ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 910 – ยอดยุทธภัณฑ์ราชวงค์ – แพรขาว
ในตอนนั้น เสียงนกร้องดังออกมาหยุดหย่อน เสียงลองนั้นน่ากลัวอย่างมาก มันทำให้ผู้คนที่ได้ยินหนาวถึงกระดูกสันหลัง
เมื่อนกนั่นบินผ่านกองทัพไป คนในกองทัพก็ล้มลงตายและมีเลือดพุ่งออกมาเป็นจำนวนมาก “บัดซบ ทักษะต้องห้ามนี่ช่างแข็งแกร่งยิ่งนักพวกเราไม่สามารถต้านมันได้ ท่านบรรพชน พวกเราทำอย่างไรดี”
ในตอนน้นมู่หรง เนี่ยคง ขมวดคิ้วแน่น แม้ว่าเขาอยู่ในระดับ 5 ราชันย์สงคราม แต่ก็ไม่อาจเทียบกับท่านหญิงเพียวเมียวได้
ความจริงแล้วไม่เพียงแค่เขาแม้แต่มู่หรง หมิงเทียนก็มิอาจหยุดนกเหล่านั้นได้ ดังนั้นในตอนนี้กองทัพของพวกเขาจึงตกอยู่ในความโกลาหลมาก “หากจับโจรต้องจับหัวหน้าก่อน พวกเจ้าไม่เข้าใจแม้กระทั่งเรื่องง่ายๆหรือ”
เจียง ฉีชาพูดขึ้น
ในตอนนั้น ในมือของเขาก็ปิดหนังสือโบราณเล่มหนาจากนั้นเขาก็เอารูปแบบวิญญาณออก และมองมาที่มู่หรง หมิงเทียนและคนอื่นๆด้วยรอยยิ้ม “เจียง ฉีซา เจ้าตั้งใจปล่อยให้นางหนีจริงๆอย่างนั้นหรือ”
มู่หรง หมิงเทียนพูดขึ้น
รูปแบบฯเครื่องรางองค์รักษ์ ของเขานั้นสามารถหลบ รูปแบบกระบี่นิรันดร์ และ สามารถโจมตีรูปแบบป้องกันได้ แต่มันก็ไม่สามารถหยุดการโจมตีของท่านหญิงเพียวเมียวได้ มันไม่ควรพังทลายอย่างรวดเร็วดังนั้นเขาจึงรู้ว่าเจียง ฉีซา ต้องการปล่อยท่านหญิงเพียวเมียวไป “ข้าก็แค่ทำหน้าที่ของข้าที่ทะลวงและเปิดรูปแบบเท่านี้เท่านั้น ข้าไม่เคยบอกว่าจะช่วยเจ้าสู้กับยายแก่”
เจียง ฉีซา ยิ้มและพูดขึ้นจากนั้นเขาก็นำหนังสือโบราณออกมา “โห้ อย่าคิดนะหากไม่มีเจ้าพวกเรานั้นไม่สามารถทำอะไรได้”
มู่หรง หมิงเทียนยิ้ม จากนั้นก็บินตามทางที่ ท่านหญิงเพียวเมียวบินผ่านไป
มู่หรง หมิงเทียน นั้นเริ่มเคลื่อนไหวทันที เขาพลิกฝ่ามือขึ้นจากนั้นก็มีดาบสีฟ้า ยาวประมาน 3 ฟุต ปรากฏขึ้นบนมือของเขา.
ดาบสีฟ้านั้นดูเรียบง่ายมาก แต่กลิ่นอายของมันนั้นไม่ใช่เช่นนั้น แรงกดดันของมันสั่นสะเทือนได้แม้กระทั่งท้องฟ้า เห็นได้ชัดว่ามันเป็น ยุทธภัณฑ์ระดับราชวงศ์ “เพลงดาบลวงตา!”
*ตูม*
เมื่อยุทธภัณฑ์ถูกหยิบออกมา มู่หรง หมิงเทียนก็เริ่มโจมตีทันที เป้าหมายของเขานั้นคือท่านหญิงเพียวเมียว แสงสีขาวนั้นถูกฟาดออกมาจากดาบของเขาและกลายเป็นดาบแสงพุ่งตรงไปยัง ท่านหญิงเพียวเมียว
แม้ว่าทั้ง 2 จะเป็นทักษะต้องห้ามระดับบาดาล แต่เห็นได้ชัดว่าทักษะของ มู่หรง หมิงเทียน แข็งแกร่งกว่า
อย่างแรกคือ เขาใช้มันโดยมีเป้าหมายเดียวเท่านั้น หมายความว่าทักษะของเขามีความรุนแรงและความแม่นยำอย่างมาก นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงพลังของยุทธภัณฑ์ระดับราชวงศ์ที่ถูกเพิ่มเข้าไปอีก
ยุทธภัณฑ์ระดับราชวงศ์ถูกสร้างโดยผู้เชี่ยวชาญระดับราชันย์สงคราม และเมื่ออยู่ในมือพวกเขามันก็จะถูกดึงพลังออกมา จึงเป็นที่กล่าวว่า ยุทธภัณฑ์ระดับราชวงศ์เหมาะสำหรับ ผู้เชี่ยวชาญระดับราชันย์สงครามเท่านั้น พวกเขาสามารถทำลายได้ทุกอย่าง ทักษะนั้นไม่อาจเทียบกับพลังที่มาจากยุทธภัณฑ์ระดับราชวงศ์ได้
อย่างไรก็ตามหลังจากมู่หรง หมิงเทียนหยิบยุทธภัณฑ์ระดับราชวงศ์ออกมา เขาก็ใช้ทักษะต้องห้ามระดับบาดาลซ้ำก็ไปนั่นเป้นเหตุให้พลังของเขาเหนือกว่า ท่านหญิงเพียวเมียวอย่างมาก “มู่หรง หมิงเทียน เจ้ามันเนรคุณฆ่าบรรพบุรุษของตนเอง และยังทรยศสถานที่ที่เจ้าได้โตมา และวันนี้เจ้าก็ได้นำทัพมาโจมตีหุบเขาสายหมอก บาปที่เจ้าได้ทำไปทั้งหมดนั้นหนายิ่งนัก วันนี้ข้าจะแก้แค้นให้ศิษย์พี่และศิษย์น้องของข้า และฆ่าเจ้าที่กลายเป็นบ้าไปแล้ว.”
เมื่อเห็นมู่หรง หมิงเทียนโจมตี ท่านหญิงเพียวเมียวไม่ได้เกรงกลัว นางสะบัดแขนออกนางและนั่นก็มีผ้าไหมสีขาวพุ่งออกมาจากแขนของนาง
เมื่อมันปรากฏขึ้น มันก็ขยายตัวอย่างรวดเร็วดูอสรพิษ ทีพุ่งทะยานบนท้องฟ้า ล้มรอบทักษะต้องห้ามของมู่หรง หมิงเทียนไว้.
นั่นสร้างความตกใจให้ฝูนชนอย่างมาก แต่ที่น่าตกใจที่สุดคือ หลังจากนั้นผ้าไหมสีขาวก็หดตัวลง และหลังจากนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังตู้ม มันทำลายวิชาดาบลวงตาไป “เป็นไปได้อย่างไร เพลงดาบลวงตาของ ท่านบรรพรชนนั้นอยู่ในระดับสูงสุดแล้วสามารถตัดได้ทุกอย่างทำไมมันถึงทุกทำลายได้ง่ายเพียงนี้”
มู่หรง ซุนสับสนอย่างมาก “นั่นไม่ใช่ ผ้าไหมธรรมดาแต่มันคือ ยุทธภัณฑ์ระดับราชวงศ์อย่างไรก็ตามท่านหญิงเพียวเมียวตั้งใจจะซ่อนยุทธภัณฑ์ระดับราชวงศ์เอาไว้ ในตอนนี้นั้นระดับพลังของนางได้เพิ่มมากทีเดียว”
มู่หรง เนี่ยคงอธิบาย “แต่ ถึงแม้ว่ามั่นจะเป็นยุทธภัณฑ์ระดับราชวงศ์มันก็ไม่ควรทำลายเพลงดาบลวงตาได้ง่ายดายเพียงนี้ อย่างไรก็ตามนั่นก็เป็นพลังที่ท่านบรรพชนใช้ในขณะถือยุทธภัณฑ์ระดับราชวงศ์เช่นกัน!”
มู่หรง ซุนพูดขึ้น “นี่มัน…”
มู่หรง เนี่ยคงถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยิน “คำถามโง่ๆ”
ในตอนนั้น เจียง ฉีซาก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มของเขานั้นเต็มไปด้วยการดูถูกและเหยียดหยาม “เจ้าพูดอะไรนะ”
มู่หรง ซุนไม่พอใจอย่างมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ทั้ง 2 นั้นถือยุทธภัณฑ์ระดับราชวงศ์เช่นเดียวกันแต่นางสามารถเอาชนะพลังของบรรพชนของเจ้าได้เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่หมายความว่าอย่างไร”
“หมายความว่ายายแก่นั่น แข็งแกร่งกว่าบรรพชนของเจ้า และในตอนนี้นั้น เขาก็ตกอยู่ในอันตรายเพราะเขานั้นอ่อนแอกว่ายายแก่นั่นมาก”
เจียง ฉีซาพูดขึ้น “สามหาว บรรพชนของข้า ฝึกมาเกือบพันปี เขานั้นแข็งแกร่งมาก และแม้แต่ระดับ 7 ราชันย์สงครามก็ไม่อาจเอาชนะเขาได้ เขาจะแพ้ท่านหญิงเพียวเมียวได้อย่างไร”
มู่หรง ซุน พูดขึ้นด้วยความโกรธ เขายอมรับคำพูดของเจียง ฉีซาไม่ได้ “เจ้ามาขึ้นเสียงกับข้า บรรพชนของเจ้าไม่ได้บอกหรือไง”
ในตอนนั้นท่าทางของเจียง ฉีซา ก็ไม่ได้เปลี่ยนไป แต่มีจิตสังหารปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
*ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ* หลังจากเห็นเช่นนั้น มู่หรง ซุนก็ถอยหลังไปหลายก้าว และเกือบก้าวพลาดร่วงลงไป “ซุนเอ๋อ อย่าเสียมารยาท”
มู่หรง เนี่ยคง พูดขึ้นจากนั้นเขาก็รีบพูดอีกว่า”
รีบขอโทษ ท่านเจียง ฉีซาเร็วเข้า”
ฝูงชนนั้นตกใจอย่างมากเมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมประมุขของหมู่เกาะประหาร ที่มีพลังระดับ 5 ราชันย์สงครามถึงได้กลัวเจียง ฉีซา
มู่หรง ซุน ที่โกรธในก่อนหน้านี้ก็หยุดลง จากนั้นก็ประสานมือพูดขึ้นว่า “ข้าต้องขอโทษด้วยที่เสียมารยาทกับท่าน”
เขาไม่กล้าปฏิเสธที่จะไม่ขอโทษเพราะเห็นได้ชัดว่าในสายตาเจียง ฉีซานั้นเอาจริง
เขานั้นน่าเกรงกลัวอย่างมาก และน่าเกรงกลัวที่สุดที่มู่หรงซุนเคยพบว่า แม้แต่มู่หรง ซุน ที่ยโสและดิบเถื่อนก็ไม่กล้าที่จะหืออือกับเขา แม้ว่าเจียง ฉีซาจะเด็กกว่าเขา แต่มู่หรง ซุนก็ไม่มีทางเลือกเพราะอีกฝ่ายนั้นมาจากดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์
ReaDMGA ////////////////////////////////////////
A : เจียง ฉีซา นี้แม่งจะแน่สักแค่ไหนกันเชียวว่ะ แค่เป็นสวะของดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์ ทำมาเป็นกร่าง ตระกูลพี่เฟิง เป็นถึงประมุขผู้ปกครองดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์ยังไม่คุยเลย
C : อย่าไปเชื่อ มันหลอกจับนม!!!
B : ใช่ๆ!!! มันมั่ว อย่าไปฟัง!!!