ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 1097 – ผสาน 3 ทักษะ
“แส้มังกรสะท้านพิภพ!!!”
ไป๋ รู่วเฉิน เมื่อนางตะโกน นางก็โจมตีเข้าใส่ ชูเฟิง
เมื่อแส้มังกรพิภพ สะบัดออกมา แสงสีเงิน ก็ปรากฏขึ้นราวกับว่าเป็น มังกรที่มีชีวิต พุ่งเข้าใส่ ชูเฟิง ด้วยพลังที่น่ากลัว พร้อมกับแรงกดดันที่มองไม่เห็น เข้ากระแทกอัด ชูเฟิง
แรงกดดันนั่น ทำให้พื้นถึงกับสั่นสะเทือน ดังนั่น ไม่ต้องพูดถึงผลกระทบที่ ชูเฟิง ได้รับ แต่ถึงกระนั่น ชูเฟิง ก็ไม่หวาดกลัว อีกทั้งแววตาของเขายังเต็มไปด้วยความมั่นใจ “นี้นับตั้งแต่ ที่ข้าใช้ดาบผนึกมาร ข้าก็ไม่เคยตั้งชื่อให้มันมาก่อน แต่วันนี้ ข้าจะมอบชื่อให้กับมัน ไปเลย ‘ ดาบผนึกมารสยบมังกร!!! ‘”
จู่ๆ ชูเฟิง ก็สะบัด ดาบผนึกมารในมือของเขา แสงสีดำรูปจันทร์เสี้ยวก็พุ่งออกไปในอากาศ หลังจากนั่น มันก็เปล่งแสงระเบิดอักขระออกมา
แสงสีดำ ที่ถูกโจมตีออกไปโดย ชูเฟิง ในช่วงทีเขากำดาบผนึกมาร ในตอนนี้ รังสีของมันดูแตกต่างไปจากเมื่อก่อน
ไม่เพียงแต่ขนาดของมันยังใหญ่ขึ้นเป็นสิบเท่า พลังของมันยังเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่า ที่สำคัญ ยามที่แสงสีดำรูปจันทร์เสี้ยวปรากฏ มันก็ยังมีเสียงที่น่ากลัวดังออกมา
มันฟังดูเหมือนเสียงที่ ร้องคำรามของอสูร ปะปน เสียง หวีดร้องของวิญญาณ ราวกับว่า ปีศาจที่น่ากลัว กำลังจะปรากฏขึ้น
ที่สำคัญคือความรุนแรงของพลังดาบผนึกมาร
ชื่อของมันเดิม ก็ถูกเรียกว่า ดาบตราประทับผนึกมาร ที่ใช้กำราบและสะกดพวกปีศาจเอาไว้ พลังที่แท้จริงของมันเดิมก็แสนน่ากลัว แต่นี้ยังรวมกับ พลังปีศาจที่ถูกปิดผนึกไว้ภายในเข้าไปด้วย
ในช่วงเวลานั่น ชูเฟิง ได้ดึงพลังปีศาจออกมา นอกจากนี้เขายังใส่ลงไปในการโจมตีของเขา สร้างเป็นการโจมตีแบบใหม่ โดยเรียกมันว่า ดาบผนึกมารสยบมังกร
สำหรับเหตุผลที่ ชูเฟิง ตัดสินใจเรียกมันว่า ดาบผนึกมารสยบมังกร เพราะ ชูเฟิง คิดจะใช้มันในการ จัดการ แส้มังกรสะท้านพิภพ ของ ไป๋ รู่วเฉิน
ดังนั่น ชื่อที่ ชูเฟิง นึกออกมา จึงบ่งบอกความตั้งใจของเขา ที่คิดจะทำลาย แส้มังกรสะท้านพิภพ
จริงๆแล้ว ทั้งสองคนต่างก็ครอบครอง ราชันย์ยอดยุทธภัณฑ์ราชวงค์ ที่มีพลังสะเทือนพิภพ อาจกล่าวได้ว่าต่างฝ่าย ก็ต่างน่ากลัว แต่มีอีกอย่างที่จะเป็นตัวติดสิน นั่นก็คือ พลังโจมตีของใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน “ปั้งงงง~~~~~~~~”
เวลานั่นทุกคนที่เฝ้าดู เห็นได้ชัดว่า ดาบผนึกมารสยบมังกรของ ชูเฟิง และ แส้มังกรสะท้านพิภพ ของไป๋ รู่วเฉิน กำลังเข้าปะทะกัน
แม้ว่า แส้มังกรสะท้านพิภพของ ไป๋ รู่วเฉิน จะเป็นราชันย์ยอดยุทธภัณฑ์ ที่แสนร้ายกาจ แต่ผู้ใช้ก็ยังเป็นแค่ ผู้หญิง ถึงนางจะมีทักษะมากมาย แต่มันก็ยังมีทั้ง ความแข็งแกร่งและความอ่อนโยน ปะปนกัน
ส่วน ดาบผนึกมารสยบมังกรของ ชูเฟิง นั่นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง สำหรับเขานั่นได้ปิดข้อบกพร่องต่างๆเพื่อให้มันแข็งแกร่งและเกรี้ยวกราด ดังนั่น การโจมตีของเขาจึงดูทรงพลัง และ ดุดัน “เปรี๊ยง~~~ กร๊อบบบบ~~~”
การปะทะของสองการโจมตี ทำให้เกิดคลื่นพลังขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ดาบผนึกมารสยบมังกรกับดูทรงพลังยิ่งขึ้น ดังนั่น สองการโจมตีจึงต้องจบลงด้วยการมีฝ่ายนึงฝ่ายใดพินาศ และท้ายสุด แส้มังกรสะท้านพิภพ ก็ปลิวกระเด็นลอยออกไป พร้อมๆกับนายของมัน
ในตอนนั่น ไป๋ รู่วเฉิน กำแส้มังกรสะท้านพิภพไว้แน่น แต่เนื่องจากพลังที่มันได้รับจากการปะทะ จึงทำให้นางไม่สามารถควบคุมแส้มังกรสะท้านพิภพเอาไว้ได้ จนนางต้องปลิวออกไปกลางอากาศ จนแทบจะหลุดออกจากวงกลม “นี่ . . . มันร้ายกาจจริงๆ . . .”
แม้แต่สาวกที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ต่างพากันตกตะลึง เนื่องจากพบว่าตอนนั่น ชูเฟิง ยังคงยืนอยู่ที่เดิม โดยแทบจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ในขณะที่ ไป๋ รู่วเฉิน กลิ้งตลบ 360 องศา ไปพร้อมๆกับยอดยุทธภัณฑ์ราชวงค์
แม้จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ก็เพียงพอที่จะบอกว่าใครเป็นผู้ชนะในการปะทะครั้งนี้ แน่นอนว่าดาบผนึกมารสยบมังกรของชูเฟิงนั้นแข็งแกร่งว่า แส้มังกรสะท้านพิภพ ของไป๋ รู่วเฉิน นี้แสดงให้เห็นว่า การที่เขามอบชื่อ สยบมังกร ให้มัน นั่นไม่ได้สูญเปล่า
อย่างไรก็ตาม ผลที่ออกมานี้เป็นสิ่งที่ทุกคนในนิกายสวรรค์ต่างไม่อยากจะเชื่อ
เพราะ ไป๋ รู่วเฉิน นางเปรียบ เสมือนไพ่ตายใบสุดท้ายของนิกายสวรรค์ ที่พวกเขาตั้งใจจะส่งไปแสดงอำนาจใน หุบเขาไม้คราม
อย่างไรก็ตาม คนที่มีประสิทธิภาพอย่าง ไป๋ รู่วเฉิน ยังไม่สามารถเอาชนะในการแลกเปลี่ยนวรยุทธกับ ชูเฟิง ได้ นั่นทำให้คนของนิกายสวรรค์ต่างช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แม้ว่า ชูเฟิง จะใช้วิธีพิเศษ ในการเพิ่มระดับการเพาะปลูกของตัวเองให้อยู่ในระดับ 3 ราชันย์ เท่าๆกับไป๋ รู่วเฉิน
แต่การเพาะปลูกที่แท้จริงของ ชูเฟิง นั่นก็แค่ระดับ 1 ราชันย์ นี้ไม่ย่อมหมายความว่า ศิษย์ของหุบเขาไม้ครามใต้ แท้จริงแล้วมี ประสิทธิภาพเหนือกว่า ไป๋ รู่วเฉิน งั้นหรอ ?! “แม่นางยังต้องการจะดึงดันต่อไป แล้วให้ข้าบังคับออกจากวงกลม หรือแม่นางจะยอมแพ้แล้วให้ข้าตีก้นซะดีๆ ?!”
ชูเฟิง ที่เป็นฝ่ายใช้ดาบผนึกมารสยบมังกรเอาชนะการประลองครั้งนี้ จึงยิ้มออกมา พร้อมกับถาม ไป๋ รู่วเฉิน
ในขณะนั่นทุกคนต่างประหลาดใจ ไป๋ รู่วเฉิน จากเดิมที่ดูสงบ ก็เริ่มมีอารมณและกล่าวกับ ชูเฟิงว่า”
เรื่องนี้ ข้าไม่มีทางเลือก นอกจากต้องยอมรับว่าเจ้าร้ายกาจ” “ถึงยังไงก็ตาม แม้นี้จะเป็นแค่การประมือแต่ก็เกี่ยวพันธ์เรื่องศักดิ์ศรี ข้าจะไม่มีวัน ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างเด็ดขาด!!!”
หลังจากที่ กล่าวคำพวกนั่น ใบหน้าที่งดงามของ ไป๋ รู่วเฉิน ก็ปรากฏความดุร้าย อัจฉริยะหญิงผู้งดงาม บัดนี้ กลายเป็นนางมาร โดยสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ในก่อนหน้านี้ยังไม่ใช่ไพ่ตายของ ไป๋ รู่วเฉิน ส่วน ชูเฟิง นั่นก็ยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดเช่นกัน ดังนั่น เขาจึงยิ้มออกมาและกล่าวว่า”
งั้นแสดงว่า แม่นางอยากให้ข้าลงมือบังคับให้ออกจากวงกลมสินะ ?””หึ คงไม่ใช่เจ้าที่บังคับข้าให้ออกจากวงกลม แต่เป็นข้าต่างหากที่จะบังคับเจ้าให้ออกไป”
ทันใดนั่น รอยยิ้มที่เย็นชาก็ปรากฏบนมุมปากของ ไป๋ รู่วเฉิน จากนั่นแววตาของนางก็ดูดุร้ายอย่างมาก พลังวิญญาณระดับราชันย์ที่ไร้ที่สิ้นสุดก็พลันระเบิดออกมาจากร่างกายของนาง
แส้มังกรสะท้านพิภพที่นางกำไว้แน่นพลันสบัดออก พร้อมๆกับฝ่ามืออีกข้างที่ยกขึ้นมา แล้วเสียงของนางตะโกนดังขึ้น”
ทักษะต้องห้าม บาดาล สามผสาน!!!”
เมื่อ ไป๋ รู่วเฉิน ตะโกนคำนั่นออกมา ร่างกายบางๆของนางก็ระเบิดพลังราชันย์ออกมาราวกับ ภูเขาไฟ ปะทุ
น่าตกใจอย่างมาก หลังจากที่พลังราชันย์ทะลักออกจากร่างของไป๋ รู่วเฉิน พลังทั้งสามรูปแบบก็ปรากฏขึ้นและทะยานขึ้นเหนือฝากฟ้าเหนือร่างของ ไป๋ รู่วเฉิน
มันกลายเป็นมังกรยักษ์ยาวพันเมตร ตามร่างของมันก็ปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง
เกล็ดสีเงินแหลมคมของมันทิ้มออกมาจากร่างราวกับคมดาบ ดูแวววาว เมื่อถูกเปลวไฟ
มันมีขนาดยาวและใหญ่ ตามร่างเต็มไปด้วยเกล็ดที่แหลมคม ขณะที่มันขู่คำราม ไม่หยุดหย่อน
มันไม่ใช่รูปแบบของสิ่งมีชีวิตที่แท้จริง แต่เป็นแค่การผสมผสานของ 3 ทักษะที่มีประสิทธิภาพ
พวกมันไม่ใช่ทักษะต่อสู้ธรรมดาๆทั่วไป แต่เป็นทักษะต้องห้าม ชั้นบาดาล ที่ถูกรวมพลังให้เป็น หนึ่งเดียว
สามทักษะต้องห้าม บาดาล ได้ถูกใช้โดย ไป๋ รู่วเฉิน ทำให้นางดูน่ากลัว ผมยาวๆของนางปลิวไสวราวกับองค์ราชินี ผิวพรรณของนางยังคงเหมือนเดิม นั่นหมายความว่า แม้นางจะใช้ทักษะต้องห้ามทั้ง 3 พร้อมๆกัน นางก็ยังไม่ได้รับผลกระทบ “นี่นางใช้ทักษะต้องห้ามพร้อมกันถึง 3 อย่าง งั้นหรอ!!! น่ากลัวเกินไปแล้ว นี่หรอพลังที่แท้จริงของ อาวุโสน้อย!!!”
เห็นฉากนั่น พวกสาวกนิกายสวรรค์ก็ต่างพากันตะลึง
พวกเขาที่เป็นสาวกหลักนิกายสวรรค์ ย่อมรู้จักทักษะต้องห้าม อย่างไรก็ตาม พวกเขารู้ว่าผลกระทบจากใช้พลังของมันน่ากลัวแค่ไหน นี่นางยังใช้ถึงสามทักษะต้องห้าม พร้อมกัน แสดงว่านางนั่นมีประสิทธิภาพที่น่ากลัวจริงๆ “แม่หนูคนนี้ ร้ายกาจขนาดนี้เลยหรอ!!!”
จริงๆแล้วแม้แต่ ฉีคง ไจ้ชิง ก็ยังมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ เขาอึ้งในความสามารถของ ไป๋ รู่วเฉิน ที่ปรากฏออกมา
ReaDMGA ////////////////////////////////////////
C : สมกันอย่างกะ ขี้ กับ ส้วม!!!
A : กิ่่งทอง ใบหยก ก็พอพี่!!!
C : กิ่งทอง ใบหยก มันสมกันตรงไหน ?! เห็นพูดๆกัน แต่ไม่เคยเห็นของจริงๆเลย เอาที่พูดแล้วเห็นภาพสิ!!!
B : ขี้กับส้วม มืงก็เกินไป เอาอย่าง ข้าวเหนียว กับ หมูปิ้งสิ
A : ของชวนอ้วกแล้วก็ของแดก เอาเป็น ข้าวเหนียว กับ ขี้ เลยเป็นไง๊ ?!!!
C : จะอ้วกเลย ไอเชี้ย!!!