I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 1154 – โลหะหยาดนภา

| Martial God Asura | 3499 | 2367 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

บทที่ 1154 – โลหะหยาดนภา

 

ในตอนนั่นประตูค่อยๆเปิดออก ทั้งสองคนก็ก้าวเข้าไป และพบกับโลกที่ต่างไปจากเดิมปรากฏอยู่เบื้องหน้า

 

มันเป็นอาณาบริเวณ ปรากฏเบื้องหน้าคล้ายกับ พระราชตำหนักโล่ง มีขนาดไม่กว้างมาก

 

ผนังของพระราชตำหนัก เต็มไปด้วยสีเงินและทอง ที่สร้างมาจากคริสตัล นอกจากนี้ มันยังดูไม่เหมือนกับคริสตัลธรรมดาๆ พวกมันส่องสว่างวูบวาบ จนทำให้ตาแทบจะบอด ความรู้สึกที่สามารถอธิบายลักษณะของมันมีเพียงคำเดียว นั่นคือ อัศจรรย์

 

ความน่าทึ่งของมันเกิดจาก สิ่งนึงตั้งอยู่รอบๆพระราชตำหนัก ซึ่งมันทำให้ ชูเฟิง และ ไป๋ รู่วเฉิน แทบจะบ้า

 

เป็น ผลไม้ รูปร่างต่างๆ บางลูก มีลักษณะคล้าย มะม่วง บ้างก็เหมือน แอปเปิ้ล และ บ้างก็มีขนาดใหญ่เท่าแตงโม แต่พวกมันหาใช่ ผลไม้ธรรมดาๆ

 

นั่นเป็นเพราะบนผิวของพวกมี มีแสงส่องสว่าง ที่เกิดจากจิตวิญญาณทางธรรมชาติอยู่เต็มเปี่ยม นำซ้ำยังเป็นพลังวิญญาณในระดับ ราชันย์ ผลไม้เหล่านี้ก็คือ ทรัพยากรในการเพาะปลูกชั้นสูง “ผลไม้จิตวิญญาณธรรมชาติ มีมากมายขนาดนี้เลย!!!”

 

ในตอนนั่นไม่ใช่ แค่ ชูเฟิง ที่แสดงสีหน้าแห่งความปิติ แม้แต่ ไป๋ รู่วเฉิน ก็เป็นไปด้วย นั่นเพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุด หาใช่สมบัติหรือของล้ำค่า แต่เป็นสิ่งที่สามารถช่วยทำให้พลังวิญญาณของพวกเขาก้าวสูงขึ้นไป “สุดยอดเลย!!! ผลไม้จิตวิญญาณธรรมชาติพวกนี้ทั้งหมด น่าจะเป็น ราชันย์แห่งโอสถ ใช่หรือเปล่า ?!”

 

ชูเฟิง อ้าปากค้าง ด้วยความตะลึง “พวกมันไม่ใช่แค่ ราชันย์แห่งโอสถ ธรรมดาๆ แต่พวกมันคือ ราชันย์แห่งโอสถระดับสูง พวกมันมีพลังราชันย์อัดแน่นมากมายมหาศาล ยิ่งไปกว่านั่นยังง่ายในการดูดซับพลัง เราที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นราชันย์ นับว่าเราได้พบกับสมบัติที่มีค่ามากที่สุด สำหรับการเพาะปลูก”ไป๋ รู่วเฉินตอบ “ฟู่วววว~~~~~~” ในขณะที่ ไป๋ รู่วเฉิน พูด ชูเฟิง ก็ปล่อยพลังดึงดูด ไปที่ราชันย์แห่งโอสถ จากนั่นพวกมันก็ลอยเข้ามาในอากาศ จนท้ายที่สุด พวกมันก็ถูกดูดเข้าไปใน ถุงจักรวาลของ ชูเฟิง

 

อย่างไรก็ตาม ชูเฟิง ไม่ได้เอามาทั้งหมด เขาเอาไปเพียงครึ่งนึง ของจำนวนราชันย์แห่งโอสถที่มีอยู่ “50 / 50 เจ้าคงไม่มีปัญหา ใช่ไม๊ ?!”

 

ชูเฟิง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็ตั้งใจไว้แบบนั่นตั้งแต่แรก”

 

ไป๋ รู่วเฉินยิ้มเบาๆขณะที่นาง นำเอาถุงจักรวาล ดูด ราชันย์แห่งโอสถที่เหลือ เข้ามา

 

ถึงแม้ว่า มันจะเป็นสิ่งจำเป็น ต่อ ชูเฟิง อย่างมาก แต่เขาก็ไม่ได้ติดใจใดๆ ที่เห็นไป๋ รู่วเฉิน รวมรวมราชันย์แห่งโอสถเข้าไปในถุงจักรวาล

 

เพราะเขา รู้ดีแก่ใจว่า ของล่ำค่าพวกนี้ ไป๋ รู่วเฉิน สมควรได้รับ เพราะมันถูกทิ้งไว้โดยบรรพบุรุษนิกายสวรรค์เพื่อให้ ลูกหลาน ชูเฟิง ที่ไม่ใช่คนของนิกายสวรรค์ นับว่าโชคดีมากที่ได้รับมันมาตั้งครึ่งนึง

 

นอกจากนี้ ชูเฟิง ก็สามารถบอกได้ว่า จากท่าทางของ ไป๋ รู่วเฉิน นางเองก็ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากมาย ไม่งั้น ท่าทางของนางในตอนนั่นคงไม่ตื่นเต้นแบบออกน่าออกตา ดังนั่น ชูเฟิง จึงรู้สึกว่า นางสมควรได้รับ “นั่นคืออะไร ?!”

 

อย่างไรก็ตาม ในตอนนั่น ชูเฟิง ก็กวาดสายตาไปรอบๆ และสายตาเขาก็ไปสะดุดกับอะไรบางอย่างจนเขาต้องตะลึง หลัง ไป๋ รู่วเฉิน เก็บโอสถเสร็จเรียบร้อย นางก็มองตานิ้วที่ ชูเฟิง ชี้

 

ในตอนนั่นยังมีของอีกสามชิ้นปรากฏอยู่ใจกลางของ พระราชตำหนัก มันดูคล้ายกับก้อนเหล็ก แต่โครงสร้างธาตุของมันดูผิดปกติ ทั้งสามก้อนมีลักษณะเป็นแท่ง สี่เหลี่ยมผืนผ้า หนา 2 ฟุต มีความกว้าง 1 เมตร ยาว 3 เมตร ถูกจัดวางในลักษณะที่เป็นระเบียบ

 

ชูเฟิง มองแค่แว๊บเดียวก็รู้ว่า ก้อนโลหะทั้ง 3 นั่นไม่ใช่โลหะธรรมดาๆ แม้ว่ามันจะไม่ได้ปล่อยออร่าพิเศษใดๆ แต่ ชูเฟิง ก็พอสัมผัสได้ว่า ก้อนโลหะพวกนั่น ไม่สามารถทำลายได้ง่ายๆ พวกมันดูยึดยุ่นและแข็งแกร่ง สิ่งที่ทำให้ ชูเฟิง แปลกใจที่สุด คือการที่มัน เปี่ยมไปด้วยอำนาจวิญญาณ ราวกับว่าพวกมันมีชีวิต “นี่คืออะไร ?!”

 

ในเวลานั่น ไป๋ รู่วเฉิน ก็สังเกตุพวกมัน นอกจากนี้ นางยังเดินเข้าไปใกล้ๆกับพวกมัน ขณะที่นางกล่าว นางก็ยิ่งประหลาดใจ เพราะนาง พบกับ อักษรที่สลักไว้ “ไหน ?!”

 

ได้ยินคำพูดนั่น ชูเฟิง ก็รีบเดินเข้าไปที่ก้อนโลหะทั้งสาม หลังจากนั่น เขาก็พบว่า บนก้อนโลหะทั้งสาม มีอักษร สลักไว้อยู่จริงๆ “โลหะหยาดนภา”

 

แต่เดิม แร่โลหะชนิดนี้จะถูกฝังอยู่ในส่วนลึกของเปลือกโลก พวกมันจะคอยดูดพลังจากฟ้าเป็นเวลานับหมื่นๆปี จนในที่สุดก็เกิดเป็น โลหะหยาดนภา” “โลหะหยาดนภา หากใช้ทำเป็นเกราะ จะทำให้ร่างกายราวกับเป็นอมตะ หากใช้ทำเป็นอาวุธ อาวุธนั่นก็จะทำลายได้ทุกสิ่ง เป็นแร่ที่หาพบได้บนโลกยากมาก นี่เป็นส่วนนึงของวัสดุในการใช้สร้าง ยอดยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ” “โลหะหยาดนภา ถือเป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้ หากมีลูกหลานคนใดที่ได้รับไป พวกเขาจะต้องปิดบังไม่ให้โลกรับรู้ พวกเขาจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้กับตัวเพื่อใช้ประโยชน์จากมัน หากพวกเขาไม่มีความสามารถพอที่จะใช้มันได้ พวกเขาจำเป็นจะต้องเก็บซ่อนมันไว้ เพื่อมอบสู่ชนรุ่นหลัง”

 

อักษรเหล่านี้ ดูแข็งแกร่งและเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ เห็นได้ชัดเลยว่า คนที่สลักคำเหล่านี้ มีคนที่มีการเพาะปลูกที่ไม่ธรรมดา แต่อย่างไรก็ตาม แม้อักษรเหล่านั่นจะถูกสลักบนพื้นผิวของโลหะหยาดนภา แต่มันก็ไม่ได้ถูกสลักลึกมากสักเท่าไหร่

 

ทำให้ รู้ได้ทันทีว่า โลหะหยาดนภา เหล่านี้ ไม่สามารถทำลายได้ และ มันก็ถือเป็น สมบัติที่หายากมากๆ “พวกมัน มีไว้ใช้สร้าง ยอดยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ จริงๆหรอ ?!”เมื่อเขาได้รู้คุณสมบัติและความเป็นมาของก้อนโลหะทั้ง 3 ชูเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง

 

นั่นเป็นเพราะว่าเขาสามารถบอกได้ว่า โลหะหยาดนภา เหล่านี้ มันมีค่าเสียยิ่งกว่า ราชันย์แห่งโอสถที่เขาและไป๋ รู่วเฉิน ได้รับมา เห็นได้ชัดว่า โลหะหยาดนภา เป็นสมบัติล้ำค่าของบรรพบุรุษนิกายสวรรค์ทีต้องการมอบให้แก่ ลูกหลาน ของเขา

 

เพราะว่า ยอดยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเป็นศาสตราวุธที่แสนจะพิเศษ เป็นไปไม่ได้ที่ผู้คนที่รู้เรื่องนี้จะไม่เกิดความโลภเมื่อได้พบมัน แต่ก็มีไม่กี่คนเท่านั่น ที่มีความสามารถพอที่จะสร้าง ยอดยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ “ฟู่ว~~~”

 

ในตอนนั่น ไป๋ รู่วเฉิน ก็เปิดถุงจักรวาล พร้อมกับดูด โลหะหยาดนภา ก้อนนึง เข้ามา

 

หลังจากนั่น นางก็หันไปมอง โลหะหยาดนภาอีกสองชิ้นที่เหลือ แล้วเหลือบไปมอง ชูเฟิง และกล่าว”

 

ความต้องการของท่านบรรพบุรุษชัดเจนมาก ว่าเขานั่นต้องการมอบสิ่งนี้ให้กับลูกหลาน ที่มีความสามารถพอที่จะใช้มัน สร้างเป็น ยอดยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ” “อย่างไรก็ตาม หากลูกหลานของเขาเอาไปแล้ว ไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ เขาก็ไม่อยากให้สมบัติพวกนี้ต้องเสียเปล่า แต่เนื่องจากเขาห้ามเรานำไปขาย ข้าจึงจำเป็นจะต้องเก็บมันไว้ให้แก่คนรุ่นหลังของนิกายสวรรค์” “เจ้าคิดว่า เจ้ามีความสามารถพอ ที่จะทำความต้องการของบรรพบุรุษให้สำเร็จได้หรือเปล่า ?!” “ข้าจะไม่ทำให้ บรรพบุรุษนิกายสวรรค์ ต้องผิดหวัง!!!”

 

ชูเฟิงตอบกลับด้วยความมั่นใจ “หากเจ้ามั่นใจเช่นนั่น โลหะหยาดนภาสองก้อนที่เหลือ ก็เป็นของเจ้า”

 

ไป๋ รู่วเฉิน พูดคำเหล่านั่น พร้อมกับเดินเข้าลึกเข้าไปในพระราชตำหนัก “น้อง รู่วเฉิน เจ้าแน่ใจนะ ว่าเจ้าจะมอบมันให้ข้า มันจะดีจริงๆหรอ”

 

ชูเฟิง แปลกใจอย่างมาก หากคิดจากความเป็นจริง ไป๋ รุ่วเฉิน น่าจะเก็บมันไว้กับตัวทั้งหมด แต่นี้ นาง กับมอบมันให้เขาตั้ง 2 ชิ้น มันจึงทำให้ ชูเฟิง แสดงท่าทางเกรงใจออกมา “สิ่งที่ข้าต้องการมากที่สุดในตอนนี้ คือทรัพยากรเพาะปลูก โลหะหยาดนภาแค่ก้อนเดียวก็เกินพอสำหรับข้า สำหรับสองก้อนที่เหลือ ข้าคิดว่า เจ้านั่นมีความสามารถด้านอำนาจวิญญาณเหนือกว่าข้า ในอนาคตเจ้าอาจทิ้งข้าไปไกลจนไม่เห็นฝุ่น ข้าจึงมั่นใจว่า ไม่ช้าก็เร็ว เจ้าจะต้องใช้โลหะหยาดนภาได้อย่างแน่นอน” “นอกจากนี้ ที่เราหาสถานที่แห่งนี้พบ ก็เป็นผลงานของเจ้าเกือบจะทั้งหมด หากไม่มีเจ้า ข้าอาจไม่ได้พบกับ พระราชตำหนักและสมบัติที่อยู่ภายในนี้ ดังนั่น ข้าจึงคิดว่าเจ้าน่าจะสมควรได้รับการตอบแทนมากกว่าข้า”

 

ไป๋ รู่วเฉินกล่าว

 

หลังจากได้ยิน ไป๋ รู่วเฉิน กล่าว ชูเฟิง ก็ยิ้มอย่างโล่งอก การที่ ไป๋ รู่วเฉิน พูดเช่นนี้ มันทำให้เขา เลิกกังวล เหมือนกับตัวเองเป็นคนโลภ ดังนั่น ชูเฟิง จึงเก็บโลหะหยาดนภานี้ได้อย่างสบายใจ “พลังจากฟ้า มันจะเกี่ยวข้องกับสมุนไพรนภาหรือเปล่า ?!”ในขณะนั่น ชูเฟิง ก็มีคำถามอื่นเกิดขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นแค่คำถามในใจ ที่ ชูเฟิง ไม่คิดอะไรมาก เพราะเขาได้รับส่วนแบ่งมาเรียบร้อย

 

ReaDMGA ////////////////////////////////////////

 

A : ไป๋ รู่วเฉิน น่ารัก จริงๆ!!!

 

B : อยากรู้แล้ว ว่าพี่เฟิงจะเอา โลหะหยาดนภา ไปสร้างเป็นอะไร ?!

 

C : กุมารทอง!!! ควายธนู!!!

 

A : มีดคู่!!! ดาบคู่!!! เห็นมันมี 2 ก้อนเลยคิดว่าจะเป็น มีดคู่หรือดาบคู่ น่าจะเหมาะดี

 

B : อาจจะเป็น กาต้า ของนักลอบสังหารก็ได้!!! ถ้าทำเป็นอาวุธอ่ะนะ ไม่แน่มันอาจจะเอาไปทำเกราะ นึ่งชิ้น อาวุธนึ่งชิ้น ก็ได้ใครจะรู้

 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments