชูเฟิงและเขายังก็ยังปกปิดรูปลักษณ์ที่แท้จริง

 

ก่อนหน้านี้ นางเข้าใจว่าใบหน้าที่แท้จริงของชูเฟิงไม่ต่างกันมากกับใบหน้าของ หวู่ฉิง ในปัจจุบัน แต่ตอนนี้ นางพบว่าสิ่งที่นางเห็นช่างแตกต่างจากที่นางจินตานาการยิ่งนัก

 

ในแง่ของรูปลักษณ์ แม้ว่าใบหน้าของชูเฟิง อาจจะไม่สามารถพูดได้ว่าหล่อเหลาเอาการ แต่มันก็มีร่องรอยความห้าวหาญที่เป็นเอกลักษณ์อยู่ระหว่างคิ้วของเขา เมื่อมองไปที่ชูเฟิง มันดูเจริญหูเจริญตาและสบายตามากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับใบหน้าปลอมของเขา นอกจากนี้มันยังทำให้ผู้คนรู้สึกว่าในอนาคตชูเฟิงจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเพียงแค่ชำเลืองไปที่ลักษณะท่างทางของเขา

 

แต่สิ่งที่ทำให้ เจียง ว่านชื่อ ตกใจมากที่สุดคืออายุที่แท้จริงของชูเฟิง ถ้าตัดสินจากลักษณะของเขา เขายังไม่เป็น ‘ผู้ใหญ่’ แต่มันจะถูกต้องมากกว่าหากจะกล่าวว่าเขาเป็น ‘ชายหนุ่ม’

 

ชายหนุ่มที่ก้าวเข้าสู่ขั้นจ้าวสงคราม นั่นเป็นสิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ซึ่งนั่นทำให้เจียง ว่านชืออุทานออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจและประหลาดใจว่าพลังขั้นไหนที่พรสวรรค์ในการบ่มเพราะของชูเฟิงจะไปถึง “แม้ว่าในแง่ของการบ่มเพาะ เจ้าอาจจะไม่ได้อยู่จุดสูงสุด แต่ความสามารถของเจ้านั้นค่อนข้างดี ฉิวซานเฟิง นับว่ามีสายตาที่แหลมคมยิ่งนัก””ในอีกไม่กี่วัน ดินแดนแห่งตราประทับนิรันดร์ของหุบเขาสายหมอกของข้าจะเปิดออก เจ้าเต็มใจที่จะเข้าไปที่นั่นมั้ย?”

 

ท่านหญิงเพียวเมี้ยวถาม “ข้าเต็มใจ”

 

มันเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง ดังนั้นไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ “เอาสิ่งนี้ไปวางไว้ในจุดที่ปลอดภัย เมื่อดินแดนแห่งตราประทับนิรันดร์เปิดออก เจ้าไม่จำเป็นต้องผ่านการทดสอบใดๆ เจ้าสามารถเข้าไปในนั้นได้ทันที…ในอนาคตเจ้าสามารถกลับมาที่หุบเขาสายหมอกของข้าได้ทุกเมื่อที่เจ้าต้องการ”

 

ขณะที่นางพูด ท่านหญิงเพียวเมี้ยวได้ให้แผ่นป้ายกับชูเฟิง มันคือ ‘ป้ายสายหมอก’ “ผู้น้อย ชูเฟิง ขอบคุณผู้อาวุโสเพียวเมี้ยว”

 

แม้ว่าชูเฟิงจะมีป้ายแล้ว แต่ถ้าสามารถรับป้ายจากท่านหญิงเพียวเมี้ยวเป็นการส่วนตัวนั่นย่อมถือเป็นเกียรติ “ว่านชือ ปีนี้เจ้าอายุเท่าใด?”

 

ท่านหญิงเพียวเมี้ยวมองไปที่ว่าชื่อ “ท่านหญิงเพียวเมี้ยว ปีนี้ข้า ว่านชือ อายุ 22 ปี”

 

เจียงว่าชือตอบด้วยความสุภาพ “อืม.. จากความสามารถของเจ้า หลังจากนี้ 6 ปี ตัวเจ้าไม่น่ามีปัญหาในการเข้าสู่ดินแดนแห่งตราประทับนิรันดร์ อย่างไรก็แล้วแต่ เพื่อความสำเร็จ เจ้าต้องฝึกให้หนัก อย่าทำให้อาจารย์ของเจ้าต้องอับอายขายหน้า”

 

ท่านหญิงเพียวเมี้ยวพูด “ว่านชือจะพยายามให้มากขึ้นอีก”

 

แม้ว่าจะมีรอยยิ้มที่อบอุ่นปรากฏบนใบหน้าของเจียงว่านชือ แต่ชูเฟิงสามารถบอกได้เลยว่า ว่านชือนั้นกดดันเป็นอย่างมาก

 

ท่านหญิงเพียวเมี้ยวมอบป้ายสายหมอกแก่ชูเฟิงตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ แต่เจียง ว่านชือ นางเป็นศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจของ ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน แต่ถึงอย่างนั้น นางก็ยังไม่ได้รับป้ายถึงแม้ว่านางจะมาบ่อยแค่ไหน นั่นหมายความว่า ท่านหญิงเพียวเมี้ยว ยังไม่ยอมรับนาง “ฉิวซุ่ย…ข้าจะไปแล้ว ให้เจ้าคุยกับชูเฟิงเรื่องของเด็กคนนั้นเอง”หลังจากพูดจบ ท่านหญิงเพียวเมี้ยวก็ได้หายตัวไป นางไม่แม้แต่จะผ่านประตู

 

หลังจากนั้น ฉิวซุ่ย ฟู่หยานนำเจียง ว่านชือไปในพระราชวังที่ชูเฟิงอยู่ หลังจากที่ปิดประตูแล้วนางได้พูดกับทั้งสองคนว่า”

 

ท่านหญิงเพียวเมี้ยวก็เป็นเช่นนี้แหละ แต่จริงๆแล้วนางเป็นคนดีนะ เจ้าอย่าถือสานางเลย..”

 

ชูเฟิงยิ้มเล็กน้อยหลังจากได้ฟังคำของ ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน ผู้คนแต่ละคนล้วนต่างกัน บางคนเปลือกนอกดูราวกับคนดี แต่ภายในจิตใจกลับตาลปัทเป็นตรงกันข้าม บางคนเปลือกนอกเต็มไปด้วยคุณความดีงามและความชอบธรรม แต่กลับสามารถกระทำสิ่งที่น่ารังเกียจได้ทั้งหมด

 

อย่างไรก็ตาม บางคนอาจไม่ได้พูดจาน่ารักอ่อนหวาน ทำให้ผู้อื่นรู้สึกถึงความไม่แยแส แต่พวกเขายังมีหัวใจที่ช่วยเยียวยาความเจ็บปวดและปัญหาต่างๆ ชูเฟิงรู้สึกว่าท่านหญิงเพียวเมี้ยวเป็นคนเช่นนั้น ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจและถามต่อว่า”

 

ผู้อาวุโสฉิวซุ่ย เด็กคนนั้นที่ผู้อาวุโสเพียวเมี้ยวพูดถึงคือ หยวนรู่ว ใช่หรือไม่?”

 

หลังจากได้ยินคำของชูเฟิง ฉิวซุ่ย ฟู่หยานดูเหมือนจะแปลกไปเล็กน้อย นางพูดพร้อมรอยยิ้มว่า”

 

เจ้าฉลาดมาก ท่านหญิงเพียวเมี้ยวเคยเห็นหยวนรู่วแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น นางยังใช้เวลาของเมื่อวานนี้ทั้งคืนพยายามขับไล่ปีศาจออกจากร่างของหยวนรู่วด้วยมือของนางเอง แต่น่าเศร้า..ปีศาจที่อยู่ในร่างกายหยวนรู่วไม่ถูกขับไล่ได้โดยง่าย””ข้าได้ยินนางพูดว่าปีศาจที่อยู่ในร่างของหยวนรู่วดูเหมือนจะมาจาก ‘ยุคโบราณ’ และมันยังอยู่ในสถานะที่ไร้รูปร่าง อย่างไรก็ตาม หยวนรู่วน่าจะเคยบ่มเพาะทักษะพิเศษบางอย่าง ดังนั้น มันเลยเป็นสาเหตุให้หัวใจปีศาจที่ไร้รูปร่างถือกำเนิดอีกครั้งในร่างกายของนาง””ใช่ หยวนรู่วได้บ่มเพาะทักษะลับต้องห้ามครั้งนึง เป็นไปได้หรือไม่ว่าปีศาจที่ครอบครองร่างของนางในตอนนี้ ฟื้นขึ้นมาจากการฝึกทักษะนั่น?”

 

ชูเฟิงถามด้วยความตกใจเล็กน้อย “มันเป็นไปได้อย่างมาก แม้ว่ามันอาจจะดูเหลือเชื่อ แต่จากที่ท่านหญิงเพียวเมี้ยวพูดมา มีโอกาสที่ปีศาจร้ายในยุคโบราณจะใช้วิธีนั้นในการคืนชีพ””อย่างไรก็ตาม ปีศาจนั่นสามารถคืนชีพในร่างกายของผู้ที่ฝึกทักษะคนแรกเท่านั้น ดังนั้นตั้งแต่เริ่มแรกที่หยวนรู่วได้ฝึกทักษะนี่ ปีศาจก็ได้เข้ามาในร่างนางเรียบร้อยแล้ว””จากที่นางพูด ปีศาจเป็นเหมือนปรสิตที่อยู่ในร่างกายหยวนรู่ว มันทำให้ร่างกายของนางเจริญเติบโตอย่างช้าๆในขณะที่มันค่อยๆกัดกินร่างของนางทั้งหมดไปพร้อมกัน เมื่อถึงเวลาสุกงอมได้ที่ มันจะเข้ายึดร่างกายของหยวนรู่วอย่างรวดเร็ว และมันก็จะคืนชีพได้ในที่สุด””อย่างไรก็ตาม สถานะการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างพิเศษอย่างเห็นได้ชัด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นเหตุให้ปีศาจไม่สามารถปกปิดตนเองได้อีกต่อไป มันจึงปรากฏตัวขึ้น นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมหยวนรู่วยังคงมีสติอยู่ และตอนนี้ปีศาจเองก็กำลังดิ้นรนเพื่อแย่งชิงร่างกายของนาง นี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น””และข้าคิดว่าคนที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นก็คือเจ้า ถูกมั้ย?”ฉิวซุ่ย ฟู่หยานถาม “มันเป็นข้า”

 

ชูเฟิงผงกหัวอย่างเขินอาย “อ่า…เจ้า”

 

เมื่อเห็นชูเฟิงผงกหัวยอมรับ ดวงตาของฉิวซุ่ย ฟู่หยานเป็นประกาย ในขณะที่ใบหน้าปรากฏรอบยิ้มจางๆ ราวกับว่านางรู้เหตุผลว่าทำไมปีศาจถึงถูกบังคับให้ปรากฏตัว

 

อย่างไรก็ตาม ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน ไม่ได้ตำหนิชูเฟิง หรือเปิดเผยเรื่องราวใดๆ นางพูดกับชูเฟิงว่า”

 

แม้ว่าเจ้าผิด แต่เจ้าต้องไม่ต้องตำหนิตัวเอง ถ้าไม่เป็นเพราะเจ้า หยวนรู่วเพียงรอคอยเข้าสู่เส้นทางแห่งความตาย ฉะนั้นโอกาสรอดของนางในตอนนี้ขึ้นอยู่กับเจ้า เจ้าต้องทำบางอย่างเพื่อนาง”

 

ReadMGA////////////////////////////////////////////////////////////

 

A : ดีนะ หยวน รู่ว ไม่ท้อง!!!B : นางท้องไม่ได้ เพราะฝึกวิชามาร!!!A : ถ้ารู้แต่แรกมืงว่ามันจะเอาป่ะB : ไม่!!!C : ไม่เหลือ หรอก!!!A : พี่เฟิงอ่ะนะ C : กูนี้แหละB : สารเลว!!!

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments