ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 873 – พี่ชายที่เเสนดี
เมื่อพวกเขาทั้งสองเข้ามาใกล้ตัวเขา ชูเฟิงก็สัมผัสได้ว่าการบ่มเพาะพลังของ เจียงหวู่ชาง เเละ จางเทียนยี่ได้เพิ่มขึ้นถึงระดับ 9 อาณาจักรสวรรค์
อันที่จริงก่อนจะปรับเเต่ง วัตถุศักดิ์สิทธิ์ การบ่มเพาะพลังของเขาก็อยู่ที่ระดับ 9 อาณาจักรสวรรค์ เเละสิ่งที่คนทั้งหมดได้เห็นว่าเขาอยู่ระดับ 3 เจ้าเเห่งสงครามนั้น เป็นเพราะชูเฟิงได้ใช้อำนาจพิเศษของสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ช่วยยกการบ่มเพาะระดับพลังให้อยู่ระดับ 3 เจ้าเเห่งสงคราม ดังนั้นการบ่มเพาะพลังที่เขาเผยให้เห็นตอนนั้นก็เป็นเพียงเเค่ภาพลวงตาเท่านั้น
เจียงหวู่ชาง เเละ จางเทียนยี่ คิดว่าตราบใดที่พวกเขาเข้ามาอยู่ในระดับ9อาณาจักรสวรรค์พวกเขาก็จะไล่ตามชูเฟิงจนทันได้
อย่างไรก็ตามหลังจากชูเฟิงกลั่นวัตถุศักดิ์สิทธ์ ก็มีการเปลี่ยนเเปลงครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้นกับเขา สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ 4 สายก็ไม่ใช่เพียงเเค่อำนาจภายนอกเพียงเท่านั้นเเต่ตอนนี้มันได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับชูเฟิงทำให้การบ่มเพาะพลังที่เเท้จริงของเขาไม่ใช่ ระดับ 9 อาณาจักรสวรรค์อีกต่อไปเเต่เป็นระดับ 5 เจ้าเเห่งสงคราม “สวรรค์! เจ้า… เจ้าเเข็งเเกร่งเกินไปเเล้ว?มันเป็นความจริงที่ว่าเจ้ามีการบ่มเพาะพลังอยู่ในระดับ 5 เจ้าแห่งสงครามเเละเจ้ายังไม่ได้ใช้อำนาจสายฟ้าของเจ้า! เจ้า… เจ้า… เจ้า…””เจ้าทำให้พวกข้า ประหลาดใจอีกแล้ว ?!”
ทันใดนั้น จางเทียนยี่ เเละ เจียงหวู่ชาง ก็ตะโกนออกมาในเวลาเดียวกัน พวกเขามองไปที่ดวงตาของชูเฟิงเป็นเวลานานเเละพบว่าไม่มีอำนาจพิเศษที่คอยช่วยเหลือเหมือนก่อนหน้านี้ดังนั้นพวกเขาได้รับการยืนยันเเล้วว่าการบ่มเพาะพลังของชูเฟิงได้ยกระดับขึ้นไปสูงขึ้นกว่าเเต่ก่อนโดยความช่วยเหลือของสายฟ้าของเขา
ดังนั้นถึงเเม้ว่าพวกเขาจะผงะเล็กน้อยเเต่ความดีใจกับทำให้หัวใจของพวกเขาพองโตยิ่งขึ้น เป็นเพราะชูเฟิงได้ยกระดับพลังจนเเข็งเเกร่งขึ้นถึงเเม้มันจะห่างจากพวกเขาเเต่พวกเขาก็มีความสุขที่สุดพวกเขารู้สึกมีความสุขที่ชูเฟิงมีการเปลี่ยนเเปลงไปเเละมีความเเข็งเเกร่งที่เเข็งเเกร่งขึ้น
และพวกเขาก็เป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน
เเต่เนื่องจากชูเฟิงมีความเเข็งเเกร่งที่เพิ่มขึ้นดังนั้นตอนนี้ เขาจึงไม่เต็มใจที่อยากจะให้พี่ชาย-น้องชายเเละคนรักของเขาตามหลังเขามากเกินไป เขาอยากจะเเข็งเเกร่งขึ้นไปพร้อมๆกัน
มันจึงเป็นเรื่องที่ยากมากที่ชูเฟิงจะช่วยคนอื่นๆโดยเฉพาะเจียง หวู่ชาง ที่มีสายเลือดจักรพรรดิ์นอกจากนี้มันก็ยังคล้ายคลึงเช่นเดียวกับเขาที่ต้องพึ่งทรัพยากรในการบ่มเพาะพลังจำนวนมาก ชูเฟิงรู้ว่าทรัพยากรที่ดีเเละมีคุณภาพที่ช่วยในการบ่มเพาะพลังของขั้น เจ้าเเห่งสงครามนั้น ส่วนมากผู้ที่ครอบครองมากที่สุดคงหนีไม่พ้น หมู่เกาะประหาร
เเม้ว่าชูเฟิงจะมีทรัพยากรเช่น โอสถสวรรค์เเละยาต่างๆเเต่มันคงจะไม่มีผลกับเขาอีกเเต่มันอาจจะมีเเนวโน้มที่ช่วยเจียง หวู่ชางอย่างมาก
เมื่อคิดเช่นนั้นชูเฟิงจึงเหลือทางเลือกเพียงไม่้กี่ทางเท่านั้น เขาจึงมอบทรัพยากรที่เหลือให้ เจียงหวู่ชางไป “พี่ใหญ่ชูเฟิงข้าได้รับการช่วยเหลือจากท่านมามากมาย ข้าไม่สามารถจะรับสิ่งของการบ่มเพาะพลังเหล่านี้ได้อีก ท่านควรจะให้พวกเขาดีกว่า”
เเต่ใครจะคาดคิดว่าเจียง หวู่ชางจะตั้งใจปฏิเสธความปรารถนาดีของชูเฟิง “เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดมากเรื่องนั้นหากเจ้าไม่รับมันไว้เเล้วละก็เจ้าไม่ต้องเรียกข้าว่า พี่ใหญ่อีกต่อไป!”
ชูเฟิงพูดบังคับพร้อมยัดทรัพยากรการบ่มเพาะให้เจียง หวู่ชาง “อัยหย่า….”
หลังจากได้ยิน เจียงหวู่ชางก็เก็บทรัพยากรบ่มเพาะพลังไป เป็นเพราะเขาไม่รู้จะทำตัวเช่นไรทำได้เพียงเเค่ถอนหายใจออกมายาวๆ “น้องหวู่ชาง เจ้ารู้สึกหนักใจเกี่ยวกับสิ่งนี้งั้นหรือ?”
ชูเฟิงถาม “พี่ใหญ่ชูเฟิงหลังจากที่ข้าได้รับสายเลือดจักรพรรดิ์ข้าก็มีความต้องการทรัพยากรมากขึ้นสำหรับการบ่มเพาะพลัง ความเเข็งเเกร่งของข้ากับสายเลือดนั้นได้หลอมรวมจนทำให้ข้าได้เเข็งเเกร่งขึ้น เเต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่อาจที่จะทำได้เหมือนท่าน”
เจียงหวู่ชางกล่าวออกมาพร้อมสีหน้าหง่อยๆ “น้องหวู่ชาง เจ้าต้องการจะบอกอะไรกันเเน่”
ชูเฟิงถาม “พี่ใหญ่ชูเฟิง ท่านเคยบอกข้าว่าตราบใดที่ท่านมีทรัพยากรที่เพียงพอต่อการบ่มเพาะพลังท่านสามารถที่จะเลื่อนระดับพลังได้โดยตรงสำหรับท่านเพียงเเค่การสะสมพลังให้เต็มจุดตันเทียนเท่านั้นเเละมันสามารถก้าวหน้าขึ้นได้เรื่อยๆ” “ดังนั้นข้าจึงคิดว่าหลังจากได้รับสายเลือดจักรพรรดิ์ ข้าก็อาจจะเหมือนท่านเเต่สุดท้ายข้าก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่เช่นนั้น” “ถึงเเม้ว่า สายเลือดจักรพรรดิ์ จะมีความเเข็งเเกร่งของพลังการต่อสู้ที่ช่วยส่งเสริมร่างกายของข้า เเต่ความเข้าใจของข้าก็เเข็งเเกร่งขึ้นไปด้วย เเต่…ถ้าข้าต้องการที่จะบ่มเพาะพลังไปในระดับต่อๆไปข้านั้นรู้สึกว่ามันไม่ง่ายอย่างที่ข้าคิด” “โดยเฉพาะอย่างยิ่งถึงเเม้ข้าสามารถหาหนทางที่จะเติมเต็มช่องว่างขนาดใหญ่เพื่อเลื่อนระดับเป็นเจ้าเเห่งสงคราม ข้ามีลางสังหรณ์ว่าถึงเเม้ข้าจะสะสมพลังงานเพียงพอเเละเข้าใจวิถีของการพัฒนาเเต่มันก็คงเป็นเรื่องยากอยู่ดีที่จะประสบความสำเร็จในครั้งเเรกของข้า”
เจียงหวู่ชางกล่าว “เจ้ากำลังจะบอกว่าเจ้าจะต้องใช้ความพยายามสูงอย่างมากเพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะพลังเเละต้องใช้ความเข้าใจในการทะลวงระดับพลังใช่ไม๊”
ชูเฟิงถาม “อืม…”
เจียงหวู่ชางพยักหน้าเเล้วมองไปที่ชูเฟิงดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม เขากล่าวออกมาว่า”
พี่ใหญ่ชูเฟิง ท่านเป็นอัจฉริยะอย่างเเท้จริง “น้องหวู่ชาง ทำไมเจ้าถึงคิดเช่นนั้นกัน”
ชูเฟิงสับสน “มันเป็นเพราะข้าได้เห็นท่านเเละท่านก็มีการบ่มเพาะพลังที่พิเศษเเละเป็นเพราะความเเข็งเเกร่งของท่านโดยธรรมชาตินั้นท่านเเข็งเเกร่งอย่างมากตอนนี้่” “เหตุผลที่ท่านมีความเเข็งเเกร่งเเละความเข้าใจที่รวดเร็วอาจเป็นเพราะพลังพิเศษของท่านเเต่มันดีอย่างมากมันสามารถทำให้ท่านเเข็งเเกร่งได้ ถ้าท่านต้องการที่จะเเข็งเเกร่งขึ้นดังนั้นท่านเพียงเเค่ทรัพยากรให้เพียงพอต่อการบ่มเพาะพลังเพียงเท่านั้น” “สำหรับข้า ข้าไม่ได้มีความเเข็งเเกร่งเเละความเข้าใจเหมือนท่าน ถึงเเม้ตอนนี้ข้าจะมีสายเลือดจักพรรดิ์ เเละมีทรัพยากรที่เพียงพอต่อการบ่มเพาะพลังเเต่ข้านั้นไม่สามารถที่จะเลื่อนระดับพลังของข้าได้รวดเร็วเช่นท่าน”
เจียงหวู่ชางกล่าวออกมา
หลังจากได้ยินคำกล่าวของ เจียงหวู่ชาง ชูเฟิงไม่รู้ที่จะปลอบใจเขาเช่นไรดี เขารู้อยู่เเล้วว่าเป็นเพราะสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายที่ทำให้เขาเเข็งเเกร่งเเละเเข็งเเรงในทางตรงกันข้ามอำนาจความเข้าใจที่โดดเด่นของเขาก็มาพร้อมกับมันเช่นเดียวกัน
ชูเฟิงเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากเกี่ยวกับความเข้าใจในระดับการเพาะปลูก ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเองโดยการชี้นำของสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาก็พอที่จะเสาะหาความรู้และประสบการณ์มาพอสมควร “อย่างไรก็ตามพี่ใหญ่ชูเฟิง ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้า ถึงเเม้ว่าข้าจะด้อยกว่าท่านหรือคนอื่นๆเเต่ข้าจะพยายามมากขึ้นข้าจะพยายามอย่างหนักเพื่อเเข็งเเกร่งขึ้นเหมือนท่านให้ได้” “นอกจากนี้ข้าได้ค้นพบว่าสายเลือดจักรพรรดิ์เเข็งเเกร่งอย่างมากตราบใดที่ข้ากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นเจ้าเเห่งสงครามความเเข็งเเกร่งของข้าก็คงจะเพิ่มขึ้นอีกครั้งบางทีช่วงเวลานั้นมันคงจะเเข็งเเกร่งขึ้นไม่เป็นรองท่านเเน่นอน!” “ถึงตอนนั้นไว้ท่านกับข้าค่อยมาประลองกัน ครั้งนึงข้ายังเคยได้ประลองกับพี่ใหญ่ เทียนยี่ ถึงเเม้ว่าเขาจะไม่ได้มีสายเลือดจักพรรดิ์เเต่เทคนิคต้องห้ามของเขาก็เเข็งเเกร่งอย่างมาก ก่อนที่ท่านจะกลับมาถึงที่นี่ข้าได้ประลองกันเเละจบด้วยการที่พวกเราเสมอกัน” “นอกจากนี้เขายังบอกข้าว่า เขามีความรู้สึกว่าหากพวกเราสามารถก้าวเข้าสู่อาณาจักร จ้าวแห่งสงคราม พวกเราจะเข้าใจขีดจำกัดอของอำนาจใหม่ๆทั้งหมด เมื่อถึงตอนนั้นเราก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีกต่อไป”
เจียง หวุ่ชาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม เพราะเขากลัวว่า ชูเฟิง จะกังวล
ในความเป็นจริงชูเฟิงรู้สึกสบายใจขึ้นมากหลังจากได้ยินคำพูดของเขา
หลังจากชูเฟิงที่หาลือกันเสร็จ โดยมี จื่อหลิง, ซูรู่ว, ซูเหม่ย, เจียง หวู่ชาง เเละ จาง เทียนยี่ ณ ที่พักของจื่อหลิง ชูเฟิงตอนนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังที่พักของ ชุนหวู่
จริงๆเขาเตรียมพร้อมเพื่อที่จะ ฝึกฝน ‘ ทักษะต้องห้าม ชั้นพสุธา วิชา สะบั้นนภา ‘ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นจะต้องใช้สถานที่พิเศษในการฝึก
P’Film