I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 992 – ขอเป็นศิษย์เพื่อฝึกฝน

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

บทที่ 992 – ขอเป็นศิษย์เพื่อฝึกฝน

 

“อืม . . . มันคือภาพลวงตา แต่พวกมันก็ไม่ใช่ภาพลวงตาทั่วๆไป แม้ทุกคนจะไม่สนใจมันก็ตาม”

 

ชูเฟิงพยักหน้าและทิ้งความกังวล พร้อมกับเดินหน้าต่อ

 

ปกติจะมีคนคอยตามเขามา แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว เขาจึงรู้สึกเหงานิดหน่อย จากนั้นเขาก็ทิ้งความกังวลและเดินเข้าสู่เส้นทางสวรรค์ด่านต่อไป

 

ชูเฟิง เข้ามาเป็นเวลานานพอสมควร แต่เขาก็ไม่พบความผิดปกติหรือด่านทดสอบใดๆ และแล้วก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในเส้นทางสวรรค์

 

ภายในเส้นทางเต็มไปด้วยสิ่งที่คล้าย ดวงดาวพร่างพรายไร้จุดสิ้นสุด แสงสีฟ้าเริ่มลี่แสงน้อยลง น้อยลง ยิ่งเข้าไปใกล้พวกเขาก็จะหายไป

 

เส้นทางสวรรค์ ตอนนี้กลับสู่ความมืดอันนิรันดร์ หากเป็นคนปกติทั่วไป คงยากที่จะสามารถกำหนดทิศทางในทัศนียภาพเช่นนี้ แต่ไม่ใช่สำหรับ ชูเฟิง

 

ด้วยเนตรสวรรค์ของ ชูเฟิง เขาสามารถเลือกเส้นทางตรงหน้าได้ แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ตรงไปอย่างเดียว เขายังคงมองไปรอบๆและเลือกเส้นทางที่ถูกต้อง เพราะเหตุผลที่เขาเข้ามาในเส้นทางสวรรค์ ไม่ใช่การไปดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นสถานที่ที่เขากำเนิด

 

ในเวลาเดียวกัน เส้นทางสวรรค์ในทะเลตะวันออก ก็ปิดลง

 

พวกเขาดูการหายไปของทางเข้า และน้ำทะเลก็คืนสู่สภาพเดิม ตอนนั้น จื่อหลิง , ซูรู่ , ซูเหม่ย , เจียง หวู่ชาง และ จาง เทียนยี่ รู้สึกเสียใจและต้องการแสวงหาความแข็งแกร่ง

 

คนส่วนใหญ่ที่เฝ้าสังเหตุการณ์ก็เริ่มถยอยกลับ เหลือเพียงสาวกพรรคมารทลายราตรี ที่นำโดย ฉิว ซานเฟิง ที่พากันเฝ้ามองมหาสมุทรที่คืนกลับสู่ความสงบ

 

ตอนนั้นเสียงโวกแวกดังไปทั่ว ทั้งการพูดคุยหรือเสียงหัวเราะ ในตอนนั้นท้องฟ้าเหลือเพียงคนนับ 10 ล้าน ที่ยังคงอยู่

 

ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน , ฮวางฟู่ ห่าวเยว่ , ท่านหญิง เพียวเมี้ยว , ไต้กู๋

 

ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า , บรรพบุรุษราชวงค์เจียง และ ตระกูล ชู

 

จื่อหลิง , ซูรู่ , ซู่เหม่ย , เจียง หวู่ชาง , จาง เทียนยี่

 

หลังจากที่มองดูพวก จื่อหลิง และ คนอื่นๆ ที่ต่างไม่มีใครละสายตาออก ทางด้าน ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน และคนอื่นๆเอง ก็รู้สึกปวดใจไม่น้อย เมื่อเห็นพวกเขาเป็นแบบนั้น

 

พวกเขาเข้าใจความรู้สึกของ พวกจื่อหลิงและคนอื่นๆ ที่ใกล้ชิดกับ ชูเฟิง ดังนั้นแน่นอนว่าพวกเขาจะต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของทุกคน เพราะจะยังไง เส้นทางสวรรค์ไม่ใช่สถานที่ที่จะผ่านได้ง่ายๆ

 

แต่ในเรื่องความปลอดภัยของ ชูเฟิง ทำไม ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน และคนอื่นๆจะไม่เป็นห่วง จริงแล้วนางก็รู้ว่าทำไมจื่อหลิงและคนอื่นๆถึงมีสีหน้าแบบนั้น เหตุผลที่สำคัญที่พวกเขาเป็นแบบนั้น เพราะพวกเขาไม่สามารถร่วมเดินทางไปกับชูเฟิง ในเส้นทางสวรรค์ “จื่อหลิง ได้เวลาแล้ว เรากลับกันเถอะ”

 

หลังจากที่ลังเลอยู่พัก ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน ก็กล่าว “อืม . . . พี่สาวฟู่หยาน ขอโทษที่ทำให้ท่านรอ”

 

จื่อหลิง และคนอื่นๆหันหน้ากลับมาที่นาง พร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า

 

ในหัวใจของทุกคนพลันเจ็บปวดมากขึ้น เมื่อเห็น จื่อหลิง และ คนอื่นๆ ทำท่าทีแบบนั้น “ไม่ต้องห่วง ด้วยความสามารถของ ชูเฟิง คงไม่ยากที่เขาจะผ่านเส้นทางสวรรค์ ข้าเชื่อว่าเขาจะต้องสร้างชื่อให้กับตัวเองในดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์”

 

ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน พูดปลอบใจ “ข้ารู้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าเห็นเขา เขาตอนนั้นอ่อนแอกว่าข้า ข้าไม่ได้ล้อเล่น แต่ข้าไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ”

 

จื่อหลิงยิ้มออกมาอย่างน่ารัก นางหวนนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่นางได้พบ ชูเฟิงครั้งแรก “แต่ข้าก็ยังพ่ายแพ้ให้เขา ในตอนนั้นข้าได้รู้ว่าเขามีอำนาจมากมายแค่ไหน””ดังนั้น ข้าไม่เคยสังสัยในพลังของเขาเลย แม้ว่าข้าจะถูกบีบบังคับให้กลับมาที่ทะเลตะวันออก โดยพ่อ แม่ข้า ข้าก็ยังเชื่อว่าสักวันเขาจะต้องพาข้ากลับไป และเขาก็ทำได้””วินาทีนี้ ข้าก็ยังคงเชื่อในตัวเขา แต่ . . . . .”

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของนางยังคงอยู่ แต่นางสำลักคำพูดด้วยเสียงสะอื้น “แต่เจ้าก็ยังเป็นห่วงเขา ใช่ไม๊ ?!”

 

ตอนนั้นก็มีเสียงชรา ที่เยือกเย็นดังขึ้นจากด้านหลังจื่อหลิง “อาวุโส!”

 

เมื่อฉิวซุ่ย ฟู่หยาน เห็นคนผู้นั้น การแสดงออกของนางก็เปลี่ยนไปอย่างมาก คนที่โผล่มาด้านหลังจื่อหลิง ไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือ ชายชราตาบอด คนนั้น

 

เขายืนเอามือไขว้หลัง ขณะที่ดวงตาปิดสนิท แต่เขากับเหมือนว่ามองเห็นจื่อหลิง แม้การเพาะปลูกของเขาจะน้อย แต่คนอื่นก็รู้สึกถึงความลึกล้ำของเขา “แม่นางน้อย อย่าเสียใจ บางทีข้าอาจจะช่วยพวกเจ้าได้”

 

ชายชราตาบอดกล่าวขึ้นอีกครั้ง “อาวุโส ท่านหมายความว่าไง ?!”

 

ทั้งห้าถึงกับตาสว่าง “ความสามารถในการเพาะปลุกของพวกเจ้านับว่าดีทีเดียว แต่หากเจ้าต้องการจะไล่ตามเจ้าหนู ชูเฟิง ด้วยความสามารถในตอนนี้ ข้าเกรงว่าพวกเจ้าคงยากที่จะสำเร็จ ต่อให้เจ้ามีกายศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่มีทาง””ก็อย่างที่เจ้าพูด พวกเจ้าทุกคนนั้นเป็นภาระของ ชูเฟิง เพราะเขาต้องคอยช่วยเจ้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”

 

ชายชราตาบอด กล่าวกับจื่อหลิง ขณะที่ยิ้มเบาๆ

 

จื่อหลิงและคนอื่น ฉุกนึกขึ้นได้ ว่าคนตรงหน้าของพวกเขาคือยอดผู้เชี่ยวชาญอย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนี้ คำพูดที่เขาบอก มันต้องมีความหมายลึกๆแน่

 

จื่อหลิง และคนอื่นๆ หลังจากสบตามองหน้ากันและกัน เขาก็พยักหน้าให้กับอีกคน จากนั้นพวกเขาก็คุกเข่าในอากาศ พร้อมกับคารวะชายตาบอดและกล่าวพร้อมกัน “ข้าน้อย จื่อหลิง””ข้าน้อย ซูรู่””ข้าน้อย ซูเหม่ย””ข้าน้อย เจียง หวู่ชาง””ข้าน้อย จาง เทียนยี่””ขอท่านอาวุโสรับเป็นศิษย์ด้วย””ฮ่าๆๆ พวกเจ้าเข้าใจความหมายได้เร็วดี”

 

ชายชราตาบอดหัวเราะ หลังจากนั้นเขาก็ลูบเคราสีขาวราวหิมะและกล่าวต่อ”

 

หากเจ้าต้องการเป็นศิษย์ข้า ปกติข้าจะย่อมจะสอนทักษะเจ้า อย่างไรก็ตาม ก็เป็นศิษย์ข้าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ””อาวุโส ตราบใดที่ท่านยอมรับเราเป็นศิษย์ เราจะยอมทำทุกอย่าง เรายินดีที่จะเผชิญความทุกข์ ความลำบาก!”

 

จื่อหลิงและคนอื่นๆ คิดว่านี้เป็นโอกาสที่หาได้ยาก พวกเขาจึงไม่คิดที่จะพลาดมัน

 

ชายชราตาบอดยิ้มเบาๆอีกครั้ง และกล่าว”

 

อย่าพึ่งรีบร้อน การทดสอบของข้าไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะผ่านได้ . . . .”

 

เขาตรวจสอบทุกคน และรอยยิ้มบนใบหน้าของชายชราตาบอดก็พลันกว้างขึ้น

 

แน่นอนว่า ชูเฟิง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในทะเลตะวันออก ในตอนนั้นเขายังคงหาทาง ในเส้นทางสวรรค์

 

ชูเฟิง ได้เดินเข้ามาเป็นเวลาหลายวัน ในเส้นทางสวรรค์นี้ มันเหมือนกับไม่มีจุดสิ้นสุด

 

และด้วยการตรวจสอบด้วยความมานะของ ชูเฟิง เขาก็พบว่า ในเส้นทางสวรรค์ ภายในมีพื้นทื่ ไม่มีที่สิ้้นสุด

 

มันวิเศษมาก มันเหมือนถ้ำหิน แต่มันเป็นแร่เหล็ก มันอาจเรียกได้ว่าการก่อตัว แต่ดูไม่เหมือนกับ รูปแบบ มันยากที่จะอธิบาย แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันไม่สามารถทำลายได้

 

แต่หลังจากที่เดินมานาน เขาก็พบสิ่งที่น่าตกใจที่สุด เพราะเขาพบว่าตามพนัง มันมีอุโมงค์

 

มันกว้างใหญ่และก็ลึกมาก ไม่มีใครรู้ว่าลึกเข้าไปในอุโมงค์มีอะไรรออยู่ แต่ลางสังหรณ์บอกเขาว่า มันไม่ใช่ทางที่จะนำไปสู่ ดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์

 

ด้วยความอยากรู้ อยากเห็น ชูเฟิง ก็ตัดสินใจเข้าไป แต่เขาก็ต้องตกใจ เมื่อเขาพบว่าทั้งสองด้านภายในอุโมงค์นี้เป็นอาคารและยังเต็มไปกลิ่นอายที่อันตราย

 

ในที่สุด ด้านหน้าของ ชูเฟิง ก็มีประตูปรากฏ มันเป็นประตูขนาดใหญ่ และดูไม่ธรรมดา ถ้าจะอธิบายลักษณะของมัน ต้องบอกว่ามันคล้ายกับประตูที่ยิ่งใหญ่ของสุสานจักรพรรดิใน 9 อาณาจักร

 

ชูเฟิง รู้ว่ามันต่างกัน เพราะแม้ว่าเขาจะเข้าไปใกล้ ชูเฟิง ก็ไม่สามารถพบอะไรที่เหมือนกัน

 

หลังจากที่มาที่นี่ ชูเฟิง ก็มั่นใจว่า ทุกอย่างในที่นี้ ไม่ใช่ดินแดนของมนุษย์

 

ReaDMGA ////////////////////////////////////////

 

A : สงสัยมาผิดที่ จะได้เจออะไรเจ๋งๆไม๊หน้อ พี่เฟิงเรา ?!

 

B : เจอสัตว์ประหลาดอะดิ!!! กูว่ายังไง พี่เฟิง ก็ต้องไปดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์

 

A : อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าในที่แบบนั้น พี่เฟิงเราจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน แต่คนระดับจักรพรรดิคงจะมีอยู่ไม่น้อย

 

B : เห็นว่าใกล้ได้เจอพ่อพี่เฟิงด้วย อยากรู้เหมือนกันว่าจะเก่งขนาดไหน ?!

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments