ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเฉียนจิ้น รู้สึกว่าโลกเกมเสมือนจริงมันแปลกแต่ก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์
ทักษะอาชีพนับร้อยมีคุณสมบัติของมันเอง เฉียนจิ้นจะเป็นลมเพียงแค่มองผ่านพวกมัน เขาไม่สามารถตัดสินใจได้
ในเวลานี้เสียงระบบจอมเวทย์ได้พูดขึ้นมาอีก
“คำแนะนำจากฉันให้คุณเลือกการหลอมและการตีโลหะครั้งแรก”
“เพราะอะไร”
“จากการสแกนของระบบคุณมีศักยภาพที่ดีทั้งแข็งแรงและมีความอดทนสูง การหลอมและการผลิต เป็นวิธีทึ่ดีที่สุดในการปรับปรุงคุณสมบัติทั้งสองเหล่านี้ในช่วงเริ่มต้น คุณสามารถเพิ่มคุณสมบัติได้ถึง40ในช่วงเวลาอันสั้น และคุณสามารถที่จะเริ่มต้นเล่นเกมได้
“เดียวนะ…ตอนนี้ฉันไม่สามารถที่จะเริ่มเล่นเกมได้เหลอ?” เฉียนจิ้นรู้สึกถึงความไม่ปรกติในขณะฟัง
“ใช่จากข้อมูลที่สแกนร่างกายของคุณอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์อยู่มาก ดังนั้นคุณต้องไปเพิ่มกำลังกายก่อนที่จะเริ่มเล่นเกมได้
“กำลังกายของฉันอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์ปรกติ…”
ประโยคนี้ฟังดูแล้วน่าอึดอัดใจ เฉียนจิ้น พูดประโยคนี้หลายครั้งแล้วตระหนักว่า“ดูเหมือนฉันมันไม่ปรกติ?”
เฉียนจิ้นไม่ได้บ้า แต่เขาพบว่ามันตลก แม้ว่าเขาเกิดมากับการพลังจิตวิญญาณพิการไม่สามารถที่จะเป็นนักเวทย์ได้แต่เขามีพรสวรรค์ที่จะเป็นนักรบ เขาประสบความสำเร็จในการเข้าสู่สาขานักรบ และได้รับการยอมรับจากสถาบันการศึกษาจากโอ๊คแลนด์ นอกจากนี้หลังได้รับการสอนจากอาจารย์โรดริเกซ ก็ได้รับคำชมว่าเขาเป็นนักรบที่ยอดเยี่ยม
เขาไม่แน่ใจว่าทำไมถึงได้พิจารณาว่าร่างกายเขาอ่อนแอได้ในโลกเสมือนจริงนี้ ยังไงก็แล้วแต่เขาไม่ได้สนใจไรมากและผลักประตูร้านช่างตีเหล็กเข้าไป
ข้างในร้านดูรกร้าง มันไม่มีอะไรใกล้เคียงกว่าที่เฉียนจิ้นคิดเลย ไม่มีไฟที่โหมกระหน่ำและสะเก็ดไฟที่กระจายออกมา ปู่แบล็คสมิธนอนกับทั่งตีเหล็กในปากคาบไปป์ เขาไอไม่สม่ำเสมอ ฟังเสียงเหมือนเครื่องเป่าลม เฉียนจิ้นรู้สึกไม่ดีแค่ได้ยินเสียง
ในขณะที่เฉียนจิ้นค่อยๆเดิน ชายชราก็ลืมตาสีขุ่นของเขาและพูดว่า “ฉันยังไม่เปิดร้านถ้ามีอะไรไว้ค่อยมาใหม่พรุ้งนี้”
“ผมไม่ได้มาที่นี้เพื่อซื้อสินค้า ผมมาเพื่อเรียนรู้การเป็นช่างตีเหล็ก”
“โอ้!” เฉียนจิ้นคิดว่าเขาจะถูกปฎิเสธทันที อย่างไรก็ตามหลังจากได้ยินดังนั้น ดวงตาสีขุ่นก็เป็นประกาย
เขาหยุดสูบไปป์และมองไปที่เฉียนจิ้น พิจารณาเป็นเวลานานในที่สุดก็ส่ายหัวและพูดว่า “ฉันไม่เคยคิดเลยว่าคนหนุ่มสาวจะสนใจการเป็นช่างตีเหล็ก..น่าเสียดายเจ้าอ่อนแอเกินไป คุณไม่เหมาะกับงานนี้
ปู่คนนี้เป็นช่างตีเหล็กมาทั้งชีวิต และรู้ว่ามันลำบากขนาดไหนกว่าจะเป็นช่างตีเหล็ก ด้วยสภาพของคุณมันจะดีกว่าถ้าจะไปเรียนรู้ทักษะชีพอื่นๆ”
“อ่อนแอเกินไป” เมื่อระบบจอมเวทย์ได้บอกเขาครั้งแรก เขาไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่ แต่หลังจาก ปู่แบล็คสมิธ ได้บอกเขาเหมือนกันก็ชักจะไม่แน่ใจ ยังไงก็ตามเขาก็มองโลกในแง่ดี “ถ้าปู่ยินดีที่จะสอนฉัน ฉันก็พร้อมที่จะอดทน”
“โฮ่ จริงๆเหลอ? ที่เจ้าพร้อมจะอดทนต่อสิ่งต่างๆ”
ปู่แบล็คสมิธเริ่มจะปิดตาอีกครั้งและยกไปป์ขึ้นมาสูบแล้วปล่อยควันเต็มห้อง
หลังจากเวลาผ่านไปซักครู่ ปู่แบล็คสมิธ ลืมตาขึ้นอีกครั้งและชี้ไปป์ไปที่มุมห้อง “ช่วยไปยกค้อนตรงนั้นมาให้ที”
“สบายมาก! ”
เฉินจิ้น เดินไปทีมุมห้องและกำลังจะยกค้อนเหล็กที่มีความสูงเพียงครึ่งนึงของคน
แต่แล้วน้ำหนักของค้อนมันเกินความคาดหมายของเฉินจิ้น เขาเป็นนักรบระดับสามดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะยกสิ่งของทึ่มีน้ำหนักสองร้อยถึงสามร้อยปอนด์
แต่ตอนนี้เขาพยายามยังไงก็ไม่สามารถที่จะยกค้อน
ขึ้นมาได้ มันเป็นไปไม่ได้จริงๆที่จะยกขึ้นมา
ค้อนต้องมีน้ำหนักประมาณหนึ่งพันปอนด์ เฉียนจิ้นประเมิน
ช่างตีเหล็กทำงานด้วยค้อนที่มีน้ำหนักพันปอนด์?
เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน!
ยังไงก็ตามเฉียนจิ้นเป็นคนที่ดื้อรั้นมาก เขารู้ว่าเกิดมาพร้อมพลังจิตวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ แต่เขาก็ไม่เคยหยุดที่จะทำสมาธิ เพื่อหวังซักวันหนึ่งจะรู้ถึงการดำรงอยู่ของเวทมนตร์และกลายเป็นนักเวทย์ในที่สุด
เขาไม่สามารถจะยกค้อนพันปอนด์ได้ แต่ก็ไม่ได้ว่าเขาจะคิดยอมแพ้ เขากัดฟันแน่นพร้อมกับเส้นเลือดในหัวเขาพองขึ้น ตะโกนขึ้นอย่างสุดเสียงขณะมือจับไปที่ด้ามค้อนมีเสียงเอี๊ยดดังขึ้น เขาลากค้อนปอนด์ได้ไม่กี่นิ้ว
เขาไม่สามารถยกมันขึ้นมาได้ แต่ทำไมเขาถึงลากมันไม่ได้? แม้จะเป็นเพียงไม่กี่นิ้วเขาก็พอใจแล้ว
ปู่แบล็คสมิธยังคงสูบบุหรี่ของเขา ใบหน้ายังมีสีหน้าที่ไม่ยอมรับอยู่
ใช้เวลาไม่กี่ก้าวเท่านั้นจะไปถึงมุมห้อง แต่ต้องใช้เวลาอย่างน้อยถึงสองชั่วโมงในการลากค้อนพันปอนด์ มันเป็นความแตกต่างระหว่างค้อนพันปอนด์กับค้อนสองถึงสามร้อยปอนด์
เฉินจิ้นทรุดตัวลงพื้นขณะลากค้อนปอนด์ไปถึงปู่
แบล็คสมิธ เขารู้สึกถึงการที่มาสถาบันโอ๊คแลนด์ใหม่ๆและอาจารย์โรดริเกซสั่งให้เขาวิ่งไปรอบๆโรงเรียนห้าสิบรอบ
เฉียนจิ้นนั้งบนพื้นยืดขาทั้งสองข้างหายใจเข้าลึกๆราวกับเขากำลังจะตาย ช่างตีเหล็กเพียงคนเดียวในเมืองโอ๊คแลนด์ ไม่ได้ใช้ค้อนแบบนี้เพื่อตีเหล็ก เขาไม่แน่ใจว่าเมืองมันเล็กไปหรือว่า ไม่มีช่างโลหะที่มีพรสวรรค์หรืออาจจะมีอยู่แต่ไม่มีชีวิตแล้ว
หลังจากนั้นไม่นานปู่แบล็คสมิธก็หยิบไปป์ออกจากปากเขาอย่างช้าๆ
“ตั้งแต่วันนี้คุณคือเด็กฝึกงานของ ปู่เบลค คนนี้”
หลังจากที่พูดเสร็จเขาก็ก้มลงยกค้อนพันปอนด์ขึ้นมา ค้อนที่เฉียนจิ้นใช้เวลากว่าสองชั่วโมงในการลากเข้ามา มันกลายเป็นเครื่องมือของปู่เบลค
มันเคลื่อนย้ายได้ง่ายมากเมื่อเขาถือมัน ดูเบาเหมือนขนนก
เขาหยิบชิ้นส่วนเหล็กดิบขึ้นมาและโยนมันลงไปบนเตาหลอมและพูดขึ้น“จุดไฟขึ้นมา”