I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 753 – คำขอร้อง

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

บทที่ 753 – คำขอร้อง

 

“อ้ากกกก . . .”

 

เมื่อสายเลือดเข้าสู่ร่างกายเจียง หวู่ชาง เขาก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เสียงร้องแสดงให้เห็นว่าพลังที่แทรกเข้ามาในร่างมีมากมายขนาดไหน เขาร้องราวกับว่ากำลังจะถึงวาระสุดท้าย

 

แต่จะโทษเขาก็ไม่ได้ หลังจากสายเลือดจักรพรรดิเข้าสู่ร่างกายของเขาแล้ว ทุกคนสามารถบอกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านทางร่างกายของเขา ไม่ว่าจะเป็นแสดงออกภายนอกและภายใน

 

แต่นั้นก็เป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ไม่เพียงแต่ใบหน้าของเขาจะดูสดใส แต่มันกลับดูดีมีสง่าราศรีมากขึ้น อักษรบนหน้าผากของเขา เปลี่ยนจากคำว่า ‘ ราชวงค์ ‘ เป็น ‘ จักรพรรดิ

 

หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลง เจียง หวู่ชางก็ดูดี อากาพกิริยาดูสูงส่งขึ้นอย่างมาก แม้แต่ผิวพรรณก็ดูเปล่งปลั่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

เหมือนเป็นขั้นสุดท้ายของการเปลี่ยนแปลง ขณะที่การเปลี่ยนแปลงนั้นค่อยๆหยุด ร่างกายของเจียง หวู่ชางก็หยุดแปลงสภาพ แสงออร่าที่แผ่ออกมาจากตัวของเขามันเพิ่มขึ้น 2 ระดับ เทียบเท่ากับ จาง เทียนยี่ นั้นคือระดับแปด อาณาจักรสวรรค์ “น้องหวู่ชาง ยินดีด้วย ที่เจ้าได้สายเลือดจักรพรรดิมาครอบครอง สายเลือดนี้ช่างเข้ากับเจ้าได้ดีทีเดียว ฮ่าๆๆ”

 

จาง เทียนยี่ เดินมาและยินดีกับเจียง หวู่ชาง “น้องหวู่ชาง ยินดีด้วย ยินดีด้วย!!!”

 

ซู โร่วและซู เหม่ยมาร่วมแสดงความยินดี “สายเลือดจักรพรรดิ. . .เจ้าต้องเป็นผู้เดียวในภาคทะเลตะวันออกที่มีสายเลือดจักรพรรดิที่ทรงพลังนี้ ข้าสงสัยว่านี่มันจะเป็นโชคชะตาหรือเปล่า ที่นำพวกเรามาที่นี่””ไม่ว่าจะดีหรือร้าย เจ้าจะต้องถูกตามล่าโดยขุมอำนาจเพราะสายเลือดแห่งจักรพรรดิ ซึ่งในภาคทะเลตะวันออก คนที่มีสายเลือดจักรพรรดิถือเป็นภัยคุกคามขนาดใหญ่””เพราะฉะนั้น หลังจากที่เจ้าได้รับสายเลือดแห่งจักรพรรดิ สิ่งสำคัญคือควรจะระมัดระวัง ว่าเจ้าควรจะประกาศให้โลกรู้หรือเก็บเป็นความลับ”

 

หลาน ยี่ เดินเข้ามา ไม่แม้แต่ยินดี แต่กลับเตือนให้เขาระวังตัวเอาไว้

 

เจียง หวู่ชาง ขมวดคิ้วหลังจากที่ได้ยินหลาน ยี่พูดเช่นนั้น เพราะนั่นคือข้อดีและข้อเสียจากสายเลือดจักรพรรดิ “ต่อจากนี้ทุกคนต่างต้องอยากเข้าหาเจ้า ซึ่งมันก็น่าจะเป็นแบบนั้น และนั้นก็เพื่อต้องการหาผลประโยชน์ใส่ตัว ดังนั้นเจ้าอย่าได้ไว้ใจใครง่ายๆ””นอกจากนั้นแล้ว สำนักสี่คาบสมุทรไม่ได้โง่ เจ้าคงปิดบังไปตลอดไม่ได้ จนกว่าจะถึงคราวจำเป็นจริงๆก็ควรเปิดปาก ต่อให้สำนักรู้พวกเขาก็คงจะไม่ประกาศให้ใครรู้ว่าในสำนักมีศิษย์ที่ครอบครองสายเลือดจักรพรรดิเพราะมันจะเป็นภัยกับสำนักเอง””หากเป็นอย่างนั้น ข้าจึงรู้สึกว่าตราบใดที่สำนักสี่คาบสมุทร ยังพอมีสมองอยู่บ้าง เขาคงจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ””นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าเรื่องสายเลือดจักรพรรดิ จะเป็นที่รู้กัน แต่ตราบใดที่น้อง หวู่ชาง ยังอยู่ภายใต้สำนักสี่คาบสมุทร จะมีใครหน้าไหนที่จะกล้ามาหาเรื่อง?”

 

ชูเฟิงพูดขึ้น คำพูดของเขาทำให้เจียง หวู่ชางชื้นใจขึ้นมา และเหมือนเป็นการชี้ทางให้เขา “น้องหวู่ชาง ร่างกายของเจ้าคุ้นเคยกับมันหรือยัง? เจ้ารู้สึกดีขึ้นไหม?” ชู เฟิงกำลังกังวลเกี่ยวกับสถานะของเจียง หวู่ชางในตอนนี้ “ร่างกายข้าไม่เป็นไรพี่ใหญ๋ ข้ารู้สึกดี ข้าไม่เคยรู้สึกดีอย่างนี้มาก่อนเลย””พี่ใหญ่ ชูเฟิง ข้าจะไม่ลืมน้ำใจของท่านในครั้งนี้ ไม่ว่าท่านจะให้ข้าทำอะไร ข้า…..” “เจ้าอย่าได้เอ่ยเช่นนั้น ไม่งั้นข้าจะโกรธเจ้า!!!”

 

ชูเฟิงพูดขัด ก่อนที่เจียง หวูชางจะพูดจบ เหตุผล ที่ชู เฟิง ช่วยเพราะเพราะความเป็นพี่เป็นน้อง ไม่ใช่เพราะหวังสิ่งตอบแทนใดๆ “ชูเฟิง จากที่ท่านพูด เขาควรจะบอกทางสำนักสี่คาบสมุทร หรือไม่? แต่ว่าเราจะบอกพวกเขาว่าอย่างไร””นั่นง่ายมาก แค่พูดต่างจากความเป็นจริงนิดหน่อย แล้วให้ทุกคนพูดเหมือนๆกัน แต่นั่นหมายถึงเรื่องนี้จะต้องถูกพูดต่อหน้าอาวุโสที่ไว้ใจได้ของสำนักสี่คาบสมุทร”

 

ชูเฟิง มองที่ เจียง หวู่ชาง แล้วพูดขึ้นว่า”

 

เจ้าว่าอาจารย์ของเจ้า สามารถเชื่อใจได้หรือไม่ ?””ได้สิพี่ใหญ่ อาจารย์ข้าดูแลข้าเป็นอย่างดี เราสามารถไว้ใจเขาได้อย่างแน่นอน”

 

เจียง หวู่ชาง ตอบ “ยอดเลย! หลังจากที่พวกเราออกไปจากที่นี่ ต้องรีบบอกอาจารย์เจ้าให้เร็วที่สุด แล้วก็ สำหรับหวัง หลง และคนอื่นๆที่ตาย เราต้องแต่งให้ดีๆเอาไว้แถ”

 

หลังจากนั้นชู เฟิง ได้แต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อไว้ตอบคำถามว่า เจียง หวู่ชาง ได้สายเลือดจักรพรรดิมาได้อย่างไร แล้วพวก หวัง หลง พวกเขาตายได้ยังไง

 

หลาน ยี่ มองไปที่ชู เฟิง คนที่ดูเหมือนจะเด็กที่สุดในนี้ เขาจัดแจงทุกอย่างและคอยดูแลทุกๆคน นางมองชู เฟิงด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความชื่นชม ชู เฟิงเองก็รู้สึกประทับใจในตัวหลาน ยี่ ซึ่งต่างคนก็ต่าง มองกันในด้านที่ดี

 

เธอไม่ได้ลืมสิ่งที่ชายกลางคนพูดว่า ชูเฟิงนั้น มีสิ่งที่ทรงพลังอำนาจมากกว่าเลือดจักรพรรดิ

 

หลังจากนั้น ชูเฟิงและพวกได้จากไป เมื่อพวกเขาออกมาหน้าพระราชวังที่เต็มไปด้วยซากศพของสัตว์ยักษ์ พวกเขาพบว่าทางออกนั้นถูกเปิดอยู่

 

นั่นสอดคล้องกับที่ชูเฟิงคาดการณ์เอาไว้ ว่าทางออกนั้นจะยังคงเปิดวันนี้พอดิบพอดี นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาวางแผนให้เจียง หวู่ชาง พูดเกี่ยวกับการได้รับสายเลือดจักรพรรดิ เพราะเขารู้ว่ามันไม่สามารถที่จะปิดบังไว้ได้

 

ชู เฟิงได้เตรียมทุกอย่างเพื่อที่จะตอบคำถามผู้อื่น ตามที่เขาแต่งเรื่องขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อย

 

หลังจากที่ชู เฟิงและพวกออกจากนครโบราณ พวกเขาก็ได้เล่าทุกอย่างให้กับทางสำนักได้ทราบ ตอนนั้นเหล่าบรรดาอาวุโสถึงกับช๊อค พวกเขารีบจัดเตรียมอาวุโสชั้นสูงเพื่อสำรวจนครโบราณอย่างละเอียด

 

เมื่อพวกเขาเข้ามาเวลานั้นพวกเขาพบว่าภายในพระราชวังนั้นได้เต็มไปด้วยซากศพของสัตว์ยักษ์ และศิษย์อัจฉริยะของสำนักสี่คาบสมุทร เกือบร้อยคน พวกเขาจึงสงสัยเรื่องนี้อย่างมาก

 

หัวหน้าฝ่ายลงทัณฑ์ที่มาสำรวจรีบมุ่งหน้าไปตาม ไต้กู๋ ที่เป็นผู้นำของ 10 ปรมาจารย์สวรรค์ ในกระท่อม “อาจารย์ ไต้กู๋ ศิษย์พวกนี้ บอกว่าสัตว์ยักษ์ฆ่าบรรรดาศิษย์ และสัตว์ยักษ์ถูกฆ่าโดยแรงดันวิญญาณที่มหาศาล ท่านคิดว่ามันจริงไหม? แล้วใครที่มีความแข็งแกร่งพอที่จะทำเช่นนั้นได้”

 

เขาถามท่าน ไต้กู๋ เพื่อให้เขาชี้แนะ

 

แม้ว่าจะมีศิษย์ของนางอยู่ในนั้นสองคน แต่นางไม่ได้ไม่ได้มีสถานะสูงสุดและแข็งแกร่งที่สุดในสำนักสี่คาบสมุทร นางจึงทำได้เพียงยืนก้มหน้าเมื่ออยู่ต่อหน้า ไต้กู๋ “ใจกลางของนครโบราณถูกปิดไว้หลายปี แต่เพราะว่าเด็กพวกนั้น มันจึงเปิดขึ้นมา ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ แต่ยังไงก็ตามเด็กที่รอดมาจากที่นี่ได้ พวกเขาจะต้องพัฒนาขึ้นอย่างมากดังนั้นดูแลพวกเขาให้ดี””แล้วก็เรื่องทั้งหมดที่เราได้รู้มา พวกเจ้าอย่าหลุดปากบอกกับใครสุ่มสี่สุ่มห้า หากข้ารู้ว่าใครมันเป็นคนทำเรื่องนี้รั่วไหล ข้าจะลงโทษพวกมันให้ทรมานเหมือนกับตกนรก!!!”

 

ไต้กู๋ พูด โดยเน้นทุกถ้อยคำ และน้ำเสียงเข้ม เพื่อบังคับให้ทุกคนเชื่อฟัง “น้อมรับคำสั่ง!!! ข้าน้อยจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างดี!”

 

ทั้งหมดตอบโดยไม่ลังเล และรับปากว่าจะไม่มีใครแพร่งพรายเรื่องนี้โดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะต้องตายอย่างน่าสมเพช

 

ชูเฟิงและพรรคพวก ไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นที่นครโบราณ และวันเวลาก็ผ่านไป พวกเขาเหนื่อยล้าจากการผจญอันตราย ดังนั้นพวกเขาต่างแยกย้ายกลับไปที่พักของตัวเอง

 

เพราะสำนักไม่ใช่บ้านของพวกเขา และในฐานะที่เป็นศิษย์ บางกฎพวกเขาจำเป็นจะต้องปฏิบัติตาม เช่นพวกเขาไม่สามารถพักในที่ของคนอื่นได้นาน ดังนั้นพวกเขาต้องกลับไปที่พักของตนเอง

 

ส่วนชู เฟิง ผู้ที่ถือป้ายแสดงตัวตนของท่านไต้กู๋ เขาไม่มีที่ไหนที่สามารถไปพักได้แล้ว เขาจึงตรงกลับไปที่กระท่อมของ ไต้กู๋

 

เขาเลือกมาโดยไม่มีเหตุผลอื่นใด นั้นก็เพื่อต้องการขอบคุณไต้กู๋ที่คอยช่วยเหลือ ทั้งนี้ ชูเฟิง ก็ยังมีเรื่องบางอย่างที่อยากขอร้อง

 

ReadMGA /////////////////////////////////////////////////// A : พรุ่งนี้ ถึงตอน FT. ซูเหม่ยแล้วล่ะ!!!

 

B : จริงดิ!!!

 

C : เห้อ จะมีคนเสียตัวให้กับพี่เฟิงอีกล่ะ!!! อิจฉาาาเว้ยยยยยย!!!!!!

 

B : อ๊ากกกกกกกกกก!!!!

 

A : วันๆพวกมืงก็ป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆนี้ ดังนั้น เราไปหาความสุขในโลกอินเตอร์เน็ตกันเถอะ!!!

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments