บทที่ 852 – สรวงสวรรค์
 
 
 
“บ้าเอ้ย! ต้านต้านหนีเร็ว” 
 
 
 
ผิวของชูเฟิงเริ่มเกิดการเปลี่ยนเเปลงเมื่อเขารู้สึกถึงกลิ่นอายที่เเข็งเเกร่งที่มีผลกระทบต่อเขา เขารีบเปิดประตูโลกวิญญานออกในทันทีเเละรีบเรียกบอกให้ต้านต้านกลับมา เพื่อเตรียมพร้อมที่จะหลบหนีในทันที “หึ ถือว่าวันนี้เป็นโชคดีของเจ้า”
 
 
 
ต้านต้านเเค่นเสียงอย่างเย็นชา นางรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่เเข็งเเกร่ง นางรีบปล่อยประมุขนิกายดาบศิลา ทันทีเเละเริ่มก้าวเข้าสู่ประตูโลกวิญญานของนางเอง “ฮ่าส์” 
 
 
 
ชูเฟิงระเบิดตระโกนออกมาพร้อมกับยอดยุทธภัณฑ์ชั้นราชวงศ์เพื่อเพิ่มพลังเตรียมพร้อมที่จะหลบหนี ผู้เชี่ยวชาญระดับ ราชันย์เเห่งสงคราม “ส่งยอดยุทธภัณฑ์ชั้นราชวงศ์คืนมาให้ข้าซะบางทีข้าอาจจะคิดเกี่ยวกับชีวิตน้อยๆของเจ้าอีกครั้ง”
 
 
 
เสียงนั้นเริ่มดังออกมาเเละเขาเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที “เจ้าเป็นใคร?”
 
 
 
ชูเฟิงถามออกมาพร้อมกับถือยุทธภัณฑ์ชั้นราชวงศ์ของเขาในมือเพื่อพลังของเขาเตรียมหนี “ข้าคือนิรันด์ที่ 3 ของหมู่เกาะประหาร”
 
 
 
เสียงนั้นเริ่มที่จะดังขึ้นอีกครั้งเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นดั่งราวกับว่าเขาไม่เห็นชูเฟิงอยู่ในสายตา “เจ้ามาจากหมู่เกาะประหาร เเละ เจ้ามาเพื่อต้องการที่จะเอายอดยุทธภัณฑ์ชั้นราชวงศ์นี้คืน ? นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าว่ามีปัญญาจะเอามันไปจากข้ารึไม่” 
 
 
 
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขารู้ว่ามันเป็นใครชูเฟิงเเค่นเสียงอย่างเย็นชาก่อนที่จะงอเข่าเล็กน้อยเเละใส่เเรงไปในขาของเขา 
 
 
 
****โฮ่้กกกก**** หลังจากนั้นชูเฟิงงัดทักษะ มังกรฟ้าทะยาน พร้อมกับพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วจนมองเห็นเป็นเส้นแสง ตรงไปยังทิศทางของประตูวิหารเพลิงผลาญสวรรค์ 
 
 
 
เพื่อที่จะหลบหนีจากเเรงกดดันของผู้เชี่ยวชาญระดับ ราชันย์เเห่งสงคราม 
 
 
 
ชูเฟิงเริ่มที่จะใช้ความเเข็งเเกร่งทั้งหมดของเขาเข้าไปในทักษะ เพื่อหลบหนีนิรันด์ที่ 3 ของหมู่เกาะประหาร นั่นคือทางเลือกที่ดีที่สุดของเขาตอนนี้ 
 
 
 
ตอนนี้ชูเฟิงเข้าใจเเล้วว่า ไม่ควรดูถูกหมู่เกาะประหารมากเกินไป เพราะยังมีคนที่เเข็งเเกร่งอยู่อีกมากมาย เช่น นิรันด์ ที่3 ชูเฟิงรู้ว่าเขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญระดับ 2 ราชันเเห่งสงคราม ธรรมดาๆ เเต่เขายังมีทักษะอำนาจพลังวิญญานที่เเข็งเเกร่งเช่นเดียวกัน 
 
 
 
แม้กระทั่งในหมู่ผู้เชื่อมต่อชุดคลุมสีทองนั้น ทักษะในการสร้างอำนาจพลังวิญญานของเขานั้นได้รับการพิสูจน์เเล้วว่าลึกล้ำเพียงใด ดังนั้นเขาจึงมีชื่อเสียงในทะเลภาคตะวันออก 
 
 
 
เเละตอนนี้บุคคลที่เขากล่าวถึงก็อยู่ที่เบื้องหน้าของเขา ชูเฟิงรู้สึกได้ถึงเเรงกดดันที่มหาศาล เขาไม่มีทางเลือกอื่นๆ ที่จะช่วยรักษาชีวิตของเขา เขาจึงพยายามหนีไปให้เร็วที่สุด เพื่อเข้าไปซ่อนในวิหารเพลิงผลาญสวรรค์ 
 
 
 
เขาเพียงหวังอย่างเดียวว่าที่นั่นจะมีสถานที่ซ่อนตัวเเละเขาก็จะสามารถรอดพ้นเงื้อมมือของนิรันดร์ที่สามของหมู่เกาะประหารได้ 
 
 
 
สำหรับ ฉิวชุ่ย ฟู่หยาน ชูเฟิงไม่ได้คาดหวังว่าจะได้พบกับนาง เพราะ อย่างแรก เขาเองก็ไม่สามารถที่จะยืนยันได้ ว่านางจะอยู่ภายในนั้นหรือไม่ 
 
 
 
อย่างที่สองชูเฟิงรู้ว่า ฉิวชุ่ย ฟู่หยาน นี้มีการบ่มเพาะพลังระดับ ราชันเเห่งสงคราม เเต่มันก็เป็นเพียงเเค่ระดับ 1 ราชันย์เเห่งสงคราม ดังนั้นถึงเเม้นางจะอยู่ เเต่ถ้านางไม่มีเทคนิคพิเศษบางอย่างเพื่อเพิ่มพลังวิญญาณ นางก็คงจะหมดหวังที่จะชนะนิรันด์ที่3ของหมู่เกาะประหาร 
 
 
 
การต่อสู้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญ ราชันย์เเห่งสงคราม กับ ผู้เชี่ยวชาญจ้าวเเห่งสงคราม นั้นมีความเเตกต่างอย่างเห็นได้ชัดระหว่างทั้ง 2 อาณาจักร การที่ผู้เชี่ยวชาญในระดับ จ้าวแห่งสงครามที่จะเอาชนะราชันย์แห่งสงครามได้เขาต้องเป็นอัจฉริยะที่เหนือกว่าอัจฉริยะ ถึงจะมีโอกาสเป็นไปได้ 
 
 
 
สำหรับความเเตกต่างของทั้งสองนั้น ระดับราชันย์เเห่งสงคราม เป็นความจริงที่ว่าพวกเขานั้นเเข็งเเกร่ง แต่ก็มีจำนวนน้อยมาก ถ้าเกิดว่ามีคนที่สามารถชนะพวกเขาโดยที่มีอาณาจักรพลังน้อยกว่า อย่างน้อยๆในทะเลภาคตะวันออกยังไม่เคยปรากฏคนเช่นนั้นมาก่อน 
 
 
 
ระยะห่างระหว่างความเเข็งเเกร่งของผู้เชี่ยวชาญขั้น ราชันย์เเห่งสงคราม มีขนาดใหญ่อย่างมากไม่ว่าพวกเขาจะมีเทคนิคที่เเข็งเเกร่งเพียงใดก็ไม่สามารถที่จะทำให้พวกเขาที่อยู่ระดับเหนือกว่าพ่ายเเพ้ได้ 
 
 
 
ตอนนี้ตัวเลือกเดียวของชูเฟิงคือหลบหนีเเละหลบหนีด้วยกำลังทั้งหมดของเขา เพื่อให้พ้นจากเงื่อมมือของนิรันดร์ที่ 3 
 
 
 
***** วู๊ช***** หลังจากที่ชูเฟิงหนีออกไปได้ไม่นาน ก็มีคนปรากฏ เขากำลังหยุดยืนอยู่ข้างกายของประมุขนิกายดาบศิลา 
 
 
 
เขาเป็นชายชราผมสีทองและเขาก็กำลังถือเข็มทิศโลกวิญญานอยู่ในมือ เเละออร่าที่หุ้มร่างกายของเขานั้นเป็นสีทองและยังสวมเสื้อคลุมหลวมๆ ใต้ชายเสื้อคลุมของเขามีชุดของหมู่เกาะประหารอยุ่ด้านใน 
 
 
 
บุคคลนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนิรันด์ที่ 3 ของหมู่เกาะประหาร คนที่มีเทคนิคอำนาจพลังวิญญานเหนือกว่าผู้ใด ในหมู่เกาะประหาร “ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่กระจอกอย่างที่ข้าคิด แม้ข้าจะอยู่ไกล แต่มันก็ไม่ไกลเกินไปที่จะปลดปล่อยเเรงกดดันพุ่งอัดใส่ ไม่นึกเลยว่าผู้ที่อยู่ในระดับจ้าวแห่งสงคราม จะสามารถทำได้ขนาดนี้”
 
 
 
นิรันด์ที่ 3 ที่พึ่งเข้ามาถึงที่ตรงนี้ ค่อยๆมองดูไปยังทิศทางที่ชูเฟิงหายลับไป เขายิ้มออกมาเบาๆแต่ก็ไม่ได้ตามเข้าไปในทันที เขาพลิกฝ่ามือของเขาเเละเอาเม็ดยาหลายสีที่เเตกต่างกันออกมาเเละโยนมันเข้าไปในปากของประมุขนิกายดาบศิลา 
 
 
 
หลังจากนั้นเขาก็นั่งไขว้ห้าพร้อมกับแผ่อำนาจพลังวิญญานสีทองออกมา ภายใต้การควบคุมของเขามันเป็นรูปแบบอำนาจที่้เเข็งเเกร่งเข้าห่อหุ้มร่างกายของประมุขนิกายดาบศิลา 
 
 
 
มันเป็นรูปแบบอำนาจในการรักษาที่แสนจะซับซ้อน และลึกซึ้ง ซึ่งไม่ใช่อะไรที่ผู้เชื่อมต่อชุดทองปกติจะสามารถทำได้ เขาได้ทำสิ่งที่คาดไม่ถึงคือการช่วยรักษาประมุขนิกายดาบศิลา “อืมม—” 
 
 
 
ในตอนเเรกประมุขนิกายดาบศิลานั้นคิดว่าตัวเขาต้องตายอย่างเเน่นอน เเต่หลังจากอำนาจพลังวิญญานเข้าห่อหุ้มร่างกายของเขา ความเจ็บปวดที่สุดจะพรรณาเเละยากที่จะต้านทานก็บรรเทาลงไป 
 
 
 
เขารู้สึกว่าชีวิตของเขาได้ถูกใครบางคนช่วยไว้ ในขณะนั้นสายตาของเขาก็ได้มองไปที่นิรันด์ที่ 3 ของหมู่เกาะประหาร ภายในดวงตาของเขามันเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง จากนั้นเขาก็คร่ำครวญออกมาเบาๆว่า แต้งกิ้ว “ทำไมมันไม่ไล่ตามข้ามา?!” 
 
 
 
ชูเฟิงรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติเป็นเพราะนิรันดร์ที่สามของหมู่เกาะประหารไม่ได้ไล่ตามเขา 
 
 
 
เเต่ยังไงชูเฟิงก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจ เขายังคงพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จนเข้ามาถึงจุดสิ้นสุด 
 
 
 
เขาได้พบกับบ่อน้ำในถ้ำ ซึ่งบ่อน้ำนั้นไม่ได้ถูกเเช่เเข็ง ถึงเเม้จะอยู่ในฤดูหนาว ชูเฟิงรู้ว่าเขาได้เดินทางมาถึงทางเข้าที่เเท้จริงของวิหารเพลิงผลาญสวรรค์ 
 
 
 
เส้นทางนี้เป็นเส้นทางเดียวให้เลือก ดังนั้นเขาจึงไม่มีความลังเลเเม้เเต่น้อย วินาทีนั้นเขากระโจนดำดิ่งลงไปในบ่อนั้น 
 
 
 
ชูเฟิงยังคงดำลึกต่อไปอย่างรวดเร็ว หลังจากดำน้ำมานาน จนเขาไม่รู้ว่าตัวเองใช้เวลาไปเท่าไหร่ 
 
 
 
เมื่อชูเฟิงกระโจนออกมาจากน้ำเขาก็ต้องพบกับโลกที่เเตกต่าง ขณะนั้นดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ 
 
 
 
ท้องฟ้าเหนือหัวของเขาไม่ได้ดูมืดครึ้มเเต่กลับมีเมฆสีขาวเเละผืนนภาสีครามอยู่ นำซ้ำยังมีแสงเเดดสดใสสาดส่องลงมา เขามองเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในทันที 
 
 
 
เมื่อเทียบกับข้างนอกที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งและหิมะที่โหมกระหน่ำ ในที่เเห่งนี้เขากับได้พบทัศนียภาพที่สดใสงดงามของฤดูใบไม้ผลิในวิหารเพลิงผลาญสวรรค์ 
 
 
 
ไม่ว่าหุบเขาสูงชันจากระยะไกลห่างตาหรือทุ่งหญ้าใต้ฝ่าเท้าของเขา ทุกอย่างล้วนแต่เขียวชอุ่มไปด้วยพืชพรรณ ดอกไม้นานาพันธุ์เเละพืชสมุนไพร ที่เจริญเติบโตในพื้นที่เเห่งนี้ 
 
 
 
มันได้ส่งกลิ่นที่หอมตราตรึงจมูกของชูเฟิงในทันที เขาไม่คิดว่าจะมีโลกเช่นนี้ภายใต้ฤดูหนาว มันอาจจะกล่าวว่าเป็นเเดนเเห่งสรวงสวรรค์โดยเเท้จริง 
 
 
 
*****วู๊ช***** เเม้ว่าเขาจะตกตะลึงกับทิวทัศน์แต่เขาก็ไม่มีเวลาพอที่จะหยุดชื่นชมมัน เขาก็ยังคงหลบหนีอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่รู้ว่านิรันด์ที่ 3 จะตามเขาทันเมื่อไหร่ ดังนั้นเขาจึงรีบหลบหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ 
 
 
 
***** ตึง ***** เช่นเดียวกันที่เเห่งนี้นั้นบุคคลสองคนได้เดินทางมาถึงภายในถ้ำน้ำเเข็ง ผ่าน รูปแบบน้ำแข็งสังหารเข้ามา 
 
 
 
พวกเขาคือนิรันด์ที่ 3 ของหมู่เกาะประหารและประมุขนิกายดาบศิลา 
 
 
 
ในขณะนั้นผิวของประมุขนิกายดาบศิลาเป็นสีซีดขาว เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้เขาดูดีขึ้นมากกว่าเดิมไม่เพียงเเต่กลิ่นอายของเขาที่อ่อนเเอ ตัวของเขาได้รับการเปลี่ยนเเปลง ราวกับว่าเขาจะสามารถตายได้ทุกเมื่อ 
 
 
 
แม้แต่กรามล่างของเขาก็ได้รับการเยียวยาร่างกายและบาดแผลที่ได้รับต่างก็หายไปจากร่าง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะการรักษาของนิรันดร์ที่ “เจ้า ชูเฟิง จริงๆแล้วมันไม่ธรรมดาเลย ข้าเข้ามาในรูปแบบน้ำแข็งสังหารตั้งหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยพบทางเข้า””ถ้าข้าไม่ตามเจ้าหนู ชูเฟิง มา บางทีข้าอาจจะไม่มีวันได้พบกับสถานที่แห่งนี้!!! เจ้าเด็กคนจะต้องมีความเข้าใจด้านทักษะอำนาจพลังวิญญาณที่สูงส่ง ข้าต้องจับมันมาเป็นๆ มิเช่นนั้นข้าจะไม่มีวันรู้ถึงความสามารถที่ยอดเยี่ยมของเขา”
 
 
 
เมื่อมองไปยังประตูทางเข้า มุมปากของนิรันดร์ที่ 3 ก็ยกขึ้น ปรากฏเป็นรอยยิ้่มที่แสนประหลาด 
 
 
 
P.Film////////////////////////////////////////