ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 1094 – คว้ามันมาครอง
ความเร็วของ ชูเฟิง นั่นเร็วอย่างมาก ราวกับว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็น ดาวหางที่ครอบครองพลังทำลายล้าง จนไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดยั้งเขาได้
สิ่งที่ ชูเฟิง แสดงออกมา ทำให้ สาวกทั้งหมดของนิกายสวรรค์ เบิกตากว้างเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเกิดความชื่นชมต่อ ชูเฟิง ไม่มากก็น้อย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นเช่นนั่น หนึ่งสิ่งที่ยังคงมองเห็นชัดคือการดูแคลน เพราะ นับตั้งแต่ ที่ ไป๋ รู่วเฉิน ปรากฏ พวกเขาก็ปักใจเชื่อแล้วว่า ชูเฟิง จะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
แต่ในบรรดาสาวกหลักนิกายสวรรค์ที่อยู่ในนี้ ไม่มีใครเลยที่สามารถเทียบกับ ชูเฟิง ได้ สักคน “ปั้ง”
ในขณะนั้นชูเฟิงก็พุ่งผ่านเข้าไปใกล้วงกลมรอบนอก ในทันทีสายตาของ ไป๋ รู่วเฉิน ส่องประกายออกมาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ทันทีนั้นระลอกคลื่นพลังที่ไม่มีสิ้นสุดก็เริ่มที่จะเเผ่ออกมาจากร่างของเธอในทันที
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับระลอกคลื่นพลังที่เเข็งเเกร่งนั้น พื้นที่เเห่งนั้นเริ่มที่จะสั่นสะเทือนออกมา รอยเเตกขนาดเล็กเริ่มที่จะปรากฏรอบๆพื้นที่เเห่งนั้น นั่นทำให้ชูเฟิงขมวดคิ้วอย่างจริงจัง เขาตระหนักได้ทันทีว่าไม่ควรประมาทเธอคนนี้
ด้วยพลังการต่อสู้ของชูเฟิงถึงเเม้เขาจะมีระดับ 1 ราชันย์เเห่งสงครามเเต่เเน่นอนว่า ถ้าเขาเจอกับระดับ 3 ราชันย์เเห่งสงครามธรรมดาๆ พวกเขาเหล่านั้นไม่สามารถที่จะต่อกรกับ ชูเฟิง ได้อย่างเเน่นอน
อย่างไรก็ตามผู้หญิงคนนี้ที่ ชื่อ ไป๋ รู่วเฉิน ดูเหมือนว่าจะมีพลังการต่อสู้ที่เหนือสามัญสำนึก อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้เป็นเพียงเเค่ระดับ 3 ราชันย์เเห่งสงคราม ธรรมดาๆ
อย่างไรก็ตาม ถึงเเม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ชูเฟิงก็ไม่ได้ลดความเร็วลงเเม้เเต่น้อย นอกจากนี้เขาไม่ได้พยายามที่จะเลี่ยงการประทะจากพลังงานเหล่านั้น เขาเลือกเข้าปะทะกับมันตรงๆ ชูเฟิงวางเเผนที่จะทดสอบความเเข็งเเกร่งของร่างกายของเขากับบุคคลที่ชื่อว่า ไป๋ รู่วเฉิน นี้ “ปั้ง~~~~”
ในทันทีร่างกายของเขาก็ได้ปะทะกับระลอกพลังทันที เป็นที่น่าเเปลกใจเป็นอย่างมากที่เขาไม่สามารถที่จะต่อกรระลอกพลังนั้นได้ทั้งหมดราวกับว่าเขาได้พุ่งเข้าไปชนกำเเพงที่เเข็งเเกร่งเเละในขณะเดียวกันเขาก็ถูกพลักออกไปหลายพันเมตร ในขณะที่บินอยู่ ชูเฟิงเริ่มที่จะจัดการเเละหยุดเเรงเหวี่ยงเเละปรับสมดุลร่างกายของเขาในทันที
เมื่อเห็นฉากนั้น ฉีคง ไจ้ฉิง เเสดงอาการประหลาดใจออกมา เขาไม่สามารถที่จะช่วยให้ตนเองหายกังวลได้ ในฐานะที่เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญอาวุโสคนหนึ่งเเละเขาได้ผ่านการบ่มเพาะพลังเเละอันตรายมาหลายปี ฉะนั้นเขาจึงสามารถบอกได้เลยว่า ไป๋ รู่วเฉินคนนี้ เป็นบุคคลพิเศษ เเละเป็นอัจฉริยะอย่างเเท้จริง
ในฐานะที่เธอมาจากนิกายสวรรค์พวกเขาเหล่านั้นล้วนเเสดงออกด้วยความดีอกดีใจนั่นเพราะว่าความภาคภูมิใจของเธอนั้นก็เท่ากับความภาคภูมิใจของนิกายในสายตาของพวกเขา
ไป๋ รู่วเฉิน ล้วนไม่ใช่ศิษย์ธรรมดาสามัญ เป็นเป็นอัจฉริยะที่เเข็งเเกร่งของนิกายสวรรค์เเน่นอนว่าเธอวางเเผนที่จะเข้าร่วมกับหุบเขาไม้ครามในปีนี้ด้วยอย่างเเน่นอนไม่เพียงเเต่เธอจะนำเกียรติมาสู่นิกายสวรรค์เเต่เธอจะทำให้ผู้อาวุโที่เเข็งเเกร่งตกตระลึงในพรสวรรค์ของเธอก็เป็นได้ “อาจารย์ใหญ่ ฉีคง ศิษย์ของท่านสามารถที่จะปะมือกับเธอได้นับว่าสมควรได้รับการยกย่องเเล้วในฐานะที่เขากล้าหาญเพียงเเต่ข้าเเนะนำให้ท่านยอมเเพ้ซะเถอะความเเข็งเเกร่งของ ไป๋ รู่วเฉิน นั้นเป็นที่สุดในบรรดาศิษย์ที่เเข็งเเกร่งของนิกายสวรรค์เรา” “เขาที่คิดจะพยายามเทียบตัวเองกับ รู่วเฉิน นั้น ถึงเเม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เเต่ก็ถือว่าได้พยายามเเล้ว”
ในขณะเดียวกันสองผู้อาวุโสจากนิกายสวรรค์ไม่สามารถที่จะสรรหาคำพูดเยาะเย้ยออกมาว่าอย่างไรดี เขารู้สึกสมเพศอาจารย์ใหญ่อย่างเห็นได้ชัด
หลังจากที่ได้ยินคำกล่าวของผู้อาวุโสสองคน การเเสดงออกของ ฉีคง ไจ้ฉิง ก็บิดเบี้ยวเเละน่าเกลียดมากขึ้น นั่นเพราะว่าผู้อาวุโสเหล่านี้ล้วนอ่อนเเอกว่าเขา ไม่ว่าจะการบ่มเพาะพลังของพวกเขาหรือสถานะของพวกเขา ก็ไม่สมควรที่จะกล่าวออกมาในลักษณะการพูดเช่นนี้
อย่างไรก็ตามถึงเเม้เขาจะไม่พอใจเเต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธมันเขามุ่งเน้นไปที่การจับจ้องชูเฟิงเพียงอย่างเดียว เขารู้ดีว่าชูเฟิงยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดออกมาอย่างเเน่นอน
ดังนั้นเขาจึงยังมีร่องรอยของความหวังอยู่ เขาหวังว่าอย่างน้อยชูเฟิงจะสามารถเข้าไปในวงกลมด้านนอกเเละได้รับเกียรติเข้าไปในเจดีย์ไม้คราม “เจ้าจะทำเช่นไรต่อทีนี้?”
ในขณะเดียวกัน ไป๋ รู่วเฉิน ก็ได้พูดออกมาการเเสดงออกของเธอราวกับไม่เเยเเสเรื่องนี้สักเท่าไหร่บนใบหน้าที่งดงามของเธอ นั่นเพราะว่าการบ่มเพาะพลังของชูเฟิงนั้น ทำให้เธอรู้สึกไม่มีภัยเเม้เเต่น้อย ท่าเธอเอาจริงเธอคิดว่าสามารถสยบชูเฟิงได้อย่างรวดเร็ว “หืม นั่นเพียงเเค่ข้าต้องการเพียงเเค่วอร์มอัพก่อนเท่านั้น ตอนนี้ข้าจะเริ่มเอาจริงบ้างละ”
ชูเฟิงเพียงยิ้มเบาๆก่อนที่ร่างกายของเขาจะเคลื่อนย้ายไปอย่างกระทันหัน ในทันทีเขาเริ่มที่จะบินเข้าไปทางนอกวงกลมเเละเข้าไปหา ไป๋ รู่วเฉินในทันที
ไม่ต้องพูดถึงความเร็วของเขา นั่นเพราะเขาไม่ได้ช้าหรือเร็วเกินก่อนหน้านี้เเม้เเต่น้อยอย่างไรก็ตามสีหน้าเเสดงความตั้งใจก็ปรากฏขึ้นมาอย่างเต็มเปี่ยม “ช่างไม่รู้จักประมาณตนยิ่งนัก”
เมื่อเห็นว่าชูเฟิงไม่มีท่าทียอมเเพ้เเละต่อต้านเธออีกครั้งเเละเขายังใช้วิธีเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ การเเสดงออกบนใบหน้าของ ไป๋ รู่วเฉิน ก็จ้องมองไปทางเขาอีกครั้งหลังจากนั้นก็ปรากฏละลอกคลื่นพุ่งผ่านไปกระทบเป็นวงกว้างกวาดผ่านทุกอย่างบนผืนนภาอย่างรวดเร็ว “เกราะสายฟ้า!!!”
ในขณะเดียวกันเมื่อชูเฟิงได้พบกับระลอกคลื่นพลังนั้นเขาก็ได้เรียกใช้เกราะสายฟ้าในที ในทันทีที่มันปรากฏออกมามันก็ได้ห่อหุ้มร่างกายของเเละเริ่มสร้างกระเเสสายฟ้า คำรามดังลั่นออกมา
เมื่อเกราะสายฟ้าปรากฏการบ่มเพาะพลังของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้อยู่ระดับ 1 ราชันย์เเห่งสงครามอีกต่อไป เเต่เป็นระดับ 2 ราชันย์เเห่งสงคราม
ในขณะที่การบ่มเพาะพลังของเขาเลื่อนขึ้นไปที่ระดับ 2 ราชันย์เเห่งสงคราม กลิ่นอายที่เเข็งเเกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างกระทันหันมันเเข็งเเกร่งขึ้นกว่าก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด เขาเพียงยกฝ่ามือกำขึ้นเเละต่อยไปในทันที ในขณะนั้นพลังงานที่เเข็งเเกร่งได้เเปรเปลี่ยนชั้นพลังงานพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วทำให้ระลอกคลื่นพลังของ ไป๋ รู่วเฉิน เเยกออกจากกันในทันที “นั่นมัน อะไรกัน!!!?”
ฉากที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ใบหน้าของพวกเขาทุกคนที่มองอยู่นั้นเเปรเปลี่ยนเป็นความตกใจ โดยเฉพาะใบหน้าของ ไป๋ รู่วเฉิน การเเสดงออกของร่องรอยของความประหลาดใจได้ปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของเธอ
อย่างไรก็ตามใรก็ตามในขณะที่เธอตกใจนั้นทันทีเธอก็ระลึกได้ว่าได้ประมาทฝ่ายตรงข้ามมากเกินไป ดังนั้นเธอจึงเริ่มเร่งมือเเละเริ่มสร้างระลอกคลื่นพลังงานที่เเข็งเเกร่งออกมาเเละมันก็พุ่งผ่านไปยังชูเฟิงอย่างรวดเร็วในขณะเดียวกันระลอกคลื่นพลังอันนี้ก็เเข็งเเกร่งกว่าอันที่ผ่าน
อาจกล่าวได้ว่าระลอกพลังงานที่เเข็งเเกร่งอันนี้ ไป๋ รู่วเฉินได้ใช้พลังที่เเท้จริงของเธอเข้าต่อกร ระลอกคลื่นพลังอันนี้เเข็งเเกร่งเป็นอย่างมาก ไม่ใช่ว่า ระดับ 2 ราชันย์เเห่งสงครามธรรมดาจะต่อกรได้ เเม้เเต่ระดับ 4 ราชันย์เเห่งสงครามก็ยากที่จะต้านทานเช่นกัน
ในขณะที่ ไป๋ รู่วเฉิน ปลดปล่อยพลังที่เเข็งเเกร่งออกมานั้น ชูเฟิงรู้ดีว่านางไม่ใช่บุคคลที่เล่นด้วยได้ง่ายๆ เเม้ชูเฟิงจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากมาที่เขาจะเอาชนะระลอกคลื่นพลังอันนี้ เเต่เขาก็ไม่ได้วิตกกังวลเพียงเเต่กลับปรากฏพลังงานที่เเข็งเเกร่งออกมาจากร่างกายของเขาในทันที “เพลงดาบมังกรคลั่ง ไร้ตัวตัน!!!”
ในขณะที่เขาตะโกนคำพูดเหล่านั้นออกมา จู่ๆมือของเขาก็ยกขึ้นมาเเละปรากฏเเรงกดดันที่เเข็งเเกร่งพวยพุ่งออกมา ในเวลาเดียวกันก็ปรากฏดาบแสงที่คมเเละส่องเเสงเเพรวพราวก็ปรากขึ้นในมือของเขา
หลังจากที่ดาบปรากขึ้นมา ชูเฟิงเพียงเเค่ตวัดผ่านไปมา คลื่นพลังงานที่เเข็งเเกร่งก็พลั้งพรูออกมาจากดาบในทันที เส้นทางดาบที่เขาวาดผ่านไปนั้นปรากฏเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวขึ้น เเละมันก็ครอบคลุมเท่าผืนฟ้า ในขณะนั้นระลอกคลื่นพลังของ ไป๋ รู่วเฉิน ก็โดนเขาตัดออกจากกันในทันที
เมื่อฉากดังกล่าวปรากฏขึ้น ชูเฟิงก็ได้พุ่งผ่านเข้ามาอยู่ในวงกลมด้านนอกที่ถูกวาดโดย ไป๋ รู่วเฉิน อย่างรวดเร็ว แต่นี่ก็เป็นเพียงเเค่วงกลมชั้นนอกที่เธอสร้างขึ้นมาเพียงเท่านั้น “อะไรกัน ?!”
ในขณะเดียวกันการเเสดงออกของทุกคนก็เเปรเปลี่ยนเป็นความว่างปล่าว เเละตกตะลึงกับภาพที่เห็นในทันที
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า ศิษย์จากหุบเขาไม้ครามตอนใต้ จะเเข็งเเกร่งขนาดนี้
สำหรับเหล่าศิษย์นิกายสวรรค์เเน่นอนว่าพวกเขารู้สึกช็อคเป็นอย่างมากพวกเขาไม่เคยคิดว่าชูเฟิงจะเเข็งเเกร่งขนาดนี้
อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสสองคนของนิกายสวรรค์ก่อนหน้านี้ที่หัวเราะเยาะเย้ยเเน่นอนว่าพวกเขารู้สึกประหลาดใจดวงตาของพวกเขาล้วนเบิกกว้าง ปากของพวกเขาต่างเผยอค้างไปด้วยความตกใจ พวกเขาล้วนประหลาดใจเกี่ยวกับความสามารถของชูเฟิงอย่างเเท้จริง “อ่า อาจารย์ใหญ่ ฉีคง ขอเเสดงความยินดีด้วย ที่ท่านมีศิษย์เก่งขนาดนี้ ปรากฏขึ้นที่หุบเขาไม้ครามตอนใต้ของท่าน ไม่ว่าจะเป็นทักษะที่เเข็งเเกร่งเเละพลังการต่อสู้ของเขาล้วนเเล้วเเต่พิเศษอย่างเห็นได้ชัด ในอนาคตเขาจะต้องกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างเเน่นอน ไม่เพียงเเค่นั้นพรสวรรค์ของเขาล้วนเเล้วเเต่สามารถทำให้หุบเขาไม้ครามตอนใต้ของท่าน กลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งก็เป็นได้”
ในขณะนั้น ฮูหยิน ประมุข ที่ค่อนข้างสงบก็ได้จับจ้องไปที่ชูเฟิง นางรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เเต่ก็ไม่ได้เเสดงอาการไม่พอใจออกมา นางเพียงเเค่ตบมือ ออกมาเล็กน้อยเเละจ้องไปทางชูเฟิงพร้อมกล่าวว่า “ยอดเยี่ยม เกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าอนุญาติให้เจ้าสามารถเข้าสถานที่ เจดีย์ไม้ครามตอนใต้ได้!!!” “ฮูหยิน ประมุข ดูเหมือนว่าคำพูดที่ท่านกล่าวมาจะผิดพลาดไปเล็กน้อย”
ในขณะเดียวผู้คนเหล่านั้นล้วนประหลาดใจกับคำกล่าวของชูเฟิง ที่กล่าวกับ ฮูหยิน ประมุข “สหายน้อย ข้าพูดอะไรผิดพลาดไปอย่างงั้นหรือ ?!”
ฮูหยินประมุข ถามชูเฟิงด้วยรอยยิ้มของนาง “โอกาสอันนี้ไม่ใช่สิ่งที่ท่านมอบให้ข้า เเต่เป็นข้าคว้ามันมาเอง”
ชูเฟิงกล่าวออกมา
P’Film ////////////////////////////////////////
A : อีหนู นี้จะยอมง่ายๆหรอ เห็นคนมาสปอยว่าเอากันนานเลย!!!
B : สู้กันนาน!!!
C : แหม๋ พี่ A เขาหลอกสปอย ฉากเลิฟซีน หรือเปล่า ?! พี่ B มืงไม่รับมุขเลย
B : ถ้าจะใช้มืง ก็อย่าเรียก กูพี่เลย!!!