ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 1092 – ฮูหยิน ประมุข
เมื่อ ชูเฟิง กล่าวคำเหล่านั้นออกมาจบ ใบหน้าของศิษย์นิกายสวรรค์ต่างถูกชโลมไปด้วยเหงื่อเย็น
ตั้งแต่ต้นจนจบนั้น แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ศิษย์ของนิกายสวรรค์ก็ตระหนักได้ดีถึงความแข็งแกร่งของศิษย์จากหุบเขาไม้ครามใต้ ที่ชื่อว่า ชูเฟิง
หากพวกเขาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอัจฉริยะนั้น เช่นนี้ ชูเฟิง ย่อมขึ้นชื่อว่าเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นเหนือพวกเขาทั้งหมด
อย่างน้อยที่สุด ด้วยความแข็งแกร่งที่ ชูเฟิง ได้แสดงออกมาในตอนนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถต่อต้านได้แม้แต่นิดเดียว
ดังนั้น แม้ว่าพวกเขาจะลังเลอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็สามารถหาข้อสรุปโดยรวมได้อย่างไม่ยากเย็นนัก พวกเขาพากันพยักหน้าและกล่าวออกมาว่า”
พวกเราตกลง !!””ข้าก็หวังเช่นนั้น !!”
หลังจากเห็นว่าทุกคนยอมรับแล้วนั้น ชูเฟิง ก็ลดจิตสังหารของเขาลง พร้อมกับโยนยาเม็ดไปให้ชายที่ได้รับบาดเจ็บหนัก “รักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าซะ ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นเรื่องยากที่ข้าต้องหาคำอธิบายว่าทำไมเจ้าถึงได้บาดเจ็บเช่นนี้ !!”
มันเป็นความอับอายอย่างมาก ราวกับการตบหัวแล้วลูบหลังก็ไม่ปาน
อย่างไรก็ตาม ศิษย์ของนิกายสวรรค์ไม่กล้ากล่าวอะไรออกมาแต่อย่างใด พวกเขาทำได้เพียงอดทนต่อความอัปยศเช่นนี้ และกินยาที่ ชูเฟิง ส่งมาให้เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเท่านั้น
หลังจากเห็นว่าอาการบาดเจ็บของทุกๆ คนไม่สามารถมองออกได้แล้วนั้น ชูเฟิง ก็สลายรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณของเขาในทันที
หลังจากออกมาด้านนอกนั้น ชูฟิง ก็พบว่า ฉีคง ไจ้ชิง ยังไม่กลับมา และไม่มีร่องรอยของผู้ใดที่มาที่นี่อีก
หลังจากนั้น ชูเฟิง ก็รออยู่ที่กว่าสองชั่วโมง ฉีคง ไจ้ชิง ก็ยังไม่กลับมา อีกทั้งในเวลานี้ ดวงอาทิตย์ได้ลับของฟ้าไปแล้ว และท้องฟ้าก็ถูกแทนที่ด้วยสีดำสนิท ในขณะที่โดยรอบตะเกียงไฟได้ถูกจุดขึ้นเพื่อให้แสงสว่าง
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น ชูเฟิง ก็ยังคงรอไปอีกหนึ่งชั่วโมง และในที่สุด ฉีคง ไจ้ชิง ก็กลับมา แต่เขาไม่ได้กลับมาพร้อมกับผู้อาวุโส โจว แต่กลับมาพร้อมกับผู้อาวุโสสองคนที่รูปร่างผอม พวกเขาทั้งสองคนมีพลังเพียงขั้นราชันย์สงครามระดับสองเท่านั้น และดูจากเสื้อผ้าของพวกเขา ก็สามารถบอกได้ทันทีว่าพวกเขาไม่ได้เป็นผู้จัดการอาวุโส แต่เป็นเพียงผู้อาวุโสทั่วๆ ไปเท่านั้น
นอกจากนี้ เมื่อดูจากใบหน้าเหี่ยวๆของ ฉีคง ไจ้ชิง แล้วนั้น เห็นได้ชัดว่าเขากำลังท้อแท้อย่างมาก ในการค้นหาตัวของผู้อาวุโส โจว “ชูเฟิง ผู้อาวุโส โจว มีภารกิจสำคัญ และผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ไม่กล้าจัดการกับเรื่องนี้ แต่พวกเขาก็ได้จัดที่พักไว้ให้กับพวกเราในคืนนี้ พวกเรานะรอให้ผู้อาวุโส โจว กลับมา และอธิบายเรื่องทั้งหมดให้แก่สหายน้อยเหล่านี้ฟัง !!”
ฉีคง ไจ้ชิง พยายามฝืนยิ้มออกมา แต่เห็นได้ชัดว่าลักษณะของเขาไม่สู้ดีนัก
ไม่พบตัวผู้อาวุโส โจว และผู้จัดการอาวุโสคนอื่นๆ ดังนั้น จึงไม่ต้องกล่าวถึงประมุขนิกายแม้แต่น้อย
เมื่อตกอยู่ในสภาพนี้นั้น มันทำให้เขาไม่มีทางเลือก เห็นได้ชัดว่านิกายสวรรค์ทำเช่นนี้โดยมีจุดประสงค์บางอย่าง นั่นก็เพื่อผลักดันให้พวกเขาทั้งสองคนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ในตอนนี้ มันทำให้เขาคิดว่านิกายสวรรค์จะไม่ทำตามสัญญาของบรรพบุรุษ โดยที่ไม่ยอมให้ ชูเฟิง ได้รับมรดกนั้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะตกอยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แต่เขาก็หวังว่าจะสามารถเข้าสูเจดีย์ป่าครามใต้ และรับมรดกมาได้
ไม่ว่านิกายสวรรค์จะยินดีที่จะช่วยเขาหรือไม่ก็ตาม มันเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้ และหากว่านิกายสวรรค์ไม่ช่วยเหลือ นั่นเท่ากับว่าสัญญาของบรรพบุรุษได้ถูกทำลายไป
แต่หาก ชูเฟิง สามารถได้รับมรดกนี้มาได้ มันจะเป็นการยืนยันความปราถนาของ ไป่หลี่ ซวนคง และเป็นการพิสูจน์ความเป็นมาของหุบเขาไม้ครามใต้ได้ ดังนั้น แม้ว่านิกายสวรรค์จะทำเรื่องยากลำบากต่อเขา ฉีคง ไจ้ชิง ก็เลือกที่นะอดทนต่อมัน “ท่านอาจารย์ใหญ่ ในช่วงที่ท่านได้ออกไปนั้น ข้าได้อธิบายเรื่องทุกอย่างให้พวกเขาฟังจนหมดแล้ว และพวกเขาก็เข้าในสถานการณ์ดี อีกทั้งยินดีที่จะให้พวกเราเข้าไปในเจดีย์ป่าครามใต้อีกด้วย !!”
ชูเฟิง กล่าวด้วยรอยยิ้มบาง “อะไรนะ !? พวกเขายอมรับแล้วหรือ !?”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของ ชูเฟิง นั้น มันทำให้ ฉีคง ไจ้ชิง ประหลาดใจอย่างมาก แม้แต่ผู้อาวุโสสองคนก็ประหลาดใจ จนพวกเขาสงสัยว่าพวกเขาฟังผิดไปหรือเปล่า
ดังนั้น พวกเขาจึงหันไปมองที่ศิษย์ทั้งเก้าสิบเก้าคน เพื่อหาคำยืนยันในสิ่งที่ ชูเฟิง กล่าวออกมา “ผู้อาวุโส ฉีคง ในก่อนหน้านี้พวกเราเข้าใจผิด ต้องขออภัยด้วย !!”พวกเขาต่างมองหน้ากันไปมา ก่อนจะกล่าวออกมา
แม้ว่าพวกเขาจะไม่กล่าวออกมาตรงๆ แต่การกระทำของพวกเขาก็เปรียบได้กับการยืนยันคำกล่าวของ ชูเฟิง
การกระทำของพวกเขานั้น ทำให้ผู้อาวุโสสองคนจากนิกายสวรรค์ต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เพราะพวกเขารู้ดีว่าศิษย์กลุ่มนี้เป็นคนประเภทใด
ด้วยความที่พวกเขาเป็นเพียงผู้อาวุโสทั่วๆ ไปนั้น มันทำให้พวกเขาถูกรังแกด้วยศิษย์กลุ่มนี้อยู่บ่อยครั้ง คนกลุ่มนี้ถือว่าตัวเองเป็นคนพิเศษ ดังนั้น พวกเขาจึงไม่เคยเห็นผู้ใดอยู่ในสายตา และพวกเขาส่วนใหญ่ก็เป็นลูกหลานของผู้จัดการอาวุโส
แต่ในตอนนี้ คนกลุ่มนี้กลับขออภัย ฉีคง ไจ้ชิง มันจึงเป็นเรื่องไม่น่าเชื่ออย่างมาก
ไม่ต้องกล่าวถึงผู้อาวุโสทั้งสองคนนั้น แม้แต่ ฉีคง ไจ้ชิง ก็รู้สึกดีอย่างมาก ด้วยความมีประสบการณ์ของเขานั้น เขาได้ตรวจสอบคนกลุ่มนี้อย่างระมัดระวัง และพบว่าใบหน้าของพวกเขามีความผิดปกติ และเมื่อเขาหันกลับมามอง ชูเฟิง ที่อยู่ในความสงบ เขาก็ตระหนักได้ถึงบางอย่างเป็นอย่างดี
แน่นอนว่าคนกลุ่มนี้จะต้องทำอะไรบางอย่างก่อนจะมืด และในท้ายที่สุดพวกเขาก็เลือกที่ประนีประนอมแทน
แม้ว่าการทำอันตรายใดๆ ต่อศิษย์นิกายสวรรค์ในพื้นที่ของนิกาย จะทำให้ ฉีคง ไจ้ชิง ต้องตกที่นั่งลำบาก แต่เขาก็รู้สึกมีความสุขอย่างมาก ที่มีศิษย์อย่าง ชูเฟิง “ถ้าหากว่าสหายน้อยยินดีแล้วล่ะก็ ชูเฟิง เข้าไปในเจดีย์ป่าครามใต้ และรับมรดกที่ท่านบรรพบุรุษของพวกเราทิ้งไว้ให้มาเถอะ !!”
ฉีคง ไจ้ชิง กล่าว “ได้ขอรับ !!”
ชูเฟิง ตอบรับคำกล่าวของ ฉีคง ไจ้ชิง ก่อนที่จะก้าวตรงไปยังเจดีย์ป่าครามใต้ “เดี๋ยวก่อน !!”
จู่ๆ ในขณะนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาจากท้องฟ้า
มันเป็นเสียงของผู้หญิงที่มีอายุ และแม้ว่านางจะอาศัยอยู่มานาน แต่รูปร่างของนางก็นับว่ายังงดงามอย่างมาก
นางมีผิวเป็นประกายราวกับหยก อีกทั้งผิวของนางยังเป็นสีขาวเนียน พร้อมกับรูปร่างที่สามารถดึงดูดสายตาของทุกๆ คนเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
ความงามของนางนั้นไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่เพียงรูปลักษณ์ของนางเท่านั้น แต่รวมไปถึงกลิ่นอายที่อบอุ่น และดูมีประสบการณ์ของนางอีกด้วย
แต่เรื่องทำให้ต้องตกตะลึงมากที่สุดนั้นไม่ใช่ความงดงามของนาง แต่เป็นการบ่มเพาะพลังของนาง ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า ฉีคง ไจ้ชิง อย่างชัดเจน “พวกเราคาราวะ ฮูหยิน ประมุข !!”
หลังจากที่นางปรากฏตัวออกมานั้น ทั้งผู้อาวุโส และเหล่าศิษย์ต่างคุกเข่าลงบนพื้นในทันที “ฮูหยิน ประมุข !?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉีคง ไจ้ชิง ก็หรี่ตาลง พร้อมกับแสดงความไม่พอใจออกมา
เพราะเขาได้ยินมาว่า ประมุขนิกายสวรรค์นั้นไม่มีคู่ครองมานาน และเมื่อสองปีก่อนนั้นเขาได้แต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่ง
มีคนน้อยมากที่จะได้เห็นนาง อีกทั้งยังมีข่าวลือว่านางแข็งแกร่งอย่างมาก และนางได้ใช้ความแข็งแกร่งของนางเปลี่ยนแปลงนิกายสวรรค์ให้เป็นไปตามความต้องการของนาง
ที่สำคัญที่สุดนั้น หลังจากการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ ด้วยการนำของนาง นิกายสวรรค์ก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก
ในช่วงก่อนสองปีก่อนนั้น นิกายสวรรค์มีความแข็งแกร่งที่เทียบได้กับวิหารกลุ่มดาวนักล่าเท่านั้น แต่หลังจากสองปีที่ผ่านมานั้น ด้วยการนำของนาง ทำให้นิกายสวรรค์แข็งแกร่งยิ่งกว่าวิหารกลุ่มดาวนักล่าอย่างชัดเจน
ดังนั้น ทุกคนจึงรู้ว่า ประมุขหญิงของนิกายสวรรค์ คือคนที่แข็งแกร่งอย่างมาก
ReaDMGA ////////////////////////////////////////
C : ลูกสาวนางนี้แหละ เมียคนที่ 7 ของพี่เฟิง
B : นอกจาก จื่อหลิง ซู่รู่ ซูเหม่ย หยวน รู่ว ยังมีใครอีกว่ะ!!!
C : มู่หรง ว่าน และก็ หย่า เฟย แล้วก็คนที่จะปรากฏนี่แหละ!!!
A : จะมีเมียเยอะไปแล้ว!!! รู้ไม๊ กูอิจฉา!!!!!