ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 900 – กองทัพที่น่ากลัว
“ไม่เพียงเเต่หมู่เกาะประหาร อีกทั้งยังมี ปีศาจสามตระกูลใหญ่เข้าร่วมด้วยงั้นหรอ ?” “แค่หมู่เกาะประหารก็รับมือยากอยู่แล้ว นี้ยังมีปีศาจสามตระกูลใหญ่ ?!!”
เมื่อเห็นจำนวนกองทัพใต้ท้องฟ้า เหนือมหาสมุทร ตง เซวีย รู้สึกตกใจอย่างมาก นางหวาดกลัวจนตัวสั่น จนบอกได้ถึงความขี้ขลาดของนาง “ยังจำเป็นที่จะต้องถามอีกหรอ ปีศาจสามตระกูลใหญ่แม้จะไม่ค่อยมีวีรกรรมและไม่ค่อยเข้าร่วมสงคราม แต่วันนี้พวกเขาก็ต่างได้ส่งยอดฝีมือของพวกเขาจำนวนมาก รุกราน ณ ที่แห่งนี้”
“ไม่จำเป็นต้องกล่าวให้มากความมันเเน่นอนอยู่เเล้วว่าพวกเขาได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับหมู่เกาะประหาร ดูเหมือนว่าช่วงเวลานี้จะเลวร้ายกว่าที่คิด”
เเม้ว่า เซี๊ยะ ยู๋ จะไม่ตกใจมากเท่า ตง เซวีย เเต่เธอก็ขมวดคิ้วเเน่นด้วยความไม่สบายใจ “มันเป็นเพราะเจ้า! พวกเขาทั้งหมดมาที่นี่เพื่อที่ต้องการจะจับเจ้า! เจ้ากำลังลากพวกเราไปเผชิญอันตรายกับเจ้า!”
หลังจากได้ยิน ตง เซวีย ก็ยิ่งเกิดอาการกลัวมากขึ้น เธอจึงชี้มือไปที่ชูเฟิง เเละตำหนิเขาอย่างรุนเเรง “ตง เซวีย นี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาทะเลาะกันนอกจากนี้เรายังมีท่านหญิงอยู่ด้วยถึงเเม้พวกเขาจะมีกองกำลังที่ยิ่งใหญ่เราก็ไม่จำเป็นจะต้องกลัวพวกเขาเจ้าไม่จำเป็นจะต้องส่งเสียงโหวกเหวกเช่นนี้”
ฉิวชุ่ย ก็กล่าว “อาวุโส ฉิว ชุ่ย กล่าวได้ถูกต้องเเล้ว นายหญิงเป็นเพียงผู้เดียวที่รู้ว่าเราควรทำเช่นไรต่อจากนี้ พวกเราไม่มีสิทธิที่จะคัดค้านการกระทำนั้น?”
ชุน หวู่ กล่าวตวาดอย่างเย็นชา “เจ้า…”
ตง เซวีย รู้สึกโกรธอย่างมากกับคำพูดของชุน หวู่ เเต่เป็นเพราะความกลัวที่ฝังลึกจึงทำให้เธอกล่าวเช่นนั้นออกไป ดังนั้นเธอจึงไม่เเม้เเต่จะเถียงกับชุนหวู่ต่อเพียงเเต่เธอได้มองกลับไปด้านหลังของเธอเพื่อรอคอย ท่านหญิง เพียวเมี้ยวอยู่
กองทัพที่เคลื่นมาหากมองดูผิวเผินก็จะพบว่าพวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบ่มเพาะพลังทั้งสิ้นเเละยังมีจำนวนหลายสิบล้านคนพวกเขาขึ้นปกคลุมบนผืนนภามันเป็นความจริงที่ว่าหากมองดูจะเกิดอาการกลัวก็มิแปลก
ถึงเเม้ว่าพวกเขาจะได้เห็นการรวมตัวของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญมาก็มากเเล้วมันเเน่นอนที่สุดที่พวกเขาจะรู้สึกกลัวเมื่อพบคนที่จำนวนมากเช่นนี้หากพวกเขากล่าวว่าไม่กลัวออกไปก็คงจะเป็นการพูดโกหกเพื่อหลอกตัวเองก็เท่านั้น
มันเป็นเพราะหมู่เกาะประหารในตอนนี้ได้เป็นที่ยอบรับจากหลายคนว่าเป็นขุมกำลังที่เเข็งเเกร่งมากที่สุดของทะเลภาคตะวันออก
ปีศาจทั้งสามตระกูล ในอดีตแล้ว พวกเขาไม่ได้สุงสิงเเละไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์มานานเเล้วพวกเขาทำเพียงเเค่ปกครองเเผ่นดินของพวกเขาเองมันก็คงจะกล่าวไม่ผิดหากกล่าวว่าพวกเขาดูเหมือนจะได้ตัดขาดจากโลกเเห่งนี้ไป
อย่างไรก็ตามความเเข็งเเกร่งของพวกเขาก็ยังคงเป็นที่ยอมรับเเละตอนนี้พวกเขาได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกันเเละยังมาเยือนที่เเห่งนี้ด้วยกัน ใครจะสามารถหยุดพวกเขาได้? เเม้ว่าหุบเขาสายหมอกจะมีรูปแบบป้องกันที่เเข็งเเกร่งเเต่ยังไงผู้คนในหุบเขาสายหมอกก็ยังคงรู้สึกสูญกำลังใจทั้งสิ้นเมื่อพบกับภาพเหล่านี้
ผิวเเละร่างกายของพวกเขารู้สึกสั่นสะท้าน หัวใจของพวกเขาเต้นสั่นระรัวด้วยความหวาดกลัวเเละความไม่สบายใจ
ชูเฟิงไม่ได้สนใจคำพูดของ ตง เซวีย เเละคนอื่นๆ เพราะเขาไม่ได้มีความคิดที่จะเถียงเเละตอบโต้ด้วย เขาเพียงเฝ้ามองเเละระวังกองกำลังขนาดยักษ์ที่เพิ่งมาถึงหุบเขาสายหมอกเเห่งนี้เนื่องเพราะกองกำลังเเห่งนี้เเข็งเเกร่งเป็นอย่างมาก
อีกทั้งยังมี ราชันย์เเห่งสงคราม 5 คน จากหมู่เกาะประหารอีกด้วย
หนึ่งในนั้นคือ นิรันดร์ที่6ของหมู่เกาะประหารชูเฟิงรู้สึกสงสัยอย่างมากถึงตัวตนของเขาเป็นเพราะเขากำลังยืนอยู่ที่เเห่งนั้นด้วยสภาพสมบูรณ์พร้อมรบซึ่งหมายความว่ายาต้องห้ามที่เขาได้กินเข้าไปหลายเม็ดนั้นไม่ได้ทำให้เขาเกิดความเสียหายเเละความเจ็บปวดเเม้เเต่น้อยอย่างน้อยการบาดเจ็บของเขาก็ไม่สมควรได้รับการรักษาภายในไม่กี่วันนี้เเต่วันนี้เขาได้ยืนเตรียมพร้อมที่จะรบได้ทุกเมื่อราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเเม้เเต่น้อย
ยังมีอีกคนที่ยังมีการบ่มเพาะพลังอยู่อันดับ 1 ราชันย์ เช่น นิรันดร์ที่ 6 ชูเฟิงไม่เคยพบเขามาก่อน เเต่การตัดสินใจเเละกลิ่นอายความเเข็งเเกร่งของเขาชูเฟิงรู้สึกว่าเขาอาจจะเป็น นิรันดร์ที่ 7 ของหมู่เกาะประหาร
จากการรายงานของ ชุน หวู่ นางเคยบอกว่า หมุ่เกาะประหาร ได้ส่งราชันย์แห่งการต่อสู้ มายังหุบเขาคนโฉด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีนิรันดร์ที่ 7 แต่ด้วยเหตุการณ์บางอย่าง เขานั้นไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้การต่อสู้สูสี และชูเฟิงก็สามารถเปิดรูปแบบฯมารประทานพรและนำชัยชนะมาสู่พรรคมารทลายราตรี และในที่สุด วันนี้ นิรันดร์ที่ 7 ก็ได้ปรากฏตัว
ในขณะเดียวกันด้านข้างของ นิรันดร์ที่ 6 เเละ นิรันดร์ที่ 7 ก็มีสองผู้อาวุโสที่สวมเสื้อคลุมของหมู่เกาะประหารอยู่ พวกเขาค่อนข้างดูชราภาพ เเต่พวกเขาไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับ 1 ราชันย์เเห่งสงคราม เเต่เป็นระดับ 2 ราชันย์เเห่งสงคราม
ถึงเเม้การบ่มเพาะพลังของเขาจะอยู่ระดับ 2 ราชันย์เเห่งสงคราม เเต่เเรงกดดันจากพวกเขาทั้งสองยังด้อยกว่า ทันไท๋ เซว่ ที่อยู่ในวิหารเพลิงผลาญสวรรค์เมื่อตอนนั้น ดังนั้นชูเฟิงพอจะเดาได้ว่าพวกเขามีเเนวโน้มว่าจะเป็น นิรันดร์ที่ 4 เเละ นิรันดร์ ที่ 5 ของหมู่เกาะประหาร
การปรากฏตัวของนิรันดร์ทั้ง 9 ของหมู่เกาะประหารนั้น มี นิรันดร์ที่ 7 เเละอีกสามคนรวมเป็น 4 คนที่ปรากฏออกมาเวลานี้
สำหรับเหตุผลที่มีเพียง4เเต่ไม่ใช่5เป็นเพราะเพราะอีกคนที่เหลือเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับ ราชันย์เเห่งสงครามที่เเข็งเเกร่ง ดูเเล้ว ไม่น่าจะใช่ 1 ใน 9 นิรันดร์ของหมู่เกาะประหาร
เป็นชายชราผู้หนึ่งผมสีขาว เเต่ไม่มีริ้วรอยบนใบ้หน้าของเขาเเม้เเต่น้อย เขาปรากฏตัวขึ้นรัศมีเเห่งความเป็นผู้นำฉายเเสงออกมาอย่างเห็นได้ชัด เเละเสื้อผ้าที่เขาสวมยังเเตกต่างจากคนอื่นๆ
ถึงเเม้เขาจะดูเเตกต่างเเต่ก็ยังคงสวมเสื้อผ้าของหมู่เกาะประหารบนศรีษะของเขาปรากฏรูปร่างคล้ายมุงกุฏเเละมันก็มีสัญลักษณ์ของหมู่เกาะประหารสลักเอาไว้
ที่สำคัญที่สุดคือกลิ่นอายที่เเข็งเเกร่งของชายชรานั้นเเข็งเเกร่งอย่างมากเป็นเพราะเขาไม่ได้ปกปิดพลังเอาไว้ชูเฟิงจึงสัมผัสได้ว่าความเเข็งเเกร่งของชายชรานั้นห่างไกลกับ นิรันดร์ทั้ง 4 อย่างเห็นได้ชัด เป็นเพราะเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับ 5 ราชันย์เเห่งสงคราม
ความเเข็งเเกร่งที่ปล่อยออกมารวมทั้งเสื้อผ้าที่ดูพิเศษเเละมีเกียรติอีกทั้งยังสวมหมวกที่ดูราวคล้ายมงกุฏเเละยังได้รับความเคารพจากบุคคลของหมู่เกาะประหารทุกคน ขนาดคนโง่อย่างสามารถเดาได้เลย ไม่ต้องคิดไรมากชูเฟิงรู้ในทันทีว่าเขาคนนั้นคือใคร
มันเป็นที่เเน่นอนอยู่เเล้วว่าเขาคือพ่อของ มู่หรงซุน เเละเป็นผู้ปกครองของหมู่เกาะประหาร เขาคือ มู่หรง เนี่ยคง!
ที่เป็นผู้ปกครองหมู่เกาะประหารเเละเขายังมีพันธมิตรเเละผู้เชี่ยวชาญหลายคนจาก ปีศาจสามตระกูล
เเละยังมีปราการของตระกูล วิหคศักดิ์สิทธิ์ นอกจากทั้งสองคนก็ยังมีระดับ 3 ราชันย์เเห่งสงคราม เเละก็มีระดับ 2 ราชันย์เเห่งสงคราม เเละคนสุดท้าย ระดับ 4 ราชันย์เเห่งสงคราม เขาสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากขนนกสีทองเเละรัศมีที่เปร่งออกมานั้นเทียบเท่าได้กับ มู่หรง เนี่ยคง เขาจึงมีเเนวโน้มว่าจะเป็นผู้นำตระกูล วิหคศักดิ์สิทธิ์
สำหรับตระกูลปีศาจศิลา และ ตระกูลมัจฉาโลหิต พวกเขาส่งผู้เชี่ยวชาญระดับราชันย์มามากยิ่งกว่า ตระกูลวิหคศักดิ์สิทธิ์ เหมือนกับหมู่เกาะประหาร ต่างรวบรวมผู้เชี่ยวชาญระดับ ราชันย์เเห่งสงคราม มาทั้งหมด
ทั้งสองคนอยู่ในระดับ 4 ราชันย์เเห่งสงคราม ดูจากเสื้อผ้าที่ใส่ที่ดูเเตกต่างจากสมาชิกของตระกูลอื่น มันสามารถเดาได้เลยว่า ผู้นำทั้งสองตระกูลนั้นก็มาด้วยเช่นเดียวกัน
หมู่เกาะประหารที่เดิมเเข็งเเกร่งอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อรวมกับสามตระกูลใหญ่ พวกเขาจึงกลายเป็นขุมกำลังที่เเข็งเเกร่งโดยไม่ต้องสงสัย
เเต่ชูเฟิงก็ยังคงสังเกตุต่อไปเป็นเพราะในกองทัพเเห่งนั้นยังมีบุคคลอื่นที่ทำให้เขานั้นรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
เขาเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังผู้เชี่ยวชาญระดับ ราชันย์เเห่งสงคราม เขายืนอยู่ด้านหลัง ข้างๆ มู่หรง ซุน ตำเเหน่งที่เขายืนนั้นไม่ได้เด่นมากอะไร แต่เขาราวกับเป็นบุคคลตัวอย่างของหมู่เกาะประหารที่ เฉิดฉาย ไปทั่วทุกที่
อายุของเขาเเน่นอนว่าน้อยกว่าสามสิบเเละอายุของเขาก็น้อยกว่ามู่หรงซุน
นอกจากนี้เขาไม่ได้มีเพียงเเค่ความเเข็งเเกร่งเท่านั้น ใบหน้าของเขาค่อนข้างหล่อเหลาเช่นเดียวกัน คิ้วที่คมของเขาทำให้เขาดูหาญกล้าเเละน่าเกรงขามมากกว่ามู่หรงซุน
ที่สำคัญที่สุดคือกลิ่นอายของเขาได้ถูกปกปิดเอาไว้ แต่ชูเฟิงก็พบว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับ 4 ราชันย์เเห่งสงคราม กลิ่นอายของเขาเเข็งเเกร่งมากดูเเล้วเเข็งเเกร่งมากกว่าผู้นำทั้ง สามตระกูลใหญ่จากเผ่าปีศาจ เเละเป็นเพราะเขาเป็นชายหนุ่มไม่เหมือนกับผู้นำทั้ง 3 ที่ดูสูงวัยเเละอายุมากกว่า มันเป็นเพราะความสำเร็จของเขาค่อนข้างดี
P’Film
A : ไม่รู้หรอกว่าเป็นใคร แต่ ทันไท๋ เซว่ ที่แน่ๆเป็นศัตรูของหมู่เกาะประหาร หรือว่าไม่ใช่หว่า
B : ช่ายดิ ตอนนั้นพี่เฟิงนำกองทัพทั้ง 10 ล้านถล่มหมู่เกาะประหาร + ดาบ LV.99 ที่ ซับพอตให้คนในปาตี้ ทันไท๋ เซว่ก็มา
A : ได้ยินว่า 4 ปราการ ราชันย์ธาตุทั้ง 5 กับ 10 พี่น้องชุดทอง ต่างเป็นกองกำลังชั้นแนวหน้า ฝ่าวงล้อมเปิดทางให้พี่เฟิงเลยหนิ
B : ไม่แน่ใจ แต่จำได้ว่า พี่เฟิง วิ่งเข้าใส่เลยทันทีที่มาถึง อาจจะมีสงครามน้ำลาย แต่แค่แปปเดียว แต่สงครามในครานี้ ต้องเอาตัวรอดไว้ก่อนล่ะว่ะ ช่วยอาจารย์ได้ค่อยมาว่ากัน
C : แล้วพบกันใหม่นะ!!!