ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 935 – ขั้นจ้าวสงครามระดับเจ็ด
“ท่านอาจารย์………”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชูเฟิง ก็รู้ทันทีว่า เขาจะต้องดึงดาบตราประทับผนึกมาร และเป็นประมุขของพรรคมารทลายราตรี หากเขาต้องการจะช่วย จื่อหลิง และคนอื่นๆ
ในความเป็นจริงนั้น ชูเฟิง ไม่ต้องการเป็นประมุขพรรคมารทลายราตรี แม้ว่าเขาจะสามารถดึงดาบตราประทับผนึกมารได้ก็ตาม เพราะเขารู้ว่าเงื่อนไขของเขานั้นยังไม่เพียงพอ ความแข็งแกร่งของเขานั้นยังไม่เพียงพอที่จะเป็นประมุขพรรคมารทลายราตรี และเขาก็รู้ว่า ฉิว ซานเฟิง ต้องการรับตำแหน่งนี้
แต่ในเวลานี้ ฉิว ซานเฟิง กลับต้องการให้เขาเป็นประมุขพรรคมารทลายราตรี มันทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เพราะเขารู้ดีว่า ฉิว ซานเฟิง นั้นจริงจังมาก “ชูเฟิง ฟังข้าก่อน ก่อนที่ท่านประมุขจะตายไป ท่านได้สั่งไว้ว่า ผู้ใดก็ตาม ที่สามารถดึงดาบตราประทับผนึกมารได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร เขาจะกลายเป็นประมุขของพรรคมารทลายราตรี และในทำนองเดียวกัน ก็มีเพียงผู้เดียวเท่านั้น ที่สามารถเป็นประมุขพรรคมารทลายราตรีได้ นั่นก็คือคนที่สามารถดึงดาบตราประทับผนึกมารออกมาได้ !!””แม้ว่าข้าจะสามารถสั่งการทุกคนของพรรคมารทลายราตรีได้ และสามารถกำราบทุกคนด้วยความแข็งแกร่งของข้า แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่มันจะกลายเป็นสิ่งที่เลวร้าย !!””แต่เจ้าแตกต่างจากข้า เจ้าสามารถดึงดาบตราประทับผนึกมารออกมาได้ และเจ้าก็เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถขึ้นเป็นประมุขของพรรคมารทลายราตรีได้ !!””ชูเฟิง ข้ามั่นใจว่าเจ้าคงรู้สถานการณ์ตอนนี้ดี ตอนนี้พรรคมารทลายราตรีได้แตกออกจากกัน ด้วยความแข็งแกร่งของหมู่เกาะประหาร ไม่ช้าก็เร็ว พวกเราย่อมถูกกำจัดจนหมดสิ้น หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป !!””ถ้าเราสามารถผนึกกำลังของพรรคมารทลายราตรีให้เป็นหนึ่งได้ ก็มีโอกาสที่พวกเราจะต้านรับการโจมตีของหมู่เกาะประหารได้ มันย่อมดีกว่าถ้าเราสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ และดีกว่ารอให้หมู่เกาะประหารเริ่มดำเนินการก่อนพวกเรา !!”
ฉิว ซานเฟิง ล่าวกระตุ้นหลังจากที่เห็น ชูเฟิง ยังคงลังเล “ชูเฟิฝ เชื่ออาจารย์ของเจ้าเถอะ แม้ว่าเข้าจะเป็นประมุขของพรรคมารทลายราตรีแต่ในขณะที่เจ้าไม่ได้อยู่ในเขตทะเลตะวันออก และเข้าสู่ดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์นั้น เจ้าสามารถให้อาจารย์ของเจ้าเป็นคนจัดการพรรคแทนได้ !!”
ไต้กู๋ กล่าวเสริม
ความหมายของคำกล่าวเหล่านี้นั้นง่ายมาก เพียงแค่ ชูเฟิง ได้ชื่อว่าเป็นประมุขเท่านั้น แต่ผู้ที่จะจัดการทุกอย่างจริงๆ คือ ฉิว ซานเฟิง และเมื่อ ชูเฟิง เป็นประมุขแล้วนั้น ฉิว ซานเฟิง ก็จะสามารถทำทุกอย่างได้อย่างชอบธรรม “ถ้าเช่นนั้น………ข้าจะทำตามคำแนะนำของท่าน ท่านอาจารย์ !!”
เมื่อถูกกระตุ้นโดยอาจารย์ และ ไต้กู๋ ชูเฟิง จึงไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้น เขาจึงยินดีที่จะทำตามคำแนะนำเหล่านั้น “อืม..มันเป็นสิ่งที่ควรทำ !!”
ฉิว ซานเฟิง ยิ้มบาง ก่อนที่เขาจะส่งถุงจักรวาลออกมาให้ ชูเฟิง และกล่าวว่า”
นี่คือสิ่งที่ข้าสัญญากับเจ้าไว้ก่อนหน้านี้ แม้ว่ามันจะไม่สามารถเทียบได้กับ ไข่มุกนิรันดร์ผู้สืบทอดของท่านหญิง เพียวเมี่ยว แต่อย่างน้อยมันก็ยังเพิ่มโอกาสชนะของพวกเราเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสารเลวที่มากจาดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์ได้บ้าง !!””ขอบคุณท่านอาจารย์ !!”
ชูเฟิง ยิ้มออกมาอย่างชัดเจน เพราะในถุงจักรวาลนั้นเต็มไปด้วยทรัพยากรการบ่มเพาะพลัง และมันไม่ใช่ทรัพยากรการบ่มเพาะพลังธรรมดาเท่านั้น มันเป็นทรัพยากรที่สามารถทำให้ผู้คนต้องตกตะลึงได้เลยทีเดียว
ทรัพยากรเหล่านี้พิเศษอย่างมาก คนทั่วๆ ไปต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการกลั่นพวกมัน และมีบางอย่างที่คนที่วไปไม่สามารถกลั่นพวกมันได้ แต่ทุกอย่างไม่มีปัญหาสำหรับ ชูเฟิง เพราะเขาสามารถกลั่นพวกมันได้ทั้งหมด และมันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
ถ้าเขากลั่นทรัพยากรทั้งหมดนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถก้าวเข้าสู่นะดับหกได้เท่านั้น แต่มันอาจจะทำให้เขาก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ด ขั้นจ้าวสงครามก็เป็นได้
นอกจากทรัพยากรจำนวนมากแล้วนั้น ชูเฟิง ยังพบบางอย่างที่ทำให้เขาตื่นเต้นในถุงจักรวาลนั้น มันคล้ายกับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณ
รูปร่างของมันคล้ายกับพญาหงส์ มีแข็งแกร่ง และก้าวร้าวอย่างมาก
มันเป็นนกสีแดง และแน่นอนว่ามันคือทักษะเร้นลับอันสุดท้ายจากสุสานจักรพรรดิ มันคือทักษะเร้นลับ วิหคเพลิงฟื้นคืน
เขาได้รับทักษะพยัคฆ์ขาวสังหาร ,ทักษะเกราะเต่าทมิฬ และทักษะมังกรฟ้าคำราม มาแล้ว และสิ่งที่เขาขาดอยู่ก็มีเพียงทักษะวิหคเพลิงฟื้นคืนเท่านั้น
ชูเฟิง รู้สึกว่าทักษะเร้นลับเหล่านี้มีความเกี่ยวพันธ์กัน และหากเขาสามารถฝึกฝนจนสำเร็จทั้งสี่ทักษะ เขาน่าจะได้รับพลังที่แท้จริงของพวกมันมาได้ และในที่สุดวันที่เขารอคอยก็มาถึง
หลังจากที่ปรึกษากับท่านหญิง เพียวเมี่ยว และคนอื่นๆ แล้วนั้น พวกเขาไม่ได้ออกเดินทางในทันที เพราะ ชูเฟิง ต้องการกลั่นทรัพยากรการบ่มเพาะพลังที่ได้รับมาจาก ฉิว ซานเฟิง ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทาง
แม้ว่าทรัพยากรเหล่านี้จะเป็นเรื่องยากในการกลั่นพวกมัน แต่มันก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับ ชูเฟิง มันง่ายยิ่งกว่าการทานอาหาร และเครื่องดื่มเสียอีก เพียงเวลาไม่ถึงครึ่งวันนั้น เขาก็สามารถกลั่นพวกมันได้ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ มันยังเป็นไปตามที่ ชูเฟิง คาดเอาไว้ เพราะหลังจากที่เขากลั่นทรัพยากรทั้งหมดแล้วนั้น พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นจากระดับห้า เป็นระดับเจ็ดขั้นจ้าวสงครามอย่างรวดเร็ว
ตอนนั้น ชูเฟิง ใช้พลังของสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เขามีพลังขั้นจ้าวสงรรามระดับห้า ดังนั้น เขาจึงไม่รู้ว่าเขาจะต้องใช้ทรัพยากรมากเท่าไรถึงจะสามารถก้าวข้ามระดับมาได้
แต่เขามั่นใจว่ามันจะต้องเป็นจำนวนที่มากจนน่ากลัว แต่หลังจากที่เขากลั่นทรัพยากรทั้งหมดแล้วนั้น มันกลับทำให้เขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นจ้าวสงครามระดับเจ็ดได้ มันจึงทำให้เขาตื่นเต้นอย่างมาก
ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ดได้เท่านั้น แต่เขารู้สึกได้ว่ามีพลังมหาศาลที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในจุดตันเถียนของเขา มันจึงหมายความว่าเขาอยู่ในจุดสูงสุดของระดับเจ็ด และเหลืออีกเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้ส เขาก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ระดับแปดได้
มันทำให้ ชูเฟิง ต้องยอมรับว่า ทรัพยากรการบ่มเพาะพลังในสุสานจักรพรรดินั้นแข็งแกร่งอย่างมาก แงะมันเกินกว่าที่เขาจะสมารถจินตนาการออกมาได้ “ฮ่าๆ ยอดเลย ชูเฟิง !! เพียงแค่เจ้ามีทรัพยากรที่เพียงพอ เจ้าก็สามารถเพิ่มการบ่มเพาะพลังได้อย่างง่ายดาย !! ข้าคิดว่าในโลกนี้ไม่น่าจะมีใครที่สามารถเทียบเจ้าได้อีกแล้ว !!””ปริมาณทรัพยากรในเขตทะเลตะวันออกมีจำกัดอย่างมาก ตราบใดที่เจ้าสามารถเข้าสู่ดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์ได้ ด้วยทรัพยากรของที่นั่น เจ้าก็อาจจะะทะลวงเข้าสู่ขั้นจักรพรรดิได้อย่างแน่นอน !!””ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยเหล่าผู้เชี่ยวชาญ เจ้าคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด เจ้าเปรียบได้กับปลาในน้ำ ตอนนี้เจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเจ็ด และเหลือเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้นก็จะเข้าสู่ระดับแปดของขั้นจ้าวสงคราม ในไม่ช้า ข้าจะได้เห็นเจ้ากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นราชันย์สงคราม !!””ไม่ !! ความสามารถของเจ้าจะไม่ถูกจำกัดแค่ขั้นราชันย์สงคราม เจ้าสามารถทะลวงไปถึงขั้นจักรพรรดิสงครามในไม่ช้า และหลังจากนั้น เจ้าจะต้องสามารถทะลวงพลังขึ้นไปได้เหนือกว่าขั้นจักรพรรดิสงครามอย่างแน่นอน !! ฮ่าๆๆๆ !!”
ต้านต้าน รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก กับการบ่มเพาะพลังของ ชูเฟิง ในตอนนี้
ตลอดเส้นทางการบ่มเพาะพลังของ ชูเฟิง นั้น ต้านต้าน ได้เฝ้ามองเขาตลอดเวลา ตั้งแต่เขามีพลังเพียงขั้นห้วงวิญญาณ และเป็นเพียงศิษย์สำนักมังกรฟ้า ในทวีปที่ห่างไกล จนมาถึงความสำเร็จของเขาในปัจจุบัน ต้านต้าน รู้สึกว่า ชูเฟิง สามารถพัฒนาขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และง่ายดายอย่างมาก อีกทั้งในเวลาเดียวกันนั้น นางยังรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ภายในร่างกายของ ชูเฟิง
นางก้าวเดินไปพร้อมๆกับ ชูเฟิง สู่ความท้ายทาย และอันตรายที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ReaDMGA ////////////////////////////////////////
A : หลังจากที่นิ่งมานาน ได้เวลาผงาดแล้ว!!!
C : พี่เฟิง หรือ ไอนั้นมืง!!!
A : พี่เฟิงสิว่ะ!!!
B : งานนี้แหละมืงเอ้ย มันส์หยดย้อย อย่าได้พลาดแม้แต่ ช็อตเดว