I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 813 – ไร้ประสบการณ์

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

บทที่ 813 – ไร้ประสบการณ์

 

“สวรรค์ นั้นมันผู้นำตระกูลจื่อ การต่อสู้ช่างดุเดือดยิ่งนัก แล้วใครที่กำลังสู้อยู่กับเขา ?!””บ้าน่า!!! อีกฝ่ายเป็นแค่เด็กหนุ่ม ?! ดูจากลักษณะรูปร่าง เขาต้องมีอายุน้อยกว่า 20 ปี แน่นอน!!!””แล้วเจ้าปีศาจนั้นโผล่มาจากไหนกัน!!! อายุเท่านี้ก็มีพลังถึงระดับ 3 จ้าวแห่งสงคราม อีกทั้งยังสู้กับผู้นำตระกูลจื่อ ที่อยู่ในระดับ 6 จ้าวแห่งสงครามได้ขนาดนี้ นี่มันเรื่องจริงหรือเปล่าเนี่ย ?!”

 

เมื่อเห็นการต่อสู้ ผู้คนที่พากันมาดูก็ต่างเฝ้าสังเกตุลักษณะของ ชูเฟิง ที่เป็นคู่ต่อสู้ของผู้นำตระกูลจื่อ พวกเขาเหล่านั้นแทบจะไม่มีใครที่ไม่ตกใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง อายุ หรือ พลังวิญญาณ ล้วนแล้วแต่ยากที่จะทำใจให้เชื่อ จนบางคนอดไม่ได้ที่จะเรียกเขาว่า”

 

ปีศาจ”

 

ชูเฟิง รู้สึกถึงความกดดันต่อพลังที่เหนือชั้นของผู้นำตระกูลจื่อ ดังนั้นจึงทำให้เขาไม่กล้าที่จะประมาท ชูเฟิงรีบใช้อำนาจพลังวิญญาณเผ่งไปที่ดวงตา เพื่อตรวจความแข็งแกร่งและช่องว่างของเขาด้วยเนตรสวรรค์ แน่นอนว่าเขาต้องใช้พลังอย่างมากในการควบคุมทักษะการต่อสู้ต่างๆเพื่อชดเชยส่วนที่ขาดในด้านความต่างของพลังวิญญาณ และผลการต่อสู้ก็นับเป็นเรื่องยากที่จะสรุปได้ “บัดซบ!!! มันทำอะไรของมัน ? พลังวิญญาณของมันน้อยกว่าแท้ๆ แต่พลังต่อสู้ร้ายกาจยิ่งนัก! ข้าคนนี้จะไม่สามารถเอาชนะมันได้งั้นหรอ มันเป็นสัตว์ประหลาดหรือไง!”

 

แม้ว่า ชูเฟิงจะรู้สึกกดดัน แต่ทางผู้นำตระกูลกับรู้สึกกดดันมากกว่า

 

เขาไม่ได้รู้สึกถึงแค่ความกดดันในเรื่องของความแข็งแกร่ง แม้แต่สภาพจิตใจของเขาก็ด้วย ในช่วงเวลานั้น ผู้คนจำนวนมากต่างให้ความสนใจกับการต่อสู้ของคนทั้งสอง หากมีแค่คนของตระกูลจื่อมันก็ไม่เท่าไหร่ แต่นี้ยังมาแขกต่างบ้านมาเฝ้าดูอยู่รอบๆ

 

จริงๆแล้ว ก่อนหน้าที่มีคนจะมามุงดู เขาก็คิดที่จะรีบจบๆการต่อสู้ ซึ่งเขาเองก็ไม่นึกว่าจะใช้เวลาจำนวนมากขนาดนี้ เพียงแค่จัดการกับคนที่มีพลังวิญญาณระดับ 3 จ้าวแห่งสงคราม มันจึงทำให้เขารู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก

 

เนื่องจากความต่างของแต่ระดับ ในอาณาจักรจ้าวแห่งสงคราม มันไม่ใช่ช่องว่างขนาดเล็กๆ การที่คนสามารถเอาชนะคนที่มีพลังวิญญาณสูงกว่า 1 ระดับ นั้นหมายความว่า พวกเขาคืออัจฉริยะ แต่ยากที่จะมีใครสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่ความต่างถึงสามระดับได้

 

ในสถานการณ์เช่นนี้ คนดูไม่เพียงแต่จะชื่นชม ว่าชูเฟิง นั้นเป็นอัจฉริยะที่ร้ายกาจ นำซ้ำยังมองว่า ผู้นำตระกูลจื่อ นั้นไร้ฝีมือที่ไม่สมควรที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับ 6 จ้าวแห่งสงคราม “เจ้าเด็กหนุ่มคนนั้นร้ายกาจยิ่งนัก เขามาจากไหนกัน ?! ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเขามาก่อน””เมื่อเร็วๆนี้ ในทะเลตะวันออก มีสุดยอดอัจฉริยะปรากฏขึ้นมา อีกทั้งการเพาะปลูกของเขายังใกล้เคียงกับเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้อย่างมาก””เจ้ากำลังพูดถึง หวู่ชิง ที่ทำลายสถิติมู่หรง ซุนในงานล่าวิญญาณตราประทับที่หุบเขาสายหมอกสินะ!””ถูกต้อง!!! นอกจากเขาแล้วจะเป็นใครไปได้””เขาคงไม่ใช่คนๆเดียวกันใช่ไม๊ ข้าได้ยินมาว่า หวู่ชิง มีความเชี่ยวชาญด้านอำนาจพลังวิญญาณ ยิ่งไปกว่านั้นเด็กหนุ่มคนนี้เห็นได้ชัดว่าอายุน้อยกว่า หวู่ชิง!””ถูกต้อง! แม้ว่าหวู่ฉิงจะแข็งแกร่งไม่ต่างจากที่ได้จากข่าวลือ แต่เด็กหนุ่มคนนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเขาด้วยตาของพวกเรา เท่าที่ข้าดู เขาอาจจะร้ายกาจยิ่งกว่า หวู่ชิง ก็ได้!””มันน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ในโลกใบนี้ยังมีคนที่ร้ายกาจได้เพียงนี้อีกหรือ! จากที่ข้ารู้มา แม้แต่อัจฉริยะในทะเลตะวันออก มู่หรง ซุน ก็ไม่สามารถสู้กับคนที่มีพลังเหนือกว่าตั้ง 3 ระดับได้”

 

พวกเขากำลังได้ดูการต่อสู้ที่ดุเดือดที่หาดูได้ยาก ชูเฟิงต่างเป็นที่ดึงดูดความสนใจ หลังจากที่พวกเขามองดูอยู่นาน พวกเขาก็อยากรู้ว่าใครเป็นอาจารย์ของชายหนุ่มที่มีพลังร้ายกาจนี้ แล้วเขามีนามว่าอะไร เพราะเขาเกรงว่า ชายหนุ่มผู้นี้จะกลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดในทะเลตะวันออก “ข้านึกออกแล้ว!!! เขาต้องเป็น ชูเฟิง แน่ๆ และเหตุผลที่เขาก่อปัญหาครั้งนี้ขึ้น เป็นเขาต้องการตัว จื่อหลิง คู่หมั้นของมู่หรง ซุน หนีไป!”

 

ทันใดนั้น ก็มีคนคนนึงตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เพราะเขาเคยได้ยินชื่อของเขามาจาก อาวุโสชั้นสูงของ ตระกูลจื่อ “อะไรนะ?! เขามานี้เพื่อนำตัวจื่อหลิงไปงั้นหรอ มีใครกล้าโง่พอที่จะกล้าแตะต้องคู่หมั้นของมู่หรง ซุน นี้มันเท่ากับตั้งตัวเป็นศัตรูกับหมู่เกาะประหารชัดๆ”

 

หลังจากที่รู้เป้าหมายของชูเฟิง พวกเขาก็ตกใจกันอย่างมาก

 

การต่อสู้ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง จนทั้งสองฝ่าย ต่างก็นำยอดยุทธภัณฑ์ออกมาสู้กัน การต่อสู้จึงเพิ่มความรุนแรง จนแสงที่เกิดจากการปะทะ สาดส่องไปทั่วท้องฟ้า ถ้าไม่ได้ผู้เชี่ยวชาญจากตระกูลจื่อ แม้จะแค่เสี้ยวพลังของการปะทะ ก็คงทำให้พื้นดินที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ราบเป็นหน้ากอง “ทุกคนในตระกูลจื่อ จงฟัง ข้า ชูเฟิง มาที่นี่เพื่อพาจื่อหลิงกลับไป ไม่ว่าจะเป็นใคร หากกล้าขัดขวาง ข้าจะฆ่ามันให้หมด”

 

ชูเฟิง รู้ว่าหลังจากวันนี้ ชื่อของเขาจะต้องแพร่กระจายไปทั่วทั้งทะเลตะวันออก ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะปกปิดชื่อของตน ทั้งยังประกาศให้คนรู้ว่าเขาเป็นใคร และ มีเป้าหมายเช่นไร

 

สักวันเรื่องมันก็คงต้องเปิดเผย ชูเฟิง ตั้งใจจะตายแต่แรกหากเขาล้มเหลว แต่เขาสาบานว่าไม่ว่ายังเขาต้องพาจื่อหลิงไปให้ได้ เพราะเขารู้ว่าหากเขาพลาดโอกาสนี้ คงเป็นเรื่องยากที่จะมีโอกาสเช่นนี้อีกครั้ง ด้วยนิสัยของ มู่หรง ซุน หากเขารู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชูเฟิง และ จื่อหลิง การที่เขาจะทำร้ายนางก็ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้

 

ดังนั้น เขาจำเป็นต้องจัดการกับผู้นำตระกูลจื่อ อีกทั้งยังคิดที่จะจัดการกับคนของตระกูลจื่อทั้งหมด ด้วยพลังของ ชูเฟิง นอกจากตัวประมุข ก็แทบจะไม่มีใครในตระกูลจื่อที่สามารถรับมือเขาได้

 

* ตูม ตูม ตูม ตูม * ในนั้น ตำหนักที่ใหญ่โตของตระกูลจื่อก็เริ่มถล่มลงมา อย่างต่อเนื่อง ผู้คนของตระกูลจื่อที่หนีออกมาไม่ทัน ต่างพากันได้รับผลกระทบจากการโจมตีจนบาดเจ็บล้มตาย “เขาช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มที่ชื่อว่า ชูเฟิง แท้จริงมาที่นี่เพราะมีแผนร้าย เขาคงไม่คิดจะกำจัดตระกูลจื่อให้หมดแล้วพาตัวจื่อหลิงไปหรอกนะ”

 

เห็นว่า ชู ฟงเริ่มโจมตีผู้คนจากครอบครัวจื่อ และท่านสามารถทำอะไรกับมัน บางคนเริ่มรู้สึกว่าบางทีท่านก็ไม่สามารถทำอะไร ชู ฟงด้วย โอกาส , วันนี้ , ครอบครัวจื่อกำลังตกอยู่ในอันตราย “เจ้าเด็กนรก ข้าเห็นว่าเจ้ายังเป็นแค่เด็กไร้สยอง วู่วาม ข้าจึงเลือกที่จะทนกับการกระทำของเจ้าและพยายามไว้ชีวิตเจ้า แต่ตอนนี้เจ้ากับ กล้าฆ่าคนในตระกูลข้า วันนี้เห็นทีจะต้องฆ่าเจ้า!!”

 

ผู้นำตระกูลจื่อพยายามโจมตี ชูเฟิง อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ทำอะไรไม่ได้ เขาจึงรู้สึกว่าตัวเองนั้นเสียหน้า ดังนั้น เขาจึงหาข้ออ้างมาบ่ายเบี่ยงความไร้ฝีมือ โดยพูดประโยคก่อนหน้ากับฝูงชน หากเขาคิดจะฆ่าชูเฟิงตอนนี้ เขาจำเป็นจะต้องงัดไพ่ตายออกมา ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องเสียหน้าหนักกว่าเดิม

 

ทันใดนั้น ก็มีแสงเปล่งออกมาจากข้อมือของเขา จากนั้นกระบี่หยกสีเขียวก็ปรากฏอยู่ภายในมือ

 

เมื่อเขานำมันออกมา ลักษณะท่าทางของผู้นำตระกูลก็ดูต่างจากเดิมราวกับเป็นคนละคน ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่า ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะกระบี่หยกเย็น ในมือของเขา ซึ่งมันถูกสร้างขึ้นจากหยกหิมะพันปีที่หาได้ยากยิ่ง “ออร่านี้!!! . . . . มันคือยอดยุทธภัณฑ์กึ่งราชวงค์!!! ไม่ผิดแน่ๆ มันต้องเป็นยอดยุทธภัณฑ์กึ่งราชวงค์””สวรรค์ ยอดยุทธภัณฑ์กึ่งราชวงค์ มีค่าอย่างมาก!!! แม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุดจ้าวแห่งสงครามยังไม่มียอดยุทธภัณฑ์กึ่งราชวงค์เลย แต่ให้ใช้ทรัพย์สมบัติทั้งชีวิต แต่นี้ผู้นำตระกูลจื่อ ที่มีพลังวิญญาณระดับ 6 จ้าวแห่งสงคราม กับมียอดยุทธภัณฑ์กึ่งราชวงค์ ?!””หมู่เกาะประหารคงต้องให้เขามาแน่ๆ แต่ทำไมยอดยุทธภัณฑ์กึ่งราชวงค์ ในมือของผู้นำถึงดูเหมือนของผู้หญิงล่ะ”

 

เมื่อเขานำยอดยุทธภัณฑ์กึ่งราชวงค์ออกมา ความวุ่นวายก็บังเกิด เพราะยอดยุทธภัณฑ์กึ่งราชวงค์มีค่ามหาศาล นอกจากซะว่าคนคนนั้นจะเป็นอัจฉริยะที่ทรงพลังและมั่งคั่ง นอกนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะมียอดยุทธภัณฑ์กึ่งราชวงค์ไว้ในครอบครอง แล้วผู้เชี่ยวชาญระดับ 6 จ้าวแห่งสงคราม กับมีอาวุธแบบนี้ไว้ในครอบครองนับเป็นเรื่องที่หาดูได้ยาก “ไอ้แก่เวร!!! ยอดยุทธภัณฑ์กึ่งราชวงค์เห็นอยู่ชัดๆว่าหมู่เกาะประหารมอบมันให้ หลิง เอ๋อ แต่นี่มันกลับเอาไปเป็นของตัวเอง!!!”

 

แม่ของจื่อหลิงตะโกนสาปแช่ง เมื่อเห็นกระบี่หยกเย็นที่แสนงดงาม “ฮ่าๆๆๆ น่าสงสารเด็กบ้านนอก เจ้ารู้ไม๊ว่านี้มันคืออะไร ?! เจ้าคงไม่เคยเห็นมันมาก่อนใช่ไม๊ ?!””วันนี้ ข้าจะให้เจ้าได้ตายในสถานที่ดีๆเช่นนี้ แต่ก่อนที่จะตายข้าจะให้เจ้าได้เปิดหูเปิดตา ว่าในโลกนี้อาวุธอะไรแกร่งที่สุด อาวุธข้าเรียกกันว่า ยอดยุทธภัณฑ์กึ่งราชวงค์เทียบได้กับยอดยุทธภัณฑ์เน่าๆของเจ้าแล้ว มันก็เป็นได้แค่เศษขยะ”

 

เขาถือกระบี่ยกมาไว้ตรงหน้า และเมื่อได้ยินคำพูดที่แตกตื่นของฝูงชน เขาก็รู้สึกว่าหน้าเขาถูกกู้กลับมา ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มมีความมั่นใจ จากนั้นเขาเยาะเย้ยชูเฟิง “ฮ่าฮ่าฮ่า . . . .”

 

ชูเฟิง ในตอนนั้นระเบิดเสียงหัวเราะเย้ยเยาะ ผู้นำตระกูลจื่อ “แกหัวเราะอะไรห่ะ ?!!!”

 

ผู้นำโกรธมาก ตอนแรกเขาคิดว่าชูเฟิงจะตกใจกลัวจนตัวสั่นเมื่อได้เห็น ยอดยุทธภัณฑ์กึ่งราชวงค์ แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้นแทน ไม่เพียงแต่ชูเฟิงจะไม่กลัว เขายังถูกหัวเราะเยาะเย้ยอีก มีหรอที่จะเขาทนได้ ตอนนั้นอวัยวะภายในของเขาแทบจะระเบิดออกมาเพราะความโกรธ “นี่! ! ! เขาหัวเราะอะไรนะ หรือเขาไม่รู้จักยอดยุทธภัณฑ์กึ่งราชวงค์ และไม่เคยเห็นความน่ากลัวของมัน ?!”

 

ในความเป็นจริง ไม่ใข่เพียงแต่ผู้นำตระกูลจื่อที่กำลังสับสน แม้แต่ผู้คนรอบๆเอง ก็ งง เหมือนๆกัน

 

เมื่อเขาเผชิญกับสับสนภายในสายตาทุกๆคน จู่ๆชูเฟิงก็ค่อยๆกล่าวออกมาว่า”

 

ข้าก็หัวเราะ เจ้ากบก้นบ่อ ที่คิดว่าบ่อแคบๆเป็นโลกทั้งใบ!!!”

 

ReaDMGA ////////////////////////////////////////

 

A : ได้เวลาทดสอบพลังของหอกมังกรเงินแล้ว!!!

 

B : ได้ตะลึงกันแน่พวกหนูๆ ใครไม่อยากตายรีบหนีไปตอนนี้ให้ไว!!!

 

C : ตระกูลจื่อน่าจะไม่รอด!!!

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments