I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 934 – เอื้อมไม่ถึง

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

บทที่ 934 – เอื้อมไม่ถึง

 

“ถ้าหากภายในประตูจักรพรรดิมีสมบัติซ่อนอยู่จริง ถ้าเช่นนั้นมันก็ต้องอันตรายอย่างมากแน่นอน !!”

 

ชูเฟิง กล่าวออกมา เพราะเขาเคยมีประสบการณ์ที่เลวร้ายกับประตูจักรพรรดิมาก่อน “พวกเราสามคนยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะก้าวผ่านรูปปั้นนั้นเลย อย่าแม้แต่จะคิดที่จะเข้าไปในประตูบานนั้น !!”

 

ไต้กู๋ กล่าวออกมาอย่างจริงจัง

 

ถึงแม้ว่า ฉิว ซานเฟิง จะไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แต่เขาก็ส่ายศรีษะแทนคำตอบของเขา เห็นได้ชัดว่าสองผู้เชี่ยวชาญขั้นราชันย์สงครามไม่กล้าที่จะก้าวเข้าไปในนั้น “ต้านต้าน เจ้าคิดเช่นไร !?”

 

ชูเฟิง ไม่มีทางเลือก เขาจึงขอคำแนะนำจาก ต้านต้าน เพราะเขารู้สึกว่าหลังประตูบบานนี้จะต้องมีสมบัติที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่แน่นอน แต่ ไต้กู๋ ได้กล่าวเตือนเขาออกมา “บอกตามตรง ภายในสุสานจักรพรรดิเต็มไปด้วยกับดักมากมาย และมันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของจักรพรรดิสงครามที่เป็นคนสร้างมัน ดังนั้น ข้าจึงไม่อะไรมากนักเกี่ยวกับหลังประตูจักรพรรดิบานนี้ !!””แต่ข้ารู้สึกว่าประตูจักรพรรดิบานนี้ไม่ธรรมดาเลย ข้าคิดว่ามันน่าจะมียอดยุทธภัณฑ์ชั้นจักรพรรดิซ่อนอยู่ภายในนั้น !!””หลังจากที่ข้าเห็นมัน ข้าก็มั่นใจเช่นนั้น !!”

 

ต้านต้าน กล่าว “ยอดยุทธภัณฑ์ชั้นจักรพรรดิ !! ต้านต้าน เจ้าบอกว่าหลังประตูบานนี้มียอดยุทธภัณฑ์ชั้นจักรพรรดิเหรอ !? ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวมากมายเช่นนี้น่ะเหรอ !?”

 

ชูเฟิง กล่าวถาม “ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องของสุสานจักรพรรดิมากนัก !! แต่ข้ารู้เรื่องของยอดยุทธภัณฑ์ชั้นจักรพรรดิอยู่บ้าง มันมีความแข็งแกร่งอย่างมาก มันมีพลังขั้นจักรพรรดิสงคราม และถูกสร้างขึ้นโดยผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณชุดคลุมนิรันดร์กาล พลังของพวกเขายิ่งใหญ่มากจนสามารถสร้างโลกที่ไร้ขีดจำกัดเช่นนี้ได้ !!” “ประตูจักรพรรดิบานนี้แข็งแกร่งมาก ดังนั้น ข้ามั่นใจว่ามันจะต้องมียอดยุทธภัณฑ์ชั้นจักรพรรดิระดับสุดยอดซ่อนอยู่แน่ !!”

 

ต้านต้าน กล่าว “ยอดยุทธภัณฑ์ชั้นจักรพรรดิระดับสุดยอด !?”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวใจของ ชูเฟิง ก็เต้นระรัวในทันที เพราะพลังของยอดยุทธภัณฑ์ชั้นจักรพรรดิก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถจินตนาการได้ แต่ในตอนนี้ กลับมีคำว่า ระดับสุดยอด พ่วงมาอีก มันยิ่งทำให้เขาตื่นเต้นอย่างมาก หากบอกว่าเขาไม่รู้สึกอะไรมันย่อมเป็นการโกหกอย่างแน่นอน “ชูเฟิง อย่างแรกเจ้าต้องประเมินความสามารถของเจ้าก่อน สมบัติที่ซ่อนอยู่หลังประตูจักรพรรดินั้น เป็นสิ่งที่พวกเราไม่อาจเอื้อมถึงได้ แต่ก็นับเป็นโชคชะตาที่เราพบกับสถานที่แห่งนี้ !!”

 

ฉิว ซานเฟิง กล่าวปรามออกมา เพราะเขาเห็นความปราถนาในแววตาของ ชูเฟิง ดังนั้น เขาจึงกลัวว่า ชูเฟิง จะเอาชีวิตของตัวเองไปทิ้ง “ชูเฟิง อาจารย์ของเจ้ากล่าวได้ถูกต้อง ด้วยความสามารถของเจ้า ในอนาคตเจ้าจะต้องสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นจักรพรรดิสงครามได้อย่างแน่นอน และด้วยยังไม่มีใครพบสถานที่แห่งนี้ ดังนั้น มันย่อมจะดีกว่าหากเจ้าประสบความสำเร็จในการบรมเพาะพลัง และค่อยกลับมาเอามันไปก็ไม่สาย เพราะถึงอย่างไรมันก็ต้องเป็นของเจ้า !!”

 

ไต้กู่ กล่าวเสริมออกมา “ใช่ๆ !! ตาแก่สองคนนี้พูดถูก !! พลังของยอดยุทธภัณฑ์ชั้นจักรพรรดิระดับสุดยอดนั้น เป็นสิ่งที่เจ้าไม่สามารถควบคุมได้ และเจ้าจะไม่ได้รับการยอมรับจากมัน มันย่อมจะดีกว่าที่เจ้าจะฝึกฝนอย่างหนัก เมื่อใดก็ตามที่เจ้ามีความแข็งแกร่งเพียงพอ เจ้าค่อยกลับมาเอามันไป !! ฮี่ๆ !!”

 

แม้แต่ ต้านต้าน ก็กล่าวออกมา พลางหัวเราะคิกคัก

 

ชูเฟิง ฝืนยิ้นให้กับคำกล่าวของพวกเขา เพราะเขาต้องการยอดยุทธภัณฑ์ชั้นจักรพรรดิจริงๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง แต่เขาก็รู้ดีว่าเขายังไม่มีความสามารถพอที่จะครอบครองมัน

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะรู้ว่าไม่สามารถเข้าไปได้ แต่ ชูเฟิว ก็อดไม่ได้ที่ใช้พลังของเนตรสวรรค์มองเข้าไปหลังประตูจักรพรรดิด้วยความระมัดระวัง

 

แต่………..แม้ว่าเขาจะรู้ว่าดวงดาวบนท้องฟ้าหลังประตูจักรพรรดิเป็นของปลอม แต่เขาไม่สามารถพบร่องรอยความแข็งแกร่งของผู้สร้างมันขึ้นมาได้แม้แต่นิดเดียว

 

แม้ว่า ชูเฟิง จะไม่สามารถพบกับสิ่งสำคัญที่ซ่อนอยู่ภายในนั้นได้ แต่เขาก็พบกับบางอย่างบนบานประตูจักรพรรดิ มันคือบางสิ่งที่ถูกสลักเอาไว้สามตำแหน่ง

 

ชูเฟิง สามารถตีความหมายของสิ่งที่สลักเอาไว้ได้ หนึ่งคือตัวแทนของน้ำแข็ง , หนึ่งคือตัวแทนของเปลวเพลิง และสิ่งสุดท้ายคือสิ่งที่สามารถยรักษาร่างกายและจิตเอาไว้ได้

 

ความคิดแรกของเขานั้นคือ มันเป็นรูกุญแจที่สามารถเปิดประตูบานนี้ได้ และจะต้องเกี่ยวข้องกับน้ำแข็ง และเปลวเพลิง

 

ดูจากขนาดของมันแล้วนั้น ก็อดไม่ได้ที่ ชูเฟิง จะนึกถึง ซูรู่ , ซูเหม่ย และผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า

 

เพราะขนาดของมันนั้นเท่ากับไข่มุกคิมหันต์ และไข่มุกเหมันต์ที่ผสานเข้ากับร่างกายของ ซูรู่ และ ซูเหม่ย และเท่ากับไข่มุกที่มำให้ผู้ก่อตั้งมังกรฟ้าเป็นอมตะ “ไข่มุกทั้งสามเม็ดมีความแข็งแกร่ง และลึกลับอย่างมาก บางทีมันอาจจะเป็นกุญแจในการเปิดประตูจักรพรรดิก็เป็นได้ !!””แต่ไข่มุกคิมหันต์ กับไข่มุกเหมันต์ ได้ผสานเข้ากับร่างกายของ รู่น้อย และเหม่ยน้อย แบบนี้มัน…….””เอาเถอะ ถึงยังไงยอดยุทธภัณฑ์ชั้นจักรพรรดิก็ไม่ใช่สิ่งที่ข้าสามารถครอบครองได้ในเวลานี้ ในอนาคตค่อยคิดเกี่ยวกับมันอีกทีแล้วกัน !!”

 

หลังจากที่ได้รับรู้เช่นนั้น ชูเฟิง ก็ไม่ฝืนอีกต่อไป เขายอมถอยออกมาตามคำปรามของ ฉิว ซานเฟิง และ ไต้กู๋ อย่างไม่ลังเลอีกต่อไป

 

แต่ก่อนที่พวกเขาจะออกจากสุสานจักรพรรดินั้น พวกเขาทั้งสามคนได้ปิดผนึกทางเข้าอย่างสมบูรณ์ เพื่อความมั่นใจว่าสมบัติภายในนั้นจะเป็นของพวกเขาอย่างแน่นอน

 

มันเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาไม่ต้องการให้ผู้อื่นได้รับสมบัติเหล่านั้นไป

 

หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็ไปพบกับท่ายหญิง เพียวเมี่ยว และ ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน “แม้แต่ท่านหญิง เพียวเมี่ยว ก็ต้องออกมาเช่นนี้หรือนี่ !? ชูเฟิง พี่ไต้กู๋ เกิดสิ่งใดขึ้นในเขตทะเลตะวันออก !?”

 

ฉิว ซานเฟิง กล่าวถามออกมา เมื่อเขาพบกับทานหญิง เพียวเมี่ยว เพราะเขาเริ่มเข้าใจความรุนแรงภายในเขตทะเลตะวันออกมากขึ้น

 

ชูเฟิง เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นโดยไม่ปิดบังให้แก่ ฉิว ซานเฟิง ฟัง ตั้งแต่เรื่องที่เขาได้เข้าร่วมกับพรรคมารทลายราตรี และถูกขับไล่โดย โย่ว หมิงเติง ความขัดแย้งระหว่างพรรคมารทลายราตรีกับหมู่เกาะประหาร และการโจมตีของหมู่เกาะประหารกับสามพันธมิตรบนหุบเขาสายหมอกจนท่านหญิง เปียวเหมี่ยว ต้องตกอยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้

 

หลังจากที่ได้รู้ว่า ชูเฟิง ถูกขับไล่โดย โย่ว หมิงเติง มันก็ทำให้ ฉิว ซานเฟิง กัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้นอย่างมาก

 

แน่ในขณะเดียวกัน เขาก็มีความสุขอย่างมาก เมื่อเขาได้รู้ว่าลูกศิษย์ของเขาสามารถดึงดาบตราประทับผนึกมารออกมาได้ เพราะเขาและสามปราการต่างลองดึงดาบตราประทับผนึกมารกันทุกคน เพื่อชิงตำแหน่งประมุขพรรคมารทลายราตรี แต่พวกเขาก็ล้ทเหลวกันทุกคน “ชูเฟิง เจ้าไม่ต้องกังวล อาจารย์ของเจ้าอยู่ที่นี่ ในเมื่อพวกเขากลัวสิ่งที่เจ้าทำให้พรรคมารทลายราตรีเป็นหนี้เจ้า เพราะเกรงว่าเจ้าจะสั่นคลอนต่ออัทธิพลของพวกเขา ข้าจะทำในสิ่งที่พวกเขากลัว นั่นคือผลักดันเจ้าให้อยู่ในจุดที่พวกเขาต้องยอมสิโรราบ !!”

 

ฉิว ซานเฟิง กล่าว “ท่านอาจารย์ ท่านหมายความว่าเช่นไร !?”

 

ชูเฟิง กล่าวถาม “ข้าจะทำให้เจ้าขึ้นเป็นประมุขของพรรคมารทลายราตรี !!”

 

ฉิว ซานเฟิง กล่าวอย่างจริงจัง

 

ReaDMGA ////////////////////////////////////////

 

A : ทำกูขนลุกเลย!!!

 

C : ปวดขี้อ่อ?!!!

 

A : ปวด อ้าปากทีดิ เด๋วกูจะขี้ใส่ปากมืง

 

B : เออ ปากมันเน่า เหมือนส้วมจริงๆนั้นแหละ!!!

 

C : กูจะฟ้อง ครูอังคณา พวกมืงลุมกู!!!

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments