I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

True Martial World ตอนที่ ตอนที่ 13 : เหตุไม่คาดคิดระหว่างเก็บสมุนไพร

| True Martial World | 990 | 2339 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แม้ว่าเผ่าเหลียนตั้งอยู่ในดินแดนรอบนอก มีสภาพความเป็นอยู่แร้นแค้น แต่ก็เป็นเผ่าที่เป็นเจ้าของพื้นที่ผลิตสมุนไพร และภูเขาสมุนไพรเผ่าเหลียน

ภูเขาสมุนไพรเผ่าเหลียนเป็นพื้นที่  ที่มีพลังปราณหนาแน่น เอื้อประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของสมุนไพร มันถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แม้จะกล่าวว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ก็เป็นเพียงสถานที่เรียกขานโดยผู้ยากไร้ในเผ่าเหลียน ในสายตาชนเผ่าใหญ่ภูเขาสมุนไพรเผ่าเหลียน ไม่นับว่าเป็นอะไรได้

โดยรวมแล้ว ในดินแดนรอบนอกอันกว้างใหญ่ต่างเต็มไปด้วย สถานที่อันอุดมสมบูรณ์หนาแน่นไปด้วยพลังปราณ  ชนเผ่าขนาดใหญ่ต่างเลือกดินแดนที่อุดมไปด้วยพลังมหัศจรรย์เช่นนี้ลงหลักปักฐาน

โดยเฉพาะสถานที่ ที่ให้ผลผลิตมากและมีประโยชน์ต่อการบ่มเพาะของผู้ฝึกยุทธ

ที่สำคัญคือไม่ทราบด้วยสาเหตุใด สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งและสัตว์อสูรต่างหลีกเลี่ยง “สถานที่ศักดิ์สิทธ์” เหล่านี้

นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดทำให้มั่นใจ ในความปลอดภัยของชนเผ่าแน่นอน มันยากที่จะเกิดการบาดเจ็บจากสัตว์อสูรที่หลงพลัดเข้ามาทำลายหมู่บ้านเล็กๆ และก็แน่นอนทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขณะที่ป้องกันสัตว์อสูรจำนวนมากได้ และก็เป็นเหตุทำให้จำนวนสัตว์ในบริเวณใกล้เคียงลดน้อยลง กระต่ายและกวางถูกล่าเป็นรายการต้นๆ

เมื่อเป็นเช่นนั้นมีเพียง นักรบโลหิตม่วงเท่านั้นที่สามารถเข้าไปในดินแดนรอบนอกอันกว้างใหญ่เพื่อล่าสัตว์ได้

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนรอบนอกอันกว้างใหญ่ จึงเป็นสถานที่ต่างเสาะหา ภูเขาสมุนไพรเผ่าเหลียน ได้รับการพิจารณาว่าเป็นของคุณภาพต่ำมาก หากไม่แล้วเผ่าตระกูลเหลียนจะยึดครองมันไว้ได้อย่างไร? ถึงแม้ว่าภูเขาสมุนไพรเป็นของคุณภาพต่ำ แต่สำหรับเผ่าเหลียนมันเป็นสมบัติล้ำค่า

มันเป็นเหตุให้เผ่าตระกูลเหลียนตั้งอยู่ที่นี่

ทุกครั้งที่ชาวบ้านถูกส่งให้มาเก็บสมุนไพร พวกเขาจะได้รับการตรวจค้นอย่างเข้มงวดมิให้ผู้ใดแอบซ่อนเอาไปได้

อี้หวินแบกตะกร้าสมุนไพรเดินเคียงข้างเจียงเซียวโยรว เขาถามเรื่องเกี่ยวกับระดับของผู้ฝึกยุทธในโลกนี้

ขั้นต่ำสุดของผู้ฝึกยุทธเรียกว่า โลหิตมนุษย์ ผู้ฝึกยุทธที่อยู่ในขอบเขตโลหิตมนุษย์ เรียกว่า นักสู้ไร้นิรันดร์ หรือ ผู้ฝึกยุทธโลหิตมนุษย์

โลหิตมนุษย์ไม่มีขอบเขตชัดเจน แต่เป็นเพียงแค่คำที่ใช้ทั่วไปในหมู่ของผู้ฝึกยุทธ

โลหิตมนุษย์เป็นคำเรียก จากความเป็นจริงที่ว่าพวกเขาเป็นมนุษย์ที่มีโลหิตสีแดงปกติ นักสู้ไร้นิรันดร์ หรือผู้ฝึกยุทธโลหิตมนุษย์เป็นเพียงแค่ ผู้ฝึกยุทธปกติ

แม้ว่าพวกเขาจะฝึกวิชายุทธ พวกเขาไม่สามารถที่จะแยกตัวเองออกจากคนธรรมดาอื่นๆได้ พวกเขาหนีไม่พ้นความจริงที่ว่า พวกเขาก็เป็นเพียงคนธรรมดา เพียงแต่ นักสู้ไร้นิรันดร์ มีความแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป พวกเขาสามารถฉีกเสือออกจากกันและวิ่งเร็วเหมือนม้า

ขอบเขตโลหิตมนุษย์ แบ่งออกเป็น 5 ระดับ

ระดับ 1 แข็งแกร่ง

ระดับ 2 ประกาศศักดา

ระดับ 3 ฟ้าคำราม

ระดับ 4 ชีพจรสัมพันธ์

ระดับ 5 ปราณรวบรวม

ระดับแรกแข็งแกร่ง ต้องผ่านการยกน้ำหนักอย่างต่อเนื่อง  วิ่ง ตอกเสา และบำรุงด้วยโสม เนื้อสัตว์และอาหารอันทรงคุณค่าต่างๆ โดยจะปรับปรุงสภาพร่างกายอย่างช้าๆ ความแข็งแรงและความเร็ว จะถูกพัฒนาอย่างมาก!

ปัจจุบัน อี้หวินอยู่ในระดับที่หนึ่ง ความแข็งแรงของเขาเพิ่มขึ้น ยกหินได้ 300 ปอนด์ ความเร็วเหนือกว่า เจาเทจูสองเท่า แต่เขาจะได้รับพิจารณาว่า แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธในระดับ แข็งแกร่งทั้งหมด เพราะเขาอายุเพียงสิบสองปีและมีสภาพร่างกายเทียบได้กับ บุรุษรูปร่างปกติ

พูดอย่างเคร่งครัดความแข็งแกร่งก็ไม่อาจพิจารณาได้ว่าเป็นขั้นแรกของระดับวิชายุทธ

สำหรับโลหิตมนุษย์ ระดับที่สองประกาศศักดา จะอ้างอิงถึงวิชายุทธ การออกท่าทางให้ดีขึ้น และมีลมหายใจที่ยาวมากขึ้น การฝึกระดับประกาศศักดาขั้นสูง สามารถสร้างลูกศรบนอากาศจากลมหายใจ จะรู้จักกันว่า

“ หายใจเหมือนอสรพิษ ออกมาเหมือนลูกศร”

มันเห็นได้ชัดในฤดูหนาว  ลูกศรอากาศสามารถยิงได้ไกลถึง 5 ฟุต เจาะผ่านกระดาษได้! ผู้อยู่ในระดับประกาศศักดา 1 ใน 3 ของอัตราการเต้นของหัวใจเหมือนบุคคลปกติ แต่การไหลเวียนของเลือด จะมีผลกระทบอย่างเชื่องช้า ผู้ฝึกยุทธสามารถวิ่งได้เร็วเท่าม้า เป็นชั่วโมง โดยไม่หอบหรืออัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น

ระดับสามฟ้าคำรามหมายถึง ความสมบูรณ์แบบของร่างกาย การไหลเวียนเลือด กล้ามเนื้อ และกระดูก ทุกส่วนของร่างกาย มีการประสานงานอย่างดีเลิศ

“หนึ่งสามารถคงอยู่ได้ยาวนานและยังจู่โจมเหมือนสิงโต”

ผู้ฝึกยุทธระดับฟ้าคำราม มีร่างกายสมบูรณ์แบบ ร่างกายของพวกเขาจะส่งเสียงเหมือนฟ้าร้องออกจากข้อต่อ เมื่อเขาออกแรงอย่างแข็งกล้า เป็นที่มาของชื่อ

ระดับสี่ชีพจรสัมพันธ์ หมายถึง การชำระล้างเส้นลมปราณทั้งสิบสอง ควบคุมและปรับสมดุลของเลือดและพลัง เป็นความสมบูรณ์แบบของการไหลเวียนลมปราณ เมื่อมาถึงระดับนี้ ผู้ฝึกยุทธ จะรับรู้ถึงโลกของปราณ

ระดับที่ห้า ปราณรวบรวม เป็นการเสริมระดับสี่ชีพจรสัมพันธ์ ผู้ฝึกยุทธสามารถรับรู้โลกของปราณและดูดซับเข้าสู่ร่างกายของเขา ที่จุดสูงสุดของปราณรวบรวม โลกของปราณจะเปลี่ยนแปลงร่างกาย ฟื้นคืนพลัง ส่งผลให้ก้าวผ่านสู่ขอบเขตใหม่โลหิตม่วง

ถ้าพูดอย่างจริงจัง ขอบเขตโลหิตม่วงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการฝึกวิชายุทธ เมื่อผู้ฝึกยุทธ บ่มเพาะร่างกายตัวเองจนถึงขั้นนี้ ร่างกายจะเริ่มเปลี่ยนแปลง

ช่วงเวลาที่ข้ามขีดจำกัดเข้าสู่การเป็นนักรบโลหิตม่วง เลือดของเขาจะหนักเท่ากับปรอท เลือดนี้จะปรากฏสีม่วงอมทองใต้แสงตะวัน เป็นที่มาของชื่อ!

ผู้ฝึกยุทธที่เข้าสู่ขอบเขตโลหิตม่วงจะมีความแข็งแกร่งมาก สามารถรองรับพิทักษ์ดูแลเผ่าชนเล็กๆได้

ไม่เพียงเท่านั้น นักรบโลหิตม่วง ก็สามารถมีความสุขกับสถานะภาพอันสูงส่งในดินแดนรอบนอก นักรบโลหิตม่วงจะได้รับการปฏิบัติราวกับจักรพรรดิในเผ่าชนขนาดเล็ก-ขนาดกลาง สมาชิกในเผ่าทุกคนต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของเขา เป็นผู้ควบคุมกำหนดชีวิต ความเป็นตายของชนเผ่า

สาวงามทั้งหมดในเผ่าเป็นแค่ตัวเลือกของนักรบโลหิตม่วง เหล่าสตรีที่ได้รับความสนใจจากนักรบโลหิตม่วงถือว่าได้รับเกียรติ

ดังนั้น แม้ว่านางจะเป็นลูกสาวของผู้ดูแลเผ่า นางก็ยินดีปีนขึ้นเตียงของเขา

นี่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เหล่าสตรีที่มีชีวิตอยู่ด้วยอาหารจำนวนเล็กน้อย มีหรือจะไม่โอบกอดการปรากฏตัวของวีรบุรุษที่จะทำให้ชีวิตพวกนางดีขึ้น

ในยุคนี้ ผู้คนยกย่องความแข็งแกร่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรี!…….

“หวินเอ๋อร์ ข้าจะปีนขึ้นไปเก็บสมุนไพรแล้วโยนลงมาให้เจ้ารับ”

เจียงเซียวโยรว พูดขี้นขณะพยายามปีนขึ้นไป

ภูเขาสมุนไพรเผ่าเหลียนครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ และก็เป็นหุบเขาที่อันตรายมาก! ส่วนใหญ่ของสมุนไพรเติบโตขึ้นบนหน้าผา จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขึ้นไปเก็บ การปีนหน้าผาเพื่อเก็บสมุนไพรเป็นงานอันตรายอย่างยิ่ง นำไปสู่การตกตายเป็นจำนวนมาก

ก่อนหน้านี้ อี้หวินก็ตกลงมาตายเมื่อฟื้นขึ้นมา เจียงเซียวโยรวก็ยืนกรานไม่ให้เขาปีนหน้าผาอีก แต่เขาก็ไม่อาจจะปล่อยให้นางเสี่ยงภัย เขาพูดว่า

“พี่ท่านเก็บสมุนไพรที่ด้านล่าง ปล่อยด้านบนเป็นหน้าที่ข้า!”

“หวินเอ๋อร์หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว! เจ้าเพิ่งหายดี จะมีกำลังปีนขึ้นไปยังไง….”

เจียงเซียวโยรวพูดไม่ทันขาดคำ นางก็เห็นอี้หวินคว้าตระกร้า  แล้วปีนขึ้นไปราวกับลิง

“หวินเอ๋อร์…”

เจียงเซียวโยรวจ้องมองอี้หวินปีนขึ้นไป เขาปีนหน้าผาที่เป็นแนวตั้งและราบเรียบ เมื่อไหร่กันที่อี้หวินคล่องแคล่วขนาดนี้?

การเก็บสมุนไพรบนหน้าผา ไม่เพียงเกี่ยวกับการปีนผาสูง นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องมีประสบการณ์และความคุ้นเคยกับสมุนไพรและสถานที่ ที่พวกมันส่วนใหญ่เจริญเติบโต

ยกตัวอย่างเช่น สมุนไพรบางชนิดต้องการร่มเงา ขณะที่ชนิดอื่นต้องการแสงอาทิตย์ สมุนไพรบางชนิดต้องการที่แห้ง และบางชนิดต้องการที่ชุ่มชื้น

อี้หวินจมอยู่กับความรู้เรื่องสมุนไพรที่เรียนรู้เมื่อวันก่อน แต่ความรู้ของเขามีจำกัด เขาวางแผนที่จะใช้ความว่องไวชดเชยการขาดความรู้

แต่ก็เรียนรู้อย่างรวดเร็วว่า ไม่จำเป็นแค่ปีนขึ้นมาสูง 8 เมตร เขาก็เห็นจุดแสง สว่างขึ้นจากหินที่อยู่ใกล้ๆ จุดแสงคงอยู่ในอากาศ ไม่กี่วินาทีก่อนจะลอยตรงเข้ามาที่หน้าอกของเขา

ต่อจากนั้น ผลึกม่วงแผ่กระแสความเย็นที่สดใสมากขึ้น พลังงานไหลผ่านเส้นเลือด ทำให้เขารู้สึกสบายอย่างมาก ไม่ต้องมีคำถาม ผลึกม่วงกำลังดูดซับพลังงาน

“มันอาจจะเป็น…”

อี้หวินปีนไปดูที่ใต้ก้อนหินอย่างง่ายดาย และเห็นผลไม้สีแดงขนาดเท่ากำปั้น!

ตังกวอ เป็นสมุนไพรโลหิตม่วงคุณภาพต่ำ มองจากสีของมันเป็นสมุนไพรอายุมากกว่า 20 ปี อี้หวินยินดีอย่างยิ่ง

เขาแค่ต้องการเก็บมัน  หยดแสงก็ลอยออกมาจากตังกวอ แล้วเข้าไปที่หน้าอกของเขา ไม่กี่วินาทีต่อมา หยดแสงที่สามก็ตามมา แล้ว ตามด้วยสี่ จำนวนหยดแสงเพิ่มขึ้น

ผิวของตังกวอมีเงาเล็กน้อย หากไม่ตรวจสอบอย่างรอบคอบก็อาจผิดพลาดได้

ผลึกม่วงสามารถดูดซับแก่นพลังของตังกวอ!

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments