I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 1110 – ยิ่งใหญ่

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

บทที่ 1110 – ยิ่งใหญ่

 

หลังจากที่มังกร และหงส์ ได้แสดงพลังอำนาจของมันออกมาแล้วนั้น ชูเฟิง และ ไป่ รู่วเฉิน ก็คลายทักษะผสานของพวกเขาในทันที หลังจากที่มังกร และหงส์ หายไปนั้น พระราชวังก็กลับสู่ความสงบเช่นเดิม หลงเหลือไว้เพียงคลื่นความร้อน และความเย็นที่ยังคงสัมผัสได้อยู่เท่านั้น “ไม่เลว !!การผสานของพวกเราก้าวหน้าขึ้นมาก !!”

 

ชูเฟิง มองไปยัง ไป่ รู่วเฉิน พร้อมกล่าวพลางหัวเราะออกมา

 

เมื่อได้ยินเช่นนั่น ไป่ รู่วเฉิน ก็บินเข้าไปใกล้ ชูเฟิง แต่สายตาของนางไม่ได้เย็นชาเช่นเดิม แต่กลับเป็นสายตาที่อ่อนโยน อีกทั้งมุมปากของนางยังขยับขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มที่งดงามของนาง

 

โดยไม่คำนึงถึงความยโสในก่อนหน้านี้ของนางนั้น ไป่ รู่วเฉิน ก็เป็นคนหนึ่งที่ไขว่ขว้าหาพลังที่แข็งแกร่ง และพลังของทักษะ มังกร – หงส์ร่ายรำนั้น ก็ทำให้นางพอใจอย่างมาก และนางก็ต้องการที่จะฝึกฝนมันจนเชี่ยวชาญโดยเร็ว และเมื่อนางใช้มันออกมาได้อย่างสมบูรณ์เช่นนี้ ก็ต้องขอบคุณ ชูเฟิง ดังนั่น มันจึงทำให้นางมีความสุขอย่างมาก

 

***** แปะๆ ๆ ๆ ๆ ๆ *****

 

ในขณะนั้น เสียงปรบมือก็ดังขึ้นมาจากด้านล่าง เมื่อมองลงไปนั้น ประมุขนิกายสวรรค์ และทุกๆ คนต่างปรบมือออกมา ในขณะที่ใบหน้าของพวกเขาแสดงออกถึงความขอบคุณอย่างชัดเจน

 

ในขณะนั้น มีเพียงคนเดียวที่ยังสงบนิ่ง นั่นคือแม่ของ ไป่ รู่วเฉิน แม้ว่านางจะไม่รู้มาก่อนว่า ชูเฟิง และ ไป่ รู่วเฉิน จะฝึกฝนทักษะผสานได้สำเร็จ แต่นางก็ไม่แสดงความยินดีออกมา

 

อย่างไรก็ตาม มุมปากของนางยังคงยกขึ้น และเผยให้เห็นรอยยิ้มของนาง แม้ว่านะเป็นการแสดงออกเพียงเล็กน้อยของนางเท่านั้น แต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่านางมีความสุขอย่างมาก ที่นางได้เห็นความสามารถของ ชูเฟิง และ ไป่ รู่วเฉิน เช่นนี้ “ทักษะ มังกร – หงส์ร่ายรำช่างสุดยอดจริงๆ คนแก่เช่นข้า ได้เห็นพลังของทักษะของท่านบรรพบุรุษเช่นนี้ ก็นับว่าไม่เสียชาติเกิดแล้ว !!”หากเทียบความสงบของ แม่ ไป่ รู่วเฉิน แล้วนั้น ฉีคง ไจ้ฉิง ถือได้ว่าห่างไกลอย่างมาก “ถูกต้อง ชูเฟิง , รุ่วเฉิน พวกเจ้าสองคนทำให้พวกเราประหลาดใจอย่างมาก และข้าก็หวังว่าจะได้เห็นผลงานของพวกเจ้าหุบเขาไม้คราม !!”

 

ประมุขนิกายสวรรค์กล่าว “เอาล่ะ นี่ก็ได้เวลาแล้ว !!”

 

ในขณะนั้ แม่ของ ไป่ รู่วเฉิน ก็กล่าวออกมา ก่อนจะหันกลับมาที่ประมุขนิกายสวรรค์ และกล่าวอีกว่า”

 

จื่อเซียน ท่านต้องเตรียมการอย่างรอบคอบ อย่าให้ผู้ใดมารังแก รู่วเฉิน ได้ ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น !!””รับรองได้เลย !!”

 

ประมุขนิกายสวรรค์พยักหน้ารับในทันที แต่ดูเหมือนว่า เขาค่อนข้างจะลังเลอยู่เล็กน้อย เพราะถึงอย่างไรนั้น ในหุบเขาไม้ครามก็เต็มไปด้วยคนที่แข็งแกร่ง ดังนั้น เขาจึงไม่อาจรับประกันได้ว่า พวกเขาทั้งสองคนจะไม่ถูกผู้ใดรังแก “ท่านแม่ไม่ไปด้วยกันหรือ !?”

 

เมื่อได้ยินเช่นั้น ไป่ รู่วเฉิน ก็รีบบินลงที่แม่ของนาง พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ข้าไปไม่ได้ จะต้องมีคนที่อยู่ดูแลนิกายสวรรค์ แล้วอีกอย่าง เจ้าไม่ใช่เด็กๆ แล้ว และข้าก็ไม่อาจอยู่กับเจ้าได้ตลอดไป !!”

 

แม่ของนางกล่าวออกมาพร้อมกับลูบไปที่ผมดำสลวยของนาง รอยยิ้มของนางยังคงอยู่ แต่มันเต็มไปด้วยความเมตตาอย่างชัดเจน

 

ในเวลานั้น ชูเฟิง พบว่า ไป่ รู่วเฉิน ไม่พอใจอย่างมาก แต่แล้วความไม่พอใจของนางก็ค่อยๆ จางหายไป ก่อนที่นางจะพยักหน้ารับการตัดสินใจของแม่ของนาง

 

ในขณะนั้น ชูเฟิง และคนอื่นๆ ก็พร้อมที่จะออกเดินทางกันเรียบร้อย และทุกคนก็มารออยู่ที่ลานของนิกายสวรรค์ เมื่อ ชูเฟิง พบพวกเขา ชูเฟิง ก็ต้องตะลึงอย่างมาก

 

แม้ว่า ชูเฟิง จะเคยพบศิษย์ของนิกายสวรรค์ทั้งเก้าสิบเก้าคนมาแล้วนั้น แต่ศิษย์ที่นิกายสวรรค์จะส่งเข้าสู่หุบเขาไม้ครามทั้งหมดนั้น ไม่ใช่แค่หลักร้อย แต่จำนวนทั้งหมดนั้นคือ สี่พันห้าร้อยหกสิบเจ็ดคน

 

ในหมู่พวกเขานั้น คนที่แข็งแกร่งที่สุดคือ ไป่ รู่วเฉิน ที่มีพลังขั้นราชนย์สงรรามระดับสามอย่างไม่ต้องสงสัย

 

แลคนที่อ่อนแอที่สุดก็มีพลังในขั้นจ้าวสงครามระดับสูงสุด แต่ด้วยจำนวนคนขนาดนี้นั้น มันเห็นได้ชัดว่านิกายสวรรค์นั้นแกร่งกว่า วิหารกลุ่มดาวนักล่า อย่างชัดเจน

 

แต่สิ่งที่ทำให้ ชูเฟิง ประหลาดใจนั้นคือ นิกายสวรรค์ไม่ได้ใช้เรือรบเพียงลำเดียว เพื่อส่งศิษย์ของนิกายเช่นเดียวกับวิหารกลุ่มดาวนักล่า ที่ใช้เรือรบเพียงลำเดียวในการส่งศิษย์ของพวกเขากว่าสามพันคน แต่นิกายสวรรค์กลับใช้เรือรบกว่าร้อยลำ มันทำให้ดูยิ่งใหญ่อย่างมาก

 

ในขณะที่เรือรบกว่าร้อยลำบินผ่านพื้นแผ่นดินนั้น มันก็ดูราวกับว่าสามารถครอบครองได้ทั้งท้องฟ้าก็ไม่ปาน

 

และยิ่งเมื่อเห็นว่าเรือรบแต่ละลำนั้น มีสัญลักษณ์ของนิกายสววรค์ทุกลำ มันยิ่งทำให้ต้องยอมรับว่า นิกายสวรรค์นั้นมั่งคั่งอย่างมาก “นี่มันไม่เว่อร์ไปหน่อยหรือนี่ !?”

 

ชูเฟิง ถอนหายใจออกมาด้วยความชมเชย ในครั้งที่หมู่เกาะประหาร ร่วมมือกับสามมหาอำนาจ พวกเขายังไม่แสดงความมั่งคั่งออกมามากเช่นตอนนี้

 

ต้องยอมรับว่าดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์นั้น ไม่ใช่สถานที่ที่เขตทะเลตะวันออกจะสามารถเทียบเคียงได้ แม้แต่ในสถานที่รกร้างเช่นหุบเขาไม้ครามใต้ หากตั้งอยู่ในเขตทะเลตะวันออก พวกเขาก็จะกลายเป็นขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ท่สุดอย่างแน่นอน ดังนั้น ชูเฟิง จึงคิดถึงความแข็งแกร่งของขุมพลังที่แท้จริง ที่อยู่เหนือทุกขุมพลังในดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์ “นี่ไม่ใช่เพียงแค่ศิษย์ที่จะเข้าไปยังหุบเขาไม้คราม แต่นี่ยังรวมไปถึงคนรับใช้ของพวกเขาด้วย นี่เป็นเพราะนิกายสวรรค์คือขุมพลังระดับหนึ่งของหุบเขาไม้คราม หากเจ้าได้เห็นสาขาย่อยของหุบเขาไม้ครามที่แท้จริงของเขตอื่นๆ นั้น เจ้าจะรู้ว่านิกายสวรรค์นั้นไม่อาจเทียบกับพวกเขาได้แม้แต่น้อย !!”

 

ฉีคง ไจ้ฉิง กล่าวอธิบายกับ ชูเฟิง “หุบเข้าไม้ครามอีกสามเขตเช่นนั้นหรือ !? ข้าเองก็อยากเห็นความยิ่งใหญ่ของพวกเขาเช่นกัน !!”

 

ในขณะนั้น แววตาของ ชูเฟิง อัดแน่นไปด้วยความหวัง

 

ในขณะนั้น ทุกๆ คนได้เข้ามาในอาณาเขตของหุบเขาไม้คราม ที่ตั้งอยู่ไกลจากนิกายสวรรค์อย่างมาก และแม้ว่าเรือรบจะมีความรวดเร็ว แต่ก็ต้องใช้เวลานานอย่างมากเช่นกัน กว่าจะเดินทางมาถึง

 

ในที่สุดนั้น หลังจากการเดอนทางที่ยาวนาน ชูเฟิง และคนอื่นๆ ก็ได้มาถึงอาณาเขตของหุบเขาไม้คราม และในที่สุด ชูเฟิง ก็ได้พบกับหนึ่งในเก้าขุมพลังของดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์

 

แม้ว่า หุบเขาไม้คราม จะได้ชื่อว่าเป็นหุบเขา แต่อาณาเขตของมันนั้นกลับประกอบไปด้วยหุบเขาหลายลูก และมีแม้กระทั่งทะเลขนาบสองข้าง อีกทั้งระหว่างหุบเขายังมีทะเลสาบอีกด้วย ดังนั้น พื้นที่ทั้งหมดของหุบเขาไม้ครามนั้น จึงเปรียบได้กับอาณาจักรทั้งอาณาจักรก็ว่าได้

 

อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถตำหนิเรื่องพื้นที่ของหุบเขาไม้ครามได้ เพราะด้วยจำนวนคนของพวกเขานั้นมีจำนวนอย่างมาก

 

ศิษย์ภายนอกของพวกเขามีมากกว่าสองพันแปดร้อยล้านคน และศิษย์ภายในมีจำนวนกว่าสองร้อยล้านคน พวกเขาคือขุมพลังที่จะกลายเป็นศิษย์หลักของหุบเขาไม้คราม

 

และจำนวนศิษย์หลักของพวกเขาก็มีกว่าสิบล้านคน คนที่อ่อนแอที่สุดอยู่ในระดับสูงสุดของขั้นจ้าวสงคราม และมีกว่าแสนคนที่มีพลังในขั้นราชันย์สงคราม

 

ในเขตทะเลตะวันออกนั้น ผู้เชี่ยวชาญขั้นราชันย์สงครามคือคนที่ทุกคนต่างเคารพยำเกรง แต่กับสถานที่แห่งนี้ แม้ว่าจะมีพลังขั้นราชันย์สงคราม พวกเขาก็เป็นได้เพียงศิษย์เท่านั้น

 

นอกจากนี้ จำนวนของผู้อาวุโสก็มีไม่น้อยกว่าจำนวนของศิษย์สักเท่าไหร่นัก หากที่นี่ไม่มีกฏว่า ผู้ใดไม่ต้องการเป็นผู้อาวุโสก็ให้ออกจากหุบเขาไม้ครามไปนั้น รับรองว่าจำนวนของผู้อาวุโสจะต้องน้อยกว่านี้อย่างมาก “นี่มันยิ่งใหญ่จริงๆ !!”

 

เมื่อเห็นทิวทัศน์ที่งดงามโดยรอบ รวมทั้งเหล่าผู้คนที่ลอยอยู่ในอากาศด้วยทักษะต่างๆ เช่นนี้ ช่วยไม่ได้เลยที่ ชูเฟิง จะถอนหายใจออกมาด้วยความยากเย็น

 

ชูเฟิง เชื่อว่าตัวเขานั้นได้ผ่านประสบการณ์มานับไม่ถ้วน แต่เมื่อเทียบกับหุบเขาไม้ครามแห่งนี้แล้วนั้น เขาก็ไม่ต่างอะไรกับก้อนกรวดเท่านั้น

 

ReaDMGA ////////////////////////////////////////

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments