ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 1050 – ปฏิกิริยานิ่งเงียบ
หลังจากงานเลี้ยงจบลง ฟ้าก็เริ่มมืดในความจริงพวกเขานั้นได้ตกลงว่าจะไปยัง สระนิรันดร์บรรพกาลด้วยกันดังนั้นผู้คนจากตำหนักเมฆาอัศนีบาตจึงไม่ได้กลับไปแต่ไปยังพื้นที่ส่วนตัว
ในตอนนั้นเหล่าศิษย์ที่โดดเด่น ผู้อาวุโสฝ่ายจัดการ รวมทั้งประมุกก็ได้มาอยู่ในห้องรับแขก ใบหน้าของพวกเขานั้นเห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สึกอัปยศอย่างมาก “ท่านประมุข เจ้าเด็กชูเฟิงนั่นต้องการทำลายการบ่มเพาะของ หยวนฮัง ถ้ารามาไม่ทันเกรงว่า พลังของหยวนฮังจะหมดไปเสียก่อน เจ้าเด็กนั่น ช่างชั่วช้าสามานยิ่ง พวกเราจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ได้หรือ”
ผู้อาวุโสฝ่ายจัดการถามขึ้น พวกเขานั้นต้องการรู้คำตอบจากประมุขของพวกเขา พวกเขารู้ว่าคนที่เสียหน้ามากที่สุดนั้นคือใคร อย่างไรก็ตามเมื่อหยวนฮัง ถูกกระทำเช่นนี้ เขาก็ไม่ได้เคลื่อนไหว
ปกติแล้วถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นประมุขของพวกเขาต้องโกรธมาก แต่วันนี้เขากลับไม่เป้นเช่นนั้นแล้วทนมันไว้ จึงรู้สึกว่ามันแปลกเกินไป “เจ้าชูเฟิงนั่นแข็งแกร่งอย่างมาก ด้วยพลังเพียงแค่ระดับ 9 เจ้าสงครามก็เหนือกว่า 1 ราชันย์สงครามแล้ว ด้วยพลังเช่นนั้นเขาต้องเป็นอัจฉริยะที่ติดอันดับแน่นอน.””นอกจากนี้ข้าได้ยินมาว่าพลังในการต่อสู้ของเขานั้นมากมายนัก ไม่เพียงแต่ระดับ 1 ราชันย์สงคราม แต่ระดับ 3 ราชันย์สงครามก็พ่ายแพ้เขามาก่อน แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่ามันจริงหรือไม่ แต่เรื่องที่ตระกูล ฮั่นถูกขับไล่เพราะเด็กนี่นั้นเป็นเรื่องจริง.””ป่าไม้ครามได้ก่อตั้งมาเกือบหมื่นปีแล้ว แต่ศิษย์ที่โดดเด่นนั้นไม่เคยปรากฏมา ในตอนนี้นั้น ชูเฟิงก็เป็นดั่งสมบัติของพวกเขา พวกเขายอมแม้กระทั่งขับไล่ ตระกูลฮั่นโดยไม่ลังเล ถ้าพวกเรากล้าทำอะไรชูเฟิง ฉีคง ไจ้ชิงนั้นไม่ปล่อยเรื่องนี้แน่นอน”
ประมุขตำหนักเมฆาอัศนีบาตพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นเราจะไม่ทำอะไรเลยหรือ ตำหนักเมฆาอัศนีบาตรของเรากลัวพวกมันหรืออย่างไร ท่านประมุขนี่ไม่เหมือนเป็นท่านเลย.””ถูกต้องท่านประมุข ชูเฟิงนั่นแข็งแกร่ง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจปล่อยไว้ได้ จากความคิดข้า เจ้าเด็กนั่นไม่ใช่ใครที่จะเอาชนะได้ง่ายๆ ในอนาคต ใครจะสามารถยืนยันได้ว่ามันจะไม่มาโจมตีตำหนักเมฆาอัศนีบาตของพวกเรา””ท่านประมุขท่านผู้อาวุโสพูดถูกแล้ว สำหรับป่าไม้ครามใต้ชูเฟิงเป็นสมบัติ แล้วเหล่าศิษย์ของพวกเรานั้นไม่ใช่สมบัติสำหรับท่านหรือ””ทั้ง 35 คนนั้นคือคนที่ท่าน ดูแลและส่งเสริมมาหลายปี วันนี้ 1 ในนั้นถูกทำร้ายขนาดนี้ท่านยังทนได้อีกหรือ”
ผู้อาวุโสฝ่ายจัดการพูดขึ้น
แม้ว่า ฉี หยวนฮัง และ ศิษย์คนอื่นๆจะไม่ได้แทรกการสนทนานี้ แต่พวกเขาก็หวังจะให้ท่านประมุข เรียกร้องความเป็นธรรมให้พวกเขา “ทนอย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าข้าอยากจะทนอย่างนั้นหรือ ใครในพวกเราสามารถสู้กับกึ่งจักรพรรดิสงครามได้บ้าง พวกเจ้าทำได้งั้นหรือ “ทันใดนั้นประมุขตำหนักเมฆาอัศนีบาตก็พูดด้วยความโกรธ “อะไรนะ กึ่งจักรพรรดิสงคราม หมายความว่าฉีคง ไจ้ชิง ทะลวงไปยังกึ่งจักรพรรดิสงครามแล้วหรือ”
เมื่อได้ยินนั้นพวกเขาต่างตกใจอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่ากึ่งจักรพรรดิสงครามนั้นแข็งแกร่งเพียงใด แม้ประมุขของพวกเขาจะลองทะลวงหลายตาหลายครั้ง แต่ก็พลาดทุกครั้ง นั่นเป็นเพราะระดับนั้นเป็นระดับที่คล้ายกับจักรพรรดิสงครามและ ได้รับพลังสงครามระดับจักรพรรดิแล้ว
พูดตามจริงก็คือ ถ้าพวกเขานั้นไปยั่วยุระดับกึ่งจักรพรรดิสงครามแล้ว แน่นอนว่าคนผู้นั้นแค่คนเดียวก็สามารถทำลายตำหนักเมฆาอัศนีบาตของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
และในตอนนี้ เมื่อพวกเขาพบว่า ป่าไม้ครามใต้มีคนระดับนั้นอยู่พวกเขาจึงรู้สึกตกใจและกลัวมาก “ถูกต้อง ฉีคง ไจ้ชิง ทะลวงผ่านและได้เป็นกึ่งจักรพรรดิสงครามแล้ว นอกจากนี้ พวกเจ้าคิดอยู่อีกหรือไม่ว่าข้าจะสู้เขาได้”
ประมุขตำหนักเมฆาอัศนีบาตพูดขึ้น “ท่านประมุขแล้วพวกเราจะทำอะไรกันดี”
ในตอนนั้นเมื่อผู้อาวุโสของตำหนักเมฆาอัศนีบาตรรู้ พวกเขาก็สูญเสียความต้องการที่จะทวงความเป็นธรรมใหเหล่าศิษย์ และทำได้เพียงมองประมุขของพวกเขา “ทำอะไรอย่างนั้นหรือ ในตอนนี้ ป่าไม้ครามใต้ ไม่เพียงมีกึ่งจักรพรรดิสงคราม แต่ยังมีอัจฉริยะอย่างชูเฟิงปรากฏขึ้น ข้าเชื่อว่า ป่าไม้ครามใต้นั้นจะรุ่งโรจน์อย่างแน่นอน.””และในตอนนั้น พวกเราก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก วางตัวไม่เป็นศัตรูกับพวกเขา.””ในความคิดข้า พวกเรานั้นต้องผูกมิตรกับพวกเขา”
ประมุขตำหนักเมฆาอัศนีบาตพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแบบช่วยไม่ได้
และความจริงที่ว่า ฉีคง ไจ้ชิง มีคำสั่งไม่ให้แพร่กระจายเรื่องที่เกิดขึ้น ก็จะไม่มีใครแพร่ออกไป ดังนั้นนอกจากผู้คนที่รู้เรื่องแล้วก็จะไม่มีใครรู้เรื่องอีก
สำหรับพวกเขาแล้ว ถ้าไม่มีใครพูดเรื่องนี้ขึ้นอีก เรื่องนี้ก็จะถูกลืมในไม่ช้า
อย่างไรก็ตาม หลังจากวันนั้น จ้าว เกิ๋นชัว และคนอื่นต่าง อยากผูกมิตรกับชูเฟิง แต่จริงๆแล้วชูเฟิงนั้นไม่ชอบพวกเขา แต่ก็ไม่ได้อยากสร้างปัญหามากนัก ในที่สุดชูเฟิงก็ยอมคุยกับพวกเขา
หลังจากนั้นเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเหล่าศิษย์จากตำหนักเมฆาอัศนีบาตร ต่างต้องการผูกมิตรกับชูเฟิงเพราะการผูกมิตรกับชูเฟิงนั้นไม่ได้มีผลต่อคนในรุ่นเดียวกัน แต่มันมีผลต่อเหล่าอาวุโสเมื่อเป็นเช่นนั้นชูเฟิงก็รู้สึกรำคาญมากจึงได้ให้บทเรียนแก่พวกเขาไป
แม้ว่าป่าไม้ครามใต้จะเป็นเพียงพรรคภายใต้ของ ป่าไม้คราม และยังด้อยกว่า 3 พรรคที่เหลือ แต่ก็มีผู้คนมากมายต่างอยากเป็นมิตรกับป่าไม้ครามใต้ นอกจากนี้พวกเขานั้นยังได้สร้างศัตรูที่ไม่รู้จักมากมาย
แต่ตอนนี้นั้น ฉีคง ไจ้ชิง ได้เข้าสู่ระดับกึ่งจักรพรรดิสงครามแล้ว นั่นเป็นการยืนยันความปลอดภัยของป่าไม้ครามใต้ในอีกระดับ นอกจากนี้ยังมีชูเฟิงที่เป็นความหวังของพวกเขาอีก นั่นหมายความว่าอนาคตของป่าไม้ครามใต้นั้นกำลังจะสว่าง
แต่พวกเขานั้นก็ยังด้อยกว่า 3 ป่าไม้ครามที่เหลือ ดังนั้นป่าไม้ครามใต้จึงต้องการพันธมิตรที่แท้จริง หลังจากวันนั้น ประมุขตำหนักเมฆาอัศนีบาตก็ได้เข้ามาคุยกับ ฉีคง ไจ้ชิงและยังต้องการให้คงความสัมพันธ์นี้ไว้ ฉีคง ไจ้ชิงนั้นต้องการให้ชูเฟิงลืมความแค้นไป เพราะเขาอยากจะสานสัมพันธ์กับตำหนักเมฆาอัศนีบาตให้มากที่สุดเท่าที่เป็นได้
ดังนั้นเพื่อประโยชน์ของ ฉีคง ไจ้ชิง ชูเฟิงจึงไม่ได้สร้างปํญหากับคนของตำหนักเมฆาอัศนีบาตรอีก อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็เป็นได้แค่ศิษย์พี่ศิษย์น้องเท่านั้นไม่ได้มากมายกว่านั้น
3 วันผ่านไป ในที่สุดป่าไม้ครามใต้และตำหนักเมฆาอัศนีบาตรก็ได้เตรียมเดินทางไปยัง สระนิรันดร์บรรพกาล
การเดินทางครั้งนี้นั้นยาวนานมาก รวมกับที่ว่ามีคนมากมายนักที่เข้าร่วมการเดินทางครั้งนี้ พวกเขาจึงเดินทางโดยใช้ เรือบิน เรืองบินนี้นั้นเป็นเรืองบินส่วนตัวของ ฉีคง ไจ้ชิง และมันยังเร็วมากอีกด้วย
เรือบินนี้มีขนาดไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็ก ชูเฟิงที่นั่งอยู่ด้านหน้าของเรือนั้น หลับตาลงในตอนนั้น เสียงที่อ่อนโยนของ หญิงสาวก็ดังขึ้นข้างๆหูเขา “ศิษย์น้องชูเฟิง เจ้าต้องการรู้เรื่องความเป็นมาของสระนิรันดร์บรรพกาลหรือไม่”
ReaDMGA ////////////////////////////////////////
A : แล้วพบกัน กลุ่มหน้าในวันที่ 28 นะคับ
B : ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดคับ
C : ขอบคุณมากๆคับ T^T
B : เรื่องราวต่อจากนี้ รับรอง เข้มข้น สุดๆ แต่จะเป็นเรื่องอะไร เราก็ยังไม่รู้ ขอตัวอ่านแซงทุกๆท่านไปก่อนนะคับ