I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 819 – ลำพังตัวคนเดียว

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

บทที่ 819 – ลำพังตัวคนเดียว

 

อสูรวิญญานอีกตนในร่างกายของชูเฟิงนั้น เต็มไปด้วยจิตอาฆาตและแสนโหดร้าย อีกทั้งยังมีความน่ากลัวอย่างไร้ที่สิ้นสุด หากการบ่มเพาะพลังและร่างของมันไม่ได้ถูกปิดผนึกไว้ในประตู เมื่อมันถูกปลดปล่อยออกมา คงเลี่ยงภัยพิบัติครั้งใหญ่และหายนะไม่พ้นอย่างแน่นอน

 

แต่ถ้าเขาปลดปล่อยมันออกมาไม่เพียงแต่เขานั้นที่จะต้องตายคนอื่นๆและผู้คนที่อยู่ใกล้กับหุบเขาดอกไม้ คงต้องตายอย่างแน่นอน หรือแม้แต่ทะเลภาคตะวันออกแห่งนี้ ก็คงพังพินาศจนไม่เหลือซาก แต่เป็นเพราะชูเฟิงไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น หากไม่ถึงคราวคับขันจริงๆเขาก็ไม่คิดจะปล่อยมันอย่างเด็ดขาด “เจ้าวิตกเกินไปแล้ว เจ้าอยู่กับข้าที่นี้ ไม่จำเป็นต้องงัดไพ่ตายที่ครอบครัวของเจ้าทิ้งไว้ออกมา หากเจ้าไม่เจอหายนะที่เป็นภัยถึงชีวิต”ต้านต้านอดยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อรู้ว่าชูเฟิงกำลังคิดอะไรอยู่”ต้านต้าน เจ้ามีแผนอย่างงั้นหรือ ?”

 

ชูเฟิงถาม “หึ”

 

ต้านต้านยิ้มออกมาพร้อมกล่าวว่า”

 

ข้าจำได้ว่าข้านั้นเคยบอกเจ้าว่าข้าสามารถถ่ายโอนพลังของข้าไปยังเจ้าได้ไม่ใช่รึไง? หลังจากที่เจ้าได้รับอำนาจพลังของข้าแล้วความแข็งแกร่งปัจจุบันของเจ้าสามารถที่จะเอาชนะ ตาแก่ทั้งสองนั้นได้อย่างแน่นอน” “แต่เพราะตอนนี้การบ่มเพาะพลังกายของเจ้านั้นยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับพลังของข้าได้ถึงแม้ข้าจะลดระดับพลังของความรุนแรงลงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่มันก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ร่างกายของเจ้าจะรับพลังนั้นไหวโดยไม่บาดเจ็บสาหัส” “ดังนั้นมันคงจะดีกว่าหากเจ้าเตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพราะหากสติของเจ้ามิอาจคงทนได้ละก็ในภายหลังเจ้าอาจที่จะต้องถึงตายเลยก็เป็นได้ หรืออีกในนึง ถ้าเจ้าไม่สามารถทนผลกระทบได้ เจ้าก็จะต้องตายอย่างแน่นอน”

 

แม้ว่าคำพูดที่กล่าวออกมาของต้านต้านนั้นจะเป็นเสียงที่มีความสุขและอยู่ในอารมณ์ขันแต่เมื่อนางพูดออกมาทุกสิ่งทุกอย่างนั้นคือสิ่งที่ควรกังวลมากที่สุด “ข้านั้นไม่มีทางเลือกนอกจากจะรับผลสิ่งที่ตามมา อันที่จริงข้าก็ชักอยากจะลิ้มลองถึงพลังที่แข็งแกร่งของเจ้าแล้วสิ”

 

ชูเฟิงกล่าวออกมาพร้อมยิ้มในขณะนั้นเขาก็เริ่มที่จะเปิดประตูโลกวิญญานของเขาออกมา “หึ แน่นอนว่ามันเหนือกว่าที่เจ้าจินตนาการไว้เสียอีก”

 

ต้านต้านยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจในทันทีนางก็กระโจนเข้าไปในร่างกายของชูเฟิงทันที

 

*อูซซซซซ* ในทันทีที่ต้านต้านเข้ามาในร่างกายของชูเฟิง กลับปรากฏกลิ่นอายที่น่าโหยหวนและน่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจโผล่ออกมาจากร่างของเขา

 

ในทันทีเปลวเพลิงสีดำที่เริ่มออกมาจากร่างกายของชูเฟิงนั้น มันได้เริ่มที่จะปกคลุมร่างกายของเขา และกลายเป็นอักขระสีดำเหมือนกับว่ามันทำหน้าที่เป็นโล่และเข้าปกคลุมร่างกายของชูเฟิงในทันที

 

หอกมังกรเงินที่อยู่ในมือของชูเฟิงนั้นเริ่มที่จะปกคลุมด้วยรูปแบบอักขระสีดำและความแข็งแกร่งของมันยังคงเพิ่มสูงขึ้น เพียงพริบตาหอกสีเงินก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสีดำทมิฬ

 

แม้หอกมังกรเงินจะถูกล้อมรอบไปด้วยเปลวเพลิงสีดำ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้อำนาจของมันลดทอนลงไปแม้แต่น้อย นำซ้ำเขายังสำผัสได้ถึงกลิ่นอายความแข็งแกร่งที่หอกมังกรเงินปล่อยออกมา ชูเฟิงรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มพูนมากกว่าก่อนหน้านี้ แม้แต่พลังของ โอว เฟิง และ โอว เล่ย ก็ยังดูด้อยไปเลย “เกิดอะไรขึ้นกันแน่! หรือว่าเขาใช้รูปแบบผสานพลังกับอสูรวิญญาณของเขาได้อย่างงั้นหรือ ?”

 

ผู้สังเกตุการณ์ทุกคนนั้นไม่ได้โง่เพียงแค่ความรู้สึกของพวกเขาก็สามารถที่จะบอกได้ว่าเปลวเพลิงสีดำที่ล้อมรอบตัวของชูเฟิงนั้นมากจาก ต้านต้าน “ไอเด็กเหลือขอ ที่จู่ๆออร่าของมันก็แข็งแกร่งขึ้น เป็นได้ว่าเขาอาจจะได้รับอำนาจจากอสูรโลกวิญญานของเขา?”

 

ในความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้สังเกตุการณ์ที่ตกใจแม้แต่ โอว เฟิง และ โอว เล่ย ก็ตกใจเช่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็นร่างกายของชูเฟิงหรือแม้แต่การบ่มเพาะพลังมันก็ไม่สมควรที่จะรองรับอำนาจพลังเพลิงพิเศษของอสูรโลกวิญญานได้ “นี่ตาเฒ่า ทั้งสอง มันจะเป็นอะไรหรือไม่ถ้าข้าอยากใช้พวกเจ้าเป็นเป้าทดสอบพลัง”

 

คำพูดของชูเฟิงนั้นแฝงไปด้วยเจตนาฆ่าฟันในทันทีแววตาของเขานั้นสะท้อนออกมาด้วยความเชื่อมั่นที่ทวีคูณ

 

เพราะชูเฟิงสามารถสัมผัสพลังงานที่แข็งแกร่งของต้านต้านได้ดีมันสามารถบอกได้เลยว่าพลังของต้านต้านนั้นแข็งแกร่งอย่างมากดูเหมือนว่าสำหรับพลังนี้มันไม่ยากเกินไปที่เขาจะใช้มันเอาชนะตาเฒ่าทั้งสองได้ มันเป็นอะไรที่พิเศษมากเกินกว่าที่ชูเฟิงจะจินตนาการได้เสียอีกตอนนี้

 

ถึงแม้ว่าต้านต้านจะจำกัดพลังของนางเอาไว้แต่อย่างน้อยพลังของชูเฟิงที่ได้รับตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาได้เพิ่มพูนขึ้นอย่างน่ากลัว

 

******บูม****** ในทันทีชูเฟิงเริ่มที่จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วการเคลื่อนไหวของเขาราวกับนักฆ่าเสียงและแรงลมดังสนั่นหวั่นไหวราวกับสายฟ้าลั่นทุกคนนั้นสามารถที่จะรับรู้ถึงแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่ออกมาจากร่างกายของชูเฟิงได้ แม้แต่ภายนอกหุบเขาดอกไม้และหุบเขาใกล้เคียงไม่เว้นแม้แต่ผืนดินยังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง “เช่นนั้นพวกข้าก็จะทำในสิ่งที่เจ้าต้องการ! เจ้าคงเบื่อชีวิตแล้วสินะถึงได้คิดที่จะหาเรื่องตายเช่นนี้เช่นนั้นข้าจะช่วยให้เจ้าได้สัมผัสกับนรกเร็วขึ้น”

 

โอว เฟิง และ โอว เล่ย พวกเขาหาได้กลัวชูเฟิงแม้แต่น้อย นำซ้ำพวกเขายังเริ่มโจมในทันที ขณะนั้น ลมพายุกรรโชกอย่างรุนแรง ทั้งนี้ยังมีเสียงฟ้าฝ่าดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว

 

* ฟู้ววววว เปรี้ยงงง ฟู้ววววว เปรี้ยงงงง*

 

ในทันทีเสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วทุกพื้นที่ คลื่นพลังที่แข็งแกร่งถูกส่งออกไปทุกทิศทาง อากาศและผืนดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เพราะในตอนนั้นเปลวเพลิงสีดำที่ปรากฏมันพุ่งทะยานออกไปเขมือบทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า จนทำให้คลื่นระเบิดพลังปะทะที่แข็งแกร่งของทั้งสามพัดกวาดทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆพลันพินาศ ไม่ว่าจะเป็นผืนฟ้า ผืนพสุธาที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ซึ่งการปะทะของทั้งสามนั้นไม่ใช่ว่าจะได้พบเห็นพลังในระดับนี้ได้ง่ายๆ

 

แต่ไม่ว่าการต่อสู้จะรุนแรงแค่ไหน ก็เริ่มที่จะเห็นผลลัพธ์ที่ออกมาได้อย่างชัดเจน หลังจากมองดูการต่อสู้ที่ผ่านมานี้สามารถบอกได้เลยว่า ชูเฟิงที่ได้รับพลังอำนาจของอสูรวิญญานพิภพอสูรฟ้านั้นค่อนข้างแข็งแกร่งและพลังของเขานั้นสามารถที่จะต่อสู้และกำราบ โอว เฟิง และ โอว เล่ย

 

ด้วยพลังโจมตีที่รุนแรงของต้านต้าน สามารถทำลายการโจมตีของผู้เฒ่าทั้งสอง นำซ้ำยังซัดพวกเขากระเด็นกลับไป “บัดซบ!!!”

 

ใบหน้าของพวกเขาเริ่มบิดเบี้ยว ถึงแม้ว่าใบหน้าของเขาจะเป็นมนุษย์ แต่ใบหน้าตอนนั้นของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและความอัปยศ ทำให้หน้าตาของพวกเขาดูอัปลักษณ์เป็นอย่างมากเพราะไม่รู้จะทำหน้าโกรธหรือกลัว เหมือนกับอยากยิ้มขณะที่อยากร้อง

 

พวกเขาฝึกฝน รูปแบบสังหาร วายุ อัศนี มาเป็นเวลาหลายปี นำซ้ำพวกเขายังต้องแลกด้วยชีวิตในการเปิดใช้งาน แต่ปัจจุบันผลรับมันกลับออกมาเป็นเช่นนี้ มันจึงทำให้พวกเขาทำใจยอมรับไม่ได้!”คนตระกูลจื่อ ทั้งหมดจงฟัง! พวกเจ้าทั้งหมดรีบถ่ายโอนพลังของพวกเจ้าลงมาในรูปแบบสังหารนี้ มันจะช่วยทำให้พวกเราทั้งสองสามารถกำจัดไอเด็กเหลือขอนี้ได้ ถ้ารูปแบบฯของพวกเราล้มเหลว พวกเจ้าอย่าได้คิดเลยว่าจะมีที่ซุกหัวนอน”

 

ผู้เฒ่า ทั้งสองตะโกนมาอย่างรวดเร็ว เพื่อขอความร่วมมือจากคนตระกูลจื่อ “นี่มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ย ? ผู้เฒ่า เฟิง ผู้เฒ่า เล่ย ไม่สามารถจัดการเขาได้? ขนาดพวกเขาท่วมสุดชีวิต ก็ยังไม่สามารถที่จะเอาชนะชูเฟิงได้อย่างงั้นหรือ”

 

พวกเขาต่างรู้ว่าโอว เฟิง และโอว เล่ย ไม่ได้อ่อนแอเลยแม้แต่น้อย ทุกคนจึงรู้สึกตกใจอย่างมากเมื่อได้ยินคำร้องขอช่วยเหลือจากทั้งสอง เพราะมันสามารถบอกได้อีกนัยนึงว่าพวกเขานั้นไม่สามารถที่จะต่อกรกับชูเฟิงได้ ความแข็งแกร่งของชูเฟิงตอนนี้สามารถบอกได้เลยว่า เขานั้นคืออัจฉริยะ ของทะเลภาคตะวันออกอย่างแน่นอน “คนตระกูลจื่อทั้งหมดลงมือได้ หากใครที่มันไม่ปฏิบัติตามคำสั่งพวกเราจะต้องทุกกำจัด!!!”

 

ในเวลานั้นผู้นำตระกูลจื่อ ถึงกับพูดไม่พูด สุดท้ายเขาก็ต้องออกคำสั่งให้ความร่วมมืออย่างรวดเร็ว เพราะเขารู้ผลร้ายแรงที่ตามมา เนื่องจากเขาทราบว่าพลังของชูเฟิงนั้นน่ากลัวเพียงใด นำซ้ำเขายังไม่มีทางเลือกอื่น แม้แต่ตัวเขายังต้องจำเสี่ยงชีวิตและสู้ไปพร้อมๆกับผู้เฒ่าทั้งสอง มิเช่นนั้นสิ่งที่รอพวกเขาอยู่ มีแต่ความตายเพียงสถานเดียว

 

*ฮึ่ม ฮึ่ม ฮึ่ม ฮึ่ม* หลังจากที่ผู้นำตระกูลจื่อ ออกคำสั่ง แน่นอนว่าคนตระกูลจื่อนั้นไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งพวกเขาทั้งหมดเริ่มที่จะทำการถ่ายโอนพลังของพวกเขา เข้าไปในรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณ

 

เมื่อพลังถูกส่งเข้ามาในรูปแบบสังหาร วายุ อัสนี ของผู้เฒ่า เฟิง และ ผู้เฒ่า เล่ย มันก็เริ่มทรงพลังขึ้นอย่างมาก และเมื่อพวกเขาเริ่มโจมตีอีกครั้ง พลังของมันก็แหวกอากาศให้กระจุยออกไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่เปลวเพลิงสีดำของชูเฟิงยังถูกซัดจนถอยล้นกลับไป “ฮ่า ๆ ไอ้เด็กเหลือขอ! ลำพังแค่เจ้าเพียงคนเดียว ริจะมาต่อกรพวกเราที่มีตระกูลจื่อคอยช่วยเหลือ เด๋วลองมาดูกันสิว่า เจ้าจะมีปัญญาเอาชนะพวกเราทั้งสองอย่างไร!”

 

หลังจากที่ความแข็งแกร่งของทั้งสองเพิ่มขึ้น ผู้เฒ่า เฟิง และ ผู้เฒ่า เล่ย เริ่มที่จะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เพราะว่าพวกเขาพบว่าพลังในตอนนี้เหนือกว่าพลังของชูเฟิง ฉะนั้นเขาจึงคิดว่าชูเฟิงจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน “หึ!!!”

 

แต่ในเวลานั้น จู่ๆชูเฟิงก็เยาะเย้ยกลับไปด้วยสายตาสีแดงก่ำ เขาจ้องมองและตอบกลับไปอย่างเย็นชา”

 

เจ้าแน่ใจหรอ! ว่าข้าต่อสู้เพียงลำพังโดยไร้การช่วยเหลือจากผู้อื่น” “เจ้า…!!!”

 

หลังจากที่ได้ยินคำกล่าวของชูเฟิง ทั้งคู่รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่เสียดแทงเข้าไปในกระดูก ร่างกายของพวกเขาเริ่มสั่นสะท้าน ด้วยความหวาดกลัวที่สุดแสนจะพรรณนา พวกเขาเริ่มเกิดความกังวลที่คลุมเครือจนทำให้เหงื่อที่เย็นเฉียบไหลผ่านไปทั่วร่าง

 

ReaDMGA ////////////////////////////////////////

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments