I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 931 – ช่วย ซิวฉานเฟิง

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

บทที่ 931 – ช่วย ซิวฉานเฟิง

 

“ผู้อาวุโส เพียวเมี้ยว ท่านมีเเผนที่ต้องการจะทำงั้นหรือ” “มันไม่ใช่เเผนที่ข้าต้องทำเเต่มันคือสิ่งที่เจ้าจะต้องทำมันเเละความสำเร็จทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าเท่านั้น”

 

ท่านหญิง เพียวเมี้ยว มองชูเฟิงอย่างจดจ่อ “สิ่งที่ข้าต้องทำงั้นหรือมันคือสิ่งใดกัน”

 

ชูเฟิงกล่าวถามพร้อมความอยากรู้มองไปทางท่านหญิงเพียวเมี้ยว “ชูเฟิง เจ้าสามารถที่จะดึงดาบผนึกมารที่ปักอยู่ในพรรคมารทลายราตรีได้ใช่ไม๊?”

 

ท่านหญิงเพียวเมี้ยวถามชูเฟิง “ใช่ข้าสามารถดึงได้”

 

ชูเฟิงตอบ “ดาบผนึกมารคือดาบของประมุขพรรคมารทลายราตรีหลังจากที่เขาได้สิ้นชีพไปยังไม่มีใครสามารถที่จะดึงมันออกมาได้” “เเต่ก่อนนั้นข้าเคยได้ยินมาว่าก่อนที่หัวหน้าพรรคมารทลายราตรีจะสิ้นไปเขาได้บอกกับคนของเขาว่าคนที่สามารถดึงดาบผนึกมารออกมาได้จะเป็นคนที่จะปกครองพรรคมารทลายราตรีเเละขึ้นเป็นประมุขพรรคคนต่อไปเเละถ้าข้าจำไม่ผิดเจ้าสามารถที่จะดึงมันออกมาได้” “ผู้อาวุโสเพียวเมี้ยว ท่านต้องการให้ข้าเป็นคนสั่งการพรรคมารทลายราตรี?เเละให้พวกเขาเข้าไปสร้างความโกลาหลเเละให้ข้าใช้โอกาสนั้นหาช่องว่างเพื่อเข้าถึงทักษะลับ?”

 

ชูเฟิงจู่ๆก็เข้าใจความคิดทั้งหมด “ใช่เเล้ว เเผนของข้าคือต้องใช้คนจำนวนมากเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเเละเมื่อมันเป็นเช่นนั้นปราการเเรกคือพรรคมารทลายราตรีนั้นจะต้องเชื่อฟังคำสั่งการของเจ้าเเละปฏิบัติตาม”

 

ท่านหญิงเพียวเมี้ยว พยักหน้า “เเต่ถ้ามันล้มเหลวไม่ใช่ว่าคนจากพรรคมารทลายราตรีจะต้องตายพร้อมเราหรอกหรือ?”

 

ชูเฟิงถาม “นั่นก็ใช่ นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าบอกเจ้าว่านี่คือการเดิมพัน ไม่ว่าจะสูญเสีย หรือ ไม่สูญเสีย เราก็ยังมีโอกาสที่จะประสบผลสำเร็จ ความล้มเหลวไม่ใช่ทางเลือกที่เราต้องพบเสมอไป” “นอกจากนี้นี้เป็นเพียงเหตุผลหนึ่งเท่านั้น ส่วนอีกเหตุผลคือ เจ้าจะต้องนำดาบผนึกมารออกมา” “เพราะถึงเเม้ว่า เจียงฉีชา จะอยู่ระดับ 4 ราชันย์เเห่งสงคราม เเต่ความเเข็งเเกร่งของเขาเเน่นอนว่าย่อมมิอาจคาดเดาได้ ตอนที่ข้าได้ปะมือกับเขา เขายังไม่ได้ใช้ ยอดยุทธภัณฑ์ ของเขาเเม้เเต่น้อย มันเเน่นอนว่า เขาจะต้องมีไพ่ตายที่ยังไม่ได้เผยออกมาเเน่นอน” “ถึงเเม้ว่าเจ้าอาจจะเเข็งเเกร่งขึ้นด้วยทักษะลับพิเศษเเต่มันก็คงยังเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะเอาชนะเขาด้วยทักษะที่เจ้ามีอยู่ตอนนี้” “เเต่ว่าดาบผนึกมารนั้นมีอำนาจพลังที่เเข็งเเกร่ง ในทะเลภาคตะวันออกเเห่งนี้ มันคือราชันย์ของยอดยุทธภัณฑ์ทั้งหมดหลังจากที่เจ้าสามารถที่จะปรับเเต่งไข่มุขนิรันดร์ เเละ ต่อสู้กับเจียงฉีชา พร้อมกับดาบผนึกมาร โอกาสที่เจ้าสามารถที่จะชนะเขาล้วนมีมากยิ่งขึ้น”

 

ท่านหญิงเพียวเมี้ยว กล่าว “ผู้อาวุโสข้าเข้าใจท่าน เป็นเพราะเทคนิคที่เขาใช้นั้นเเข็งเเกร่งอย่างมากเทคนิคพวกนั้นมาจากดินเเดนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นมันเป็นเรื่องที่ยากมากที่ข้าจะรับมือกับเขาโดยที่ไม่มีดาบผนึกมารคอยช่วย เเต่อีกเหตุผลนึงข้าเกรงว่าเรื่องที่ยากคือข้านั้นไม่สามารถที่จะถือคำสั่งกับพรรคมารทลายราตรีให้ทำตามได้” “มันเป็นเพราะนั้นถือเป็นคนของหุบเขาสายหมอกเเละการที่หุบเขาสายหมอกถูกรุกรานจนเเทบจะพังทลายเช่นนี้ข้าเกรงว่าพวกเขาอาจจะไม่ช่วยเหลือเราเป็นเพราะพวกเขาไม่ได้ประโยนชน์อันใดจากศึกครั้งนี้””ดังนั้นถ้าข้าต้องการที่จะสั่งการพวกเขาเเล้วละก็สิ่งเเรกที่ข้าต้องทำคือช่วยท่านอาจารย์เป็นอันดับเเรก”

 

ชูเฟิงกล่าว “ช่วยอาจารย์อย่างงั้นหรือ เกิดอะไรขึ้นกับ ซิวฉานเฟิง?”

 

ท่านหญิงเพียวเมี้ยวพงะเล็กน้อยเป็นเพราะนางอยากที่จะให้อาจารย์ของชูเฟิงปรากฏตัวเเละช่วยควบคุมพรรคมารทลายราตรีเเต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ ฉิวฉานเฟิงที่ถูกขังอยู่ “ท่านเเม่มันเป็นเพราะข้าเร่งรีบจนลืมเล่าให้ท่านฟัง ที่จริง ซิวฉานเฟิง นั้น….”

 

ฉิวชุ่ยฟู่หยาน รู้สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเเละเริ่มเล่าให้ท่านหญิงเพียวเมี้ยวฟังถึงเรื่องที่ เขาถูกขังอยู่ในทวีปเก้าอาณาจักร “ข้าไม่คิดเลยว่า ซิวฉานเฟิง จะโชคดีที่สามารถเอาตัวรอดจากสิ่งอันตรายเช่น สุสานจักรพรรดิ์ เเต่ ชูเฟิงเจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องกังวล ถ้าเจ้ากล่าวว่า ฟู่เหลียนเฉิง มีความเเข็งเเกร่งที่สามารถช่วยเขาได้เเล้วละก็ เราก็ตัดปัญหาสำหรับเรื่องนั้นไปได้”

 

เธอโยนสายตาที่ลึกซึ้งมองไปที่ ไต้กู๋ “ไต้กู๋ เหมือนจะรู้ว่านางคิดอะไร เขาตบไปที่หน้าอกของตัวเองพร้อมพูดว่า”

 

ไม่ต้องกังวล ให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง

 

หลังจากที่ยืนยันได้ว่า ไต้กู๋ จะช่วย ชูเฟิงก็ต้องการที่พร้อมจะออกเดินทางกับเขา 2คนในทันทีเพื่อไปยังเก้าอาณาจักร เเต่หลังจากพิจารณาดูพวกเขาจึงตัดสินใจไปพร้อมกันทั้งหมดเเละออกจากทะเลภาคตะวันออกเพื่อความปลอดภัยนั้นเอง

 

ในวันนี้ พวกเขาเริ่มที่จะเดินทางในทันที

 

ทวีปของเก้าอาณาจักรนั้นค่อนข้างห่างไกลจากทะเลภาคตะวันออกเเต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญระดับ ราชันย์สงคราม นั้นระยะทางไม่ใช่ปัญหา

 

หลังจากนั้นผ่านไปเพียงไม่กี่วัน พวกเขาก็ได้มาถึงที่ทวีปตะวันออก เเต่เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาเเละอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจึงต้องทำบางอย่างเป็นเพราะว่า ท่านหญิงเพียวเมี้ยวที่สูญเสียการบ่มเพาะพลังของนางนั้นเอง

 

พวกเขาได้ส่งนางไปยังสถานที่หลบซ่อนตัวของทุกคนจากทวีปเก้าอาณาจักร เเละพวกเขายังส่งฉิวชุ่ยฟู่หยาน อยู่ที่นั่นเพื่อดูเเลท่านหญิงเพียวเมี้ยวอีกด้วย

 

หลังจากที่ส่งพวกนางเสร็จชูเฟิงไม่ได้พักเเม้เเต่น้อยเเต่กลับกันเขาออกไปพร้อมกับไต้กู๋ที่เพิ่งมาถึงทวีปเก้าอาณาจักรเเละเเอบเข้าไปในสุสานจักรพรรดิ์

 

มีอันตรายมากมายภายในนั้นเเละยังมีกับดักอีกมากมายเช่นกัน พวกมันถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้งถึงเเม้จะถูกทำลายไปเเล้วเเต่มันก็ซ่อมเเซมตัวเองหลังจากนั้นมันก็กลายเป็นกับดักเพื่อผนึกปกป้องสุสานจักรพรรดิ์

 

อย่างไรก็ตาม ไต้กู๋ ถึงเเม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับ 4 ราชันย์เเห่งสงครามเเต่เขาก็ไม่อาจที่จะเทียบเท่าได้กับ ฮวางฟู่ ห่าวเยว่ ที่มีความเเข็งเเกร่งมากพอที่จะทะลวงเเละผ่านไปได้อย่างง่าย

 

ในที่สุดหลักจากผ่านอุปสรรคมามากมาย ชูเฟิง เเละ ไต้กู๋ ก็มาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของสุสานจักรพรรดิ์ “เเข็งเเกร่งยิ่งนักความเเข็งเเกร่งของประตูของสุสานจักรพรรดิ์นี้ไม่ธรรมดาเลย ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำลายมัน”

 

ห่างออกไป ชูเฟิงเเละไต้กู๋ก็มองเห็นประตูจักรพรรดิ์ที่ยืนอยู่ในเเนวตั้งเเละเรืองเเสงสีทองเเละมีออร่าของความเเข็งเเกร่งปลดปล่อยออกมา

 

ชูเฟิงที่พบเห็นประตูจักรพรรดิ์นี้อีกครั้งเขาค่อนข้างรู้สึกคุ้นเคยเป็นเพราะว่าความอ่อนเเอของเขาในอดีตถึงเเม้เขาจะเเข็งเเกร่งขึ้นมาบางส่วนเเต่ประตูบานนี้ก็ยังคงปลดปล่อยความรู้สึกที่น่าเกรงขามเฉกเช่นเเต่ก่อนไม่มีอะไรที่เขารู้สึกเปลี่ยนไปเลยถึงเเม้เขาจะเเข็งเเกร่งขึ้นก็ตาม “ท่านอาจารย์ของข้าอยู่ตรงนั้น เขาได้ถูกผนึกจากรูปแบบ4ผู้พิทักษ์”

 

พวกเขาสามารถเพียงทำให้ประตูจักรพรรดิ์เหลือบเปิดเพียงนิดหน่อยก่อนที่ชูเฟิงจะโยนสายตาออกไปเเละจ้องมองออกไปอย่างห่างไกลเป็นเพราะเขาเป็นกังวลเกี่ยวกับสภาพปัจจุบันของ ซิวฉานเฟิง

 

รูปแบบการก่อตัวนั้นทรงพลังอย่างมากมันเป็นรูปเเกะสลักของ4สัตว์อสูรที่ดุร้ายมันเป็นสัญลักษณ์ที่ผูกมัด ซิวฉานเฟิง

 

ในขณะนี้เขาได้กำลังหลับลึกภายในการก่อตัวเเห่งนั้น อาจกล่าวได้ว่าเขาได้หลับอย่างค่อนข้างสบายเป็นเพราะอำนาจพลังของเขาถูกผนึกเอาไว้จึงทำให้เขาไม่สามารถตรวจพบชูเฟิงเเละไต้กู๋ ถึงเเม้ว่าพวกเขาจะเข้าใกล้มาเรื่อยๆเเล้วก็ตาม

 

เมื่อพบเขาชูเฟิงก็รีบมองตรวจสอบอย่างรอบคอบ รอบตัว ซิวฉานเฟิง ถึงเเม้ว่าจะผ่านมา 2 ปี ซิวฉานเฟิง ก็ยังอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างดี ผิวของเขาล้วนมีชีวิตชีวามากขึ้น

 

เเต่ที่น่าเศร้าคืออุปสรรคจากรูปแบบสัญลักษณ์ทั้ง 4 ที่ผูกมัดเขา ชูเฟิงไม่สามารถตรวจสอบการเพราะปลูกของ ซิวฉานเฟิงได้ ถึงเเม้ว่าจะมีอำนาจพลังวิญญานที่เเข็งเเกร่ง ก็คงจะเทียบเท่ากับ 4 ปราการคนอื่นๆ เนื่องจาก โย่วหมิงเติง ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับ 4 ราชันย์เเห่งสงคราม ดังนั้นชูเฟิงจึงพอเดาได้ว่า ซิวฉานเฟิงนั้นก็คงอยู่ระดับ 4 ราชนัย์เเห่งสงครามเช่นเดียวกัน “สัญลักษณ์ทั้ง4นี้นั้นค่อนข้างเเข็งเเกร่งอย่างมาก เป็นเพราะส่วนใหญ่นั้นมาจากอำนาจพลังการบ่มเพาะของ ซิวฉานเฟิง มันก็ไม่ได้ยากเกินไปที่จะยกเลิกรูปแบบ เเต่ข้าต้องการเวลาสักหน่อย…..ประมาณ10วัน”

 

ไต้กู๋ตรวจสอบอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับรูปแบบ4สัญลักษณ์อันนี้ “อันที่จริงข้ามีวิธีที่ดีกว่านี้ ข้าเพียงต้องการให้ท่านช่วยเหลือข้าบางอย่าง เพียงเเค่ 24ชั่วโมงเราก็ควรจะยกเลิกรูปแบบนั่นได้”

 

ชูเฟิงกล่าว “24ชั่วโมงงั้นรึ?”

 

ไต้กู่ ผงะออกมาเล็กน้อยเป็นเพราะเขาได้ยินว่ามีคำเเนะนำที่สามารถช่วยได้เร็วกว่าเขาเเววตาเเห่งความสงสัยได้ปรากฏออกมา

 

10วันนี่คือเวลาที่เร็วที่สุดที่เขาคาดการณ์เอาไว้ เเต่ตอนนี้ชูเฟิงได้เกทับเขาไว้ว่าใช้เวลาเพียง 24ชั่วโมงเพียงเท่านั้น ในมุมมองของเขานี่มันเกือบเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

 

ชูเฟิงไม่ได้พูดพร่ามอะไรต่อเกี่ยวกับความสงสัยที่เขาเห็น เขาเพียงเเค่ยื่นนิ้วออกมา 2 นิ้วเเละขยับมือบนผืนอากาศอย่างรวดเร็วไม่นานภาพเรืองเเสงได้สาดส่องออกมาเป็นเส้นเเละอักขระปรากฏกลางอากาศ

 

ตาของไต้กู๋ สว่างในทันทีเมื่อเขามองเห็นภาพวาดนั้นหลังจากช่วงเวลาสั้นๆเขาเพียงยิ้มออกมาเเละกล่าวออกมาในเชิงชื่นชม”

 

ชูเฟิง ข้าคิดไม่ผิดเลยว่า เจ้านั้นเป็นบุคคลที่โดดเด่นจริงๆ เช่นนั้นข้าจะทำตามคำเเนะนำของเจ้าดู”

 

P’Film ////////////////////////////////////////

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments