ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 1039 – กึ่งจักรพรรดิ์เเห่งสงคราม
“วูบ ตูม~~~~~~~~~~~~”
ชายชราผมขาวฟาดฝ่ามือของเขาไปที่ ฮั่น ฉิงหยู่ ราวกับดาบที่สับตอไม้ขนาดใหญ่ให้ขาดจากกันเสียงที่เกิดขึ้นสั่นสะเทือนถึงสรวงสวรรค์ ไม่นานนัก ฮั่น ฉิงหยู่ก็ถูกทุบจนติดพื้นในทันที
ฝุ่นละอองลอยฟุ้งเต็มทั่วผืนนภา หลังจากที่ ฮั่น ฉิงหยู่ ถูกทุบไปที่พื้น เเผ่นดินสั่นสะเทือนด้วยความรุนเเรงใบหน้าของผู้สังเกตุการณ์หลายคนล้วนเเล้วเเต่หน้าดำทะมึนยิ่งราวกับปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่มอดดับ “ท่านปรมาจารย์!!!”
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่ ฮั่น ฉิงหยู่ ถูกทุบลงไปนอนกับพื้น ผู้สังเกตุการณ์หลายคนมองเห็นชายชราที่ได้กระทำทุบตีนั้นคุ้นเคยอย่างมาก เเม้เเต่ชูเฟิงก็ผงะขึ้นเล็กน้อยเพราะว่าชายชราคนนั้นคือ ท่านปรมาจารย์ ของพวกเขา “ขอเเสดงความยินดีด้วยท่านปรมาจารย์ที่ประสบความสำเร็จ จนก้าวเข้าสู่ระดับกึ่งจักรพรรดิ์เเห่งสงคราม”
หลังจากที่หลายคนที่ได้เห็นออร่าที่ปลดปล่อยออกมาจากปรมาจารย์ใหญ่ของหุบเขาไม้ครามตอนใต้ใบหน้าของผู้อาวุโสต่างๆในปัจจุบันล้วนปราบปลื้มยินดีทั้งหมดไม่ต้องคำนึงถึงว่าพวกเขากำลังยืนบนผืนนภาหรือผืนดินพวกเขาทั้งหมดต่างคุกเขาเพื่อคำนับปรมาจารย์ใหญ่ในทันที
หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยศานุศิษย์จำนวนมากพวกเขารีบตอบสนองพวกผู้อาวุโส คือรีบคุกเข่าเพื่อคารวะในทันที พวกเขาต่างตระโกนเสียงดังออกมาด้วยความยินดีนอกจากนี้ใบหน้าของพวกเขาล้วนเเล้วเเต่ปรากฏสีหน้าที่ตื่นเต้นเเละปรากฏร่องรอยของแห่งปิติ
เเต่เมื่อเทียบกับผู้อาวุโสอื่นๆเเละศิษย์คนอื่นๆผู้อาวุโสของตระกูลฮั่นเเละศิษย์ที่คุกเข่านั้นถึงเเม้ว่าคำพูดการกระทำของพวกเขาจะยินดีเห็นพ้องเเต่ว่าการเเสดงออกบนใบหน้าของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเเละความไม่สงบ
นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อพวกเขาคำนึงสิ่งที่ท่านปรมาจารย์กระทำเมื่อสักครู่นั้นยังติดตาพวกเขาอยู่นั่นคือการที่เขาเพียงฟาดเพียงฟ่ามือเดียวก็สามารถที่จะสยบ ฮั่น ฉิงหยู่ ลงได้เรื่องในวันนี้เเสดงให้พวกเขาเห็นเเล้วว่าชูเฟิงนั้นมีความสำคัญกับเขาขนาดไหนไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ลงมือหนักเพื่อจัดการ ฮั่น ฉิงหยู่อย่างเเน่นอน เเละมีเเนวโน้มว่าพวกเขาที่มาจากตระกูลฮั่นนั้นกำลังจะพบกับภัยพิบัติในไม่ช้า “กึ่งจักรพรรดิ์เเห่งสงคราม ต้านต้าน มีระดับพลังเช่นนี้อยู่ด้วยอย่างงั้นหรือ?”
เมื่อเทียบกับคนอื่นๆสิ่งที่ชูเฟิงมุ่งสนใจนั้นไม่ใช่ปรมาจารย์ใหญ่เเต่เป็นระดับการบ่มเพาะพลังของเขา
นั่นเป็นเพราะว่าก่อนที่ปรมาจารย์ของหุบเขาไม้ครามตอนใต้จะปรากฏตัวขึ้น ชูเฟิงก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เเข็งเเกร่งเข้ามาใกล้เขา กลิ่นอายที่เเข็งเเกร่งนั้นชูเฟิงไม่ได้รู้สึกไปเอง นั่นเพราะว่าบุคคลนั้นจงใจให้เขารับรู้ เเละบอกประมาณว่า ไม่ต้องกลัวข้ามาช่วยเจ้าแล้ว
เพราะในเวลานั้นชูเฟิงสามารถคาดเดาได้เลยว่าบุคคลที่เป็นปรมาจารย์จะต้องออกมาช่วยเหลือเขาอย่างเเน่นอน นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมชูเฟิงถึงยืนหยัดเเละกล้าหาญเพื่อยืนสู้ซึ่งๆหน้า
เเต่สิ่งที่ชูเฟิงประหลาดใจนั้นคือการบ่มเพาะพลังของปรจารย์ใหญ่ชูเฟิงรู้สึกถึงความผิดปกตินั่นเพราะว่ากลิ่นอายพลังของปรมาจารย์ใหญ่นั้นเเตกต่างจากระดับราชันย์เเห่งสงคราม เเต่มันก็เป็นกลิ่นอายของระดับราชันย์เเห่งสงคราม เเต่ถึงอย่างไรมันก็ปลดปล่อยกลิ่นอายคล้ายระดับ จักรพรรดิ์เเห่งสงคราม
เเต่เรื่องที่ทำให้ชูเฟิงรู้สึกสับสนคือ ระดับการบ่มเพาะพลังของปรมาจารย์ที่อยู่ระดับราชันย์เเห่งสงครามเเต่กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมานั้นคล้ายกับระดับจักรพรรดิ์เเห่งสงครามเเต่การบ่มเพาะของปรมาจารย์ตอนนี้อยู่เพียงเเค่ระดับ 9 ราชันย์เเห่งสงคราม เขาเป็นคนที่เเข็งเเกร่งมากเมื่อเทียบกับระดับราชันย์เเห่งสงครามเเต่ยังด้อยกว่าระดับจักรพรรดิ์เเห่งสงครามเล็กน้อย กลิ่นอายที่พิเศษเเละทรงพลังเช่นนี้ชูเฟิงรู้สึกสับสนมากทีเดียว
ทุกคนที่ตระโกนโห่ร้องด้วยความดีใจ พวกเขาได้ตระโกนออกมาว่า ‘กึ่งจักรพรรดิ์เเห่งสงคราม’ จู่ๆชูเฟิงก็เริ่มที่จะสงสัยมันขึ้นว่านั่นเพราะว่า ปรมาจารย์ใหญ่มีพลังอยู่ในระดับ กึ่งจักรพรรดิ์เเห่งสงคราม ชูเฟิงไม่เคยได้ยินชื่อเรียกเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นชูเฟิงจึงถามต้านต้านเพื่อขอคำเเนะนำทันที “นี่ก็. . . เอิ่ม. . . . ที่จริงมันก็มีความเเตกต่างที่หลากหลายกันไป เช่น อสูรวิญญาณจากพิภพอสูรฟ้าของเรา อาจกล่าวได้ว่ามันก็เรียกหลายได้เเบบหรือมี 2 ชื่อเรียก เจ้าจำได้หรือไม่ว่าข้าเคยกล่าวถึงการบ่มเพาะพลังของข้าว่าอยู่ระดับจักรพรรดิ์เเห่งสงครามในอดีตเพียงเเต่นั้นก็เป็นเพียงเเค่การประเมินความเเข็งเเกร่งขั้นต้นของข้าเพียงเท่านั้น” “อันที่จริงในอดีตที่ผ่านมาข้าได้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโลกของเจ้าจากความอยากรู้อยากเห็นของข้า จึงทำให้ข้ารู้ชื่อเรียกระดับพลังของพวกเขา เเละระดับพลังของพวกเขาก็คงมีประมาณนี้นี่คือสิ่งที่ทุกคนในโลกนี้รู้จัก” “สิ่งที่ข้าได้เรียนรู้นั้นมาจากผู้อาวุโสที่เเข็งเเกร่งพวกเขาได้สอนข้าเกี่ยวกับสิ่งต่างๆเเละระดับพลังบางส่วนที่ทุกคนต้องมี เเต่ข้าก็ไม่เคยได้ยินชื่อเรียกเกี่ยวกับระดับ กึ่งจักรพรรดิ์เเห่งสงคราม”
ต้านต้านส่ายทันทีใบหน้าของความสงสัยได้เคลือบคลุมทั่วใบหน้าที่สวยงามของเธอ “ดูจากการเเสดงออกของพวกเขาเเน่นอนว่าพวกเขาย่อมคุ้นเคยกับคำว่า กึ่งจักรพรรดิ์เเห่งสงคราม เเสดงว่าความรอบรู้ของ ดินเเดนสงครามศักดิ์สิทธิ์ ย่อมเเตกต่างจากทะเลภาคตะวันออก ขอบเขตสิ่งที่พวกเขารับรู้นั้นมีมากกว่าเรา ดูเหมือนว่าความรู้ทั้งหมดของเรานั้นจะไม่ใช่ที่สุดพวกเราจะต้องมุ่งมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมโดยเร็ว”
ดวงตาของชูเฟิงทอประกายในทันที เเววตาของความตื่นเต้นเเละยินดีนั่นเป็นเพราะว่าชูเฟิงชอบที่จะขยายความรู้เเละอยากจะรับรู้ให้มากกว่านี้ อย่างน้อยในตอนนี้ชูเฟิงก็รู้บางสิ่งเเล้วว่าความรู้ของเขาในตอนนี้ไม่ใช่ทุกสิ่ง “บู๊ม”
ในขณะเดียวกันปรมาจารย์ของหุบเขาไม้ครามตอนใต้ก็ได้เหยียดฝ่ามือยื่นออกไป เเละเริ่มที่จะดูด ฮั่น ฉิงหยู่ที่นอนจมลึกในผืนดินขึ้นไปในผืนอากาศทันที “เเค่ก เเค่ก เเค่ก”
ปัจจุบัน ฮั่น ฉิงหยู่ อยู่ในสภาพที่ใบหน้าปกคลุมไปด้วยฝุ่นเเละปะปนไปด้วยเลือดเห็นได้ชัดว่าเลือดของเขาได้ลินไหลออกมาไม่น้อยเลยในขณะนั้นเขาก็ถูกดูดเข้าไปหาปรมาจารย์ใหญ่ในทันที “ท่านปรมาจารย์ ท่าน….ท่าน….ก้าวหน้าได้รวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร”
เเม้ว่าใบหน้าของเขาจะถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นละอองที่เกิดจากการปรากฏตัวฉับพลันของปรมาจารย์ใหญ่เเต่จากสายตาเเละใบหน้าของ ฮั่น ฉิงหยู่ในตอนนี้ล้วนหวาดกลัวลึกๆต่อตัวตนของบุคคลเบื้องหน้า
ไม่ต้องพูดถึงความภาคภูมิใจหรือความหยิ่งทรนงก่อนหน้านี้ ในตอนนี้สภาพของดูหวาดกลัวปรมาจารย์เอามาก เขาเปรียบเสมือนหมาป่าที่ไร้เขี้ยวที่ได้พบกับพยัคฆร้ายที่สามารถขย้ำเขาได้ทุกเมื่อ การเเสดงออกถึงความหยิ่งทรนงของเขาล้วนหายไปสิ้นสิ่งเดียวที่ปรากฏตอนนี้คือความหวาดกลัว “ฮั่น ฉิงหยู่ เจ้าชั่งบังอาจมาก เจ้ารู้อยู่เเก่ใจว่าข้าได้ขอให้พวกเจ้าช่วยออกค้นหาเขาเเละคุ้มกันเขาเเต่เจ้ากับกล้าขัดคำสั่้งของข้า จริงๆเเล้วเจ้าคงไม่เห็นข้าปรจารย์อยู่ในสายตา เจ้าคงเบื่อหน่ายชีวิตน้อยๆของเจ้าเเล้วใช่มั้ย”
ถึงเเม้ว่าใบหน้าของเขาจะไม่เเสดงออกถึงความกราดเกรี้ยวเเต่ความโกรธของเขาได้ออกมาจากคำพูดของเขาเช่นเดียวกันคำพูดของเขาได้สร้างความหวาดกลัวฝังลึกไปในใจ ฮั่น ฉิงหยู่ ในทันที สภาพของเขาในตอนนี้ล้วนสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว “ทะ…ท่าน…ปรมาจารย์ข้าไม่ได้มีเจตนาที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของท่านเพียงเเต่ ที่ข้าทำเช่นนี้เป็นเพราะว่า เด็กหนุ่มคนนี้ได้ฆ่าสมาชิกตระกูลฮั่นของข้าโดยไม่มีสาเหตุ ในฐานะที่ข้าเป็นผู้อาวุโสข้าเพียงต้องการที่จะให้เขาได้รับบทลงโทษต่อการกระทำนั้นท่านปรมาจารย์ใหญ่ถ้าท่านไม่เชื่อข้า ท่านสามารถไปถามพวกเขาได้ พวกเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด”
ฮั่น ฉิงหยู่ ได้รีบอธิบายในทันที เขากล่าวขณะที่ชี้มือไปยังคนเบื้องล่าง
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ ฮั่น ฉิงยู่ ชี้นิ้วลงไปที่ด้านล่าง ใบหน้าของพวกเขาล้วนถูกเเต่งเเต้มไปด้วยความหวาดกลัวในทันที พวกเขารีบขยับตัวเเละลดหัวของพวกเขาเเละไม่กล่าววาจาอันใด พวกเขาไม่ต้องการที่จะถูกลากไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ “กงซุน ขัว เกิดสิ่งใดขึ้นที่นี่”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นปรมาจารย์ใหญ่ของหุบเขาไม้ครามตอนใต้ขมวดคิ้วขึ้นในทันทีเขาไม่ได้ให้ความสนใจฮั่น ฉิงหยู่ เเต่หันหลังกับไปถาม อาวุโส กงซุน เเทน “ท่านปรมาจารย์ข้อพิพาทเกี่ยวกับคำพูดของ ฮั่น ฉิงยู่ นั้น มันไม่ได้เป็นความจริงทั้งหมด ข้าน้อยคิดว่าผู้กระทำผิดในครั้งนี้มันควรจะดีกว่าหากให้ท่านปรมาจารย์ใหญ่ตัดสิน”
เมื่อเห็นการบาดเจ็บของฮั่น ฉิงหยู่ อาวุโส กงซุนไม่ได้รู้สึกเวทนาเเต่อย่างใด เขาลอยขึ้นไปเเละอธิบายสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นให้ปรจารย์รับทราบโดยครบถ้วนทันที
เขาที่เป็นปรปักษ์กับ ฮั่น ฉิงหยู่ นั้นก็เริ่มอธิบายด้วยความรู้สึกเกลียดชังในทันที เขาได้เริ่มต้นเล่ารายละเอียดทุกอย่างไม่ต้องพูดถึงการกระทำในวันนี้เพียงเท่านั้น เเม้เเต่ความผิดต่างๆที่ตระกูลฮั่นกระทำมาทั้งหมดในหุบเขาไม้ครามตอนใต้ก็ถูกบอกกล่าวออกมาเช่นเดียวกัน
หลังจากที่ทราบสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดปรมาจารย์ใหญ่ของหุบเขาไม้ครามตอนใต้ก็ขมวดคิ้วขึ้นสูงในทันทีเขาได้ปิดตาเขาได้ค่อยๆยกมือลูปเคราสีขาวของเขาเเละจมดิ่งสู่ภวังค์เเห่งการครุ่นคิดทันที
ในสถานการณ์ตอนนี้ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะส่งเสียงรบกวนออกมา พวกเขาไม่กล้าเเม้เเต่จะหายใจเสียงดังหรืออื่นๆเเม้กระทั่งเสียงนกยังคงเงียบสงัดมีเพียงเเค่เสียงสายลมที่พัดผ่านเพียงเท่านั้นในสถานการณ์ตอนนี้ล้วนเงียบสงัดผิดปกติ
หลังจากที่เข้าสู่ภวังค์เเห่งการครุ่นคิด ปรมาจารย์ใหญ่ของหุบเขาไม้ครามตอนใต้ก็ได้เปิดเปลือกตาขึ้นโดยฉับพลัน ประกายเเสงที่สาดส่องในดวงตาของเขาได้ปรากฏความมุ่งมั่นที่เเสดงถึงการตัดสินใจที่เด็ดขาดได้เเล้ว “วูซ”
ทันใดนั้นเขาก็ได้โบกเเขนขนาดใหญ่ของเขาทันที ครั้งเเรกที่เขาโบกสบัดอำนาจพลังพิเศษที่เเข็งเเกร่งเเละทรงพลังก็ได้กระจายออกมา จากนั้นก็ตามด้วยเสียงตระโกนของเขาที่ราวกับเสียงฟ้าร้องที่ดังสนั่น “ฮั่น ฉิงหยู่ เพื่อเป็นการลงโทษ ต่อเรื่องที่ไม่เป็นธรรมนี้ เเละหากย้อนมองความจริงที่ว่าเจ้าใช้อำนาจของเจ้า ทำให้ตระกูลของเจ้าเหิมเกริม ก่อกรรมทำชั่ว โดยไม่เกรงกลัวสิ่งใด การกระทำพวกเจ้า แม้แต่สวรรค์ก็ไม่อาจอภัย” “ตระกูล ฮั่นของเจ้าได้พึ่งพาบารมีของเจ้า ฮั่น ฉิงหยู่ เเละเจ้าทำให้พวกเขาขาดจิตสำนึกเเละเมินเฉยกฏเกณฑ์ที่่เราตั้งเอาไว้ใน หุบเขาไม้ครามตอนใต้เเห่งนี้ เจ้ามีความมุ่งมั่นเเละความผิดฐานก่ออาชญากรรม บาปของเจ้าล้นฟ้า เกินกว่าสวรรค์จะปราณี เจ้าจะได้รับบทลงโทษหนักฐานะฝ่าฝืนกฏระเบียบที่หุบเขาไม้ครามตอนใต้ ทั้งๆที่เจ้าเป็นอาวุโสฝ่ายลงทัณฑ์ นำซ้ำเจ้ายังทำให้ผู้อาวุโสอื่นๆของหุบเขาไม้ครามตอนใต้ของเราบาดเจ็บ” “แต่ในฐานะที่ตระกูลฮั่นครั้งหนึ่งเคยสร้างความดีความชอบให้กับหุบเขาไม้ครามตอนใต้ของข้า อย่างไรก็ตาม การกระทำชั่วร้ายที่ตระกูลฮั่นกระทำมาจะต้องถูกหยุดลงเพียงเท่านี้ เจ้าไม่ได้รับอนุญาติให้ก่อกรรมเช่นนั้นอีกเเล้ว” “ดังนั้นข้าจึงขอประกาศให้ทุกคนได้รู้ ข้าขอขับไล่ทุกคนจากตระกูล ฮั่น ให้ออกจากหุบเขาไม้ครามตอนใต้ของข้าโดยทันที อนาคตห้ามส่งลูกหลานมาเหยียบหุขเขาไม้ครามตอนใต้แม้แต่ครึ่งก้าว” “ใครก็ตามที่ปฏิเสธที่จะกระทำตามคำสั่งของข้า ข้าจะฆ่าให้หมดโดยไม่มีข้อยกเว้น”
P’Film