I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 55 – เรียกข้าว่า ชูเฟิง

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

แต่ขณะที่เขากำลังจะยื่นมือเข้ามากอด’ซูเหม่ย’   ‘ชูเฟิง’ก็ปรากฏตัวข้างๆ’ซูเหม่ย’ ทันใดนั้นเค้าก็โอบนางไว้ในอ้อมแขนเพื่อที่จะหลบจากมือสกปรกของศิษย์หลัก

การกระทำของ’ชูเฟิง’ทำให้หน้าของศิษย์หลักเปลี่ยนไปทันที สายตาสองดวงจ้องมองชูเฟิงอย่างเย็นชา ภายในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร มุ่งร้ายต่อ ‘ชูเฟิง’

แต่ ‘ชูเฟิง’ไม่ได้สนใจเขาแม้แต่น้อยอีกทั้งยังหัวเราะพร้อมกับมองหน้าซูเหม่ยที่อยู่ในอ้อมกอดของเค้า

” ที่รัก เจ้ารู้จักเขาด้วยหรอ ? “

ใบหน้าของ ‘ซูเหม่ย’ เต็มไปด้วยรอยยิ้มและกล่าว

” ข้าไม่รู้จัก “

” โอ้ ในวันหน้าเจ้าอย่าได้ไปคุยกับคนแปลกหน้านะ เป็นผู้หญิงต้องระวังตัวหน่อยสิ “

‘ชูเฟิง’พูดพร้อมกับลูบผมของซูเหม่ยโดยไม่สนใจความรู้สึกของศิษย์หลัก

” ข้าเข้าใจแล้ว “

‘ซูเหม่ย’ตอบราวกับว่าพวกเค้าทั้งคู่เป็นคนรักกัน

” เจ้าหนุ่ม แกเป็นใคร ? “

ใบหน้าของศิษย์หลักเปลี่ยนเป็นสีเขียว เค้าชี้หน้า ‘ชูเฟิง’ พร้อมกับซักไซ้ เขาพยายามที่จะระงับความโกรธอย่างสุดๆเขามาที่นี่อย่างยากลำบาก

และได้มาเจอสาวงาม’ซูเหม่ย’โดยบังเอิญ ตอนแรกเขาคิดจะหาประโยชน์ใส่ตัวเองเล็กๆน้อยๆเผื่อผ่อนคลาย แต่เขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าอยู่ดีๆจะมีเด็กหนุ่มโผล่ออกมา มันทำให้เขาไม่พอใจยิ่งนัก

” เจ้าล่ะเป็นใคร ? “

‘ชูเฟิง’ย้อนถาม โดยไม่ตอบ

” ข้าเป็นใคร ? ข้าเป็นศิษย์หลักของโรงเรียนมังกรฟ้า ชื่อ โจว จื่อหยวน “

” โอ้ ท่านคือโจว จื่อหยวน ? “

” ใช่ข้าเอง “

” ข้าไม่รู้จัก . . . “

” เจ้า . . . . . . . “

เวลานั้นไม่ต้องพูดถึงพวกศิษย์หลักของ ‘โจว จื่อหยวน’ แม้แต่พันธมิตรปีกฯที่อยู่บริเวณรอบๆก็ยังตกใจ

‘ชูเฟิง’ มันยังมีสมองอยู่หรือป่าว ที่กล้าไปหักหน้าศิษย์หลักแบบนั้น พร้อมยังพูดเสียงดัง เพื่อให้เขาอับอาย อีกไม่นานภัยพิบัติคงมาเยือน

” เจ้าอยากตายใช่ไม๊!!! “

นั้นตอนนั้น ‘โจว จื่อหยวน’ ก็พุ่งเข้ามาโจมตีใส่’ชูเฟิง’ เขาเหวี่ยงแขนออกมาอย่างรุนแรง จนทำให้เกิดเสียงปะทะกับลมพุ่งใส่’ชูเฟิง’

ในตอนนั้น ‘ซูเหม่ย’ขมวดคิ้วเข้าหากัน นางปล่อยพลังวิญญาณของนางออกมาเพื่อเตรียมโต้ตอบเช่นกัน ทันใดนั้นนางรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือของชูเฟิงที่พลักนางออกจากการโจมตี

*ปั้งงง *

หลังจากที่ผลัก’ซูเหม่ย’หลบออกไป ‘ชูเฟิง’หันตัวไปด้านข้างและหลบการโจมตีจากฝ่ามือของ ‘โจว จื่อหยวน’ ในขณะเดียวกัน เค้าก็ก้าวไปด้านหน้า และซัดฝ่ามือออกไปที่หน้าอกของ ‘โจว จื่อหยวน’

” เจ้าหนุ่มคนนี้!!! “

เห็นได้ชัดว่า’ชูเฟิง’ไม่ใช่แค่หลบการโจมตีของ’โจว จื่อหยวน’ได้  เค้ายังสามารถตอบโต้กลับไปได้อีก มันทำให้ ‘โจว จื่อหยวน’ ค่อนข้างตกใจ เขารีบใช้เทคนิคลับและรีดเค้นพลังวิญญาณของเค้า จากนั้นเค้าก็ซัดหมัดไปปะทะกับฝ่ามือของ’ชูเฟิง’

* ปั้งงง*

หมัดทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรง จนทำให้พวกเค้าทั้งคู่ถอยออกไปสองถึงสามก้าว ใบหน้าของ’ชูเฟิง’ยังคงสงบ แต่ใบหน้าของ ‘โจว จื่อหยวน’ เปลี่ยนไปอย่างมาก

ระดับ 6 ห้วงวิญญาณ เด็กคนนี้อยู่แค่ระดับ 6 แต่เค้ายังไม่สามารถทำอะไรได้ มือของเค้ารู้สึกชาอย่างมาก เค้ารู้สึกว่าร่างกายของชูเฟิงมีบางอย่างไม่ปกติ มันเหมือนกับว่า เส้นเอ็นและกระดูกเค้าแข็งเหมือนกับโลหะ

” เจ้ามีวิชาที่ร้ายกาจดีหนิเจ้าหนุ่ม เจ้ากล้าประกาศนามของเจ้าไม๊!!! “

หลังจากเค้ารู้ว่า’ชูเฟิง’ไม่ใช่เด็กหนุ่มธรรมดา ‘โจว จื่อหยวน’ หยุดการโจมตี แล้วถามชื่อของเค้าแทน

” ยืนไม่เปลี่ยนชื่อ นั่งไม่เปลี่ยนแซ่ ศิษย์ฝ่ายในโรงเรียนมังกรฟ้า เรียกข้าว่า ชูเฟิง !!! “

‘ชูเฟิง’ยึดอกพร้อมกับเฉิดหัวขึ้น และประกาศนามอย่าง กังวาล

” ดีมาก ชูเฟิง ข้าจะจำเจ้าไว้ “

” ข้าเป็นถึงศิษย์หลัก แต่เจ้าเป็นแค่ศิษย์ฝ่ายใน เจ้าไม่เคารพข้าวันนี้ไม่เป็นไร แต่ถ้าหากเจ้ายังไม่เคารพข้าอีก  วันหน้าเจ้าจะต้องได้รับกับผลที่ตามมา “

หลังจากที่เค้ากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ‘โจว จื่อหยวน’ ถลึงตาใส่ชูเฟิง และรีบจากไป

” ชูเฟิง เจ้าทำให้ข้าประทับใจเป็นอย่างมาก แม้แต่โจว จื่อหยวน ที่เป็นศิษย์หลักทั้งยังฝึกทักษะลับ ความแข็งแกร่งอยู่ในระดับ 8 ห้วงวิญญาณ แต่เจ้ากับปะทะกับเค้าโดยไม่มีบาดแผลใดๆ ข้า ไป๋ ตง ขอชื่นชมเจ้าจากใจจริง “

” ชูเฟิง บอกได้เลยว่าความแข็งแกร่งของท่านที่ข้าได้ประจักษ์เป็นหนึ่งใน 10 ของพันธมิตรปีก ฯ ข้า เย้ เถาจือ ขอชื่นชมท่านเช่นกัน”

” ชูเฟิงมีอำนาจพลังวิญญาน ดังนั้นเค้าย่อมแข็งแกร่ง หากเจ้าพัฒนาขึ้นไปอีกในอนาคต อย่าลืมพวกเราสองพี่น้องล่ะ “

เมื่อ ‘โจว จื่อหยวน’ ยังอยู่ทุกคนต่างไม่กล้าเข้าใกล้ แต่ ‘ไป๋ ตง’ ,’เย้ เถาจือ’ และสองพี่น้องหลง – หู่ ต่างเข้ามาใกล้ๆ’ชูเฟิง’ ใบหน้าพวกเค้าเต็มไปด้วยความชื่นชม

ในการต่อสู้ระหว่างพลังระดับ 6 ห้วงวิญญาณ กับพลังระดับ 8 ห้วงวิญญาณ ที่สามารถสู้กันได้อย่างสูสี ความแข็งแกร่งขนาดนี้พวกเค้าไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อน และก็ไม่เคยได้ยินว่ามีใครสามารถทำเช่นนี้ได้

แต่ที่น่าตกใจก็คือ พวกเค้าไม่เคยสงสัยพลังในร่างกายของ’ชูเฟิง’ที่มีมากกว่าปกติ พวกเค้าคิดว่าอาจเป็นเพราะ’ชูเฟิง’มีอำนาจพลังวิญญาณอยู่ในร่างกาย

” รีบๆเข้าเถอะ ถ้าเรายังชักช้าสุสานผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรแก่นแท้สมบัติคงถูกนำออกไปหมด แล้วเราก็จะไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง “

‘ซูเหม่ย’ดูแผนที่และบอกให้ทุกคน เร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังสุสาน

เมื่อพวกเค้าเรื่มเดินทางไปยังสุสาน ‘ซูเหม่ย’ก็ค่อยๆเดินเข้ามาข้างๆ ‘ชูเฟิง’ และพูดกับเค้าด้วยเสียงต่ำ

” เจ้านี้มันน่ากลัวจริงๆ “

” กลัวอะไรงั้นหรอ ? “

‘ชูเฟิง’สับสนนิดหน่อย

” เจ้าใช้ทักษะ กำหนดลมปราณ หรือป่าว ถึงได้สามารถหลบและโต้ตอบการโจมตีของโจว จื่อหยวนได้ “

” ใช่ ข้าใช้ทักษะ กำหนดลมปราณ ทำไมงั้นหรอ ?

” เจ้ารู้ไม๊ว่าข้าใช้เวลาฝึกทักษะกำหนดลมปราณนานเท่าไหร่ ? “

” เท่าไหร่ ? “

” ข้าใช้เวลาทั้งปีถึงสามารถใช้ทักษะ กำหนดลมปราณได้ แต่เจ้ากับใช้มันได้หลังฝึกแค่ไม่กี่วัน  “

” อ๋อเจ้าจะชมว่าข้าฉลาดเกินไป หรือเจ้าอยากให้ข้าพูดว่า เจ้าโง่งั้นหรอ ? “

” ไอ้บ้า!!! “

” โอ๊ยย ~ ~ ~ “

เสียงกรีดร้องดังขึ้น แขนของ’ชูเฟิง’กลายเป็นสีเขียว ไ’ป๋ตง’และคนอื่นๆต่างสังเกตุพวกเค้าทั้งคู่

จริงๆแล้ว พวกเค้าสามารถบอกได้เลยว่า ‘ซูเหม่ย’กับ’ชูเฟิง’ ความสัมพันธ์ของเค้าทั้งคู่ไม่ธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงเว้นระยะห่างออกมาเพื่อไม่เป็นการรบกวนพวกเค้า

เมื่อเห็นว่า’ชูเฟิง’ทำหน้าบู้บี้และถูแขนที่ถูกหยิกของเค้า ‘ซูเหม่ย’ ยิ้มที่มุมปากและพูดเบาๆกับชูเฟิงว่า

” ขอบใจ “

” ขอบใจเรื่องอะไร ? “

‘ชูเฟิง’ รู้สึกสับสน เค้าไม่เข้าใจจิตใจของนางเลย

” เจ้าเป็นคนฉลาดหนิ ดังนั้นข้าแน่ใจว่าเจ้าต้องรู้ถึงผลที่ตามมา หากโจว จื่อหยวน ไม่พอใจเจ้าแล้วจะมีปัญหามากแค่ไหน แต่เจ้ายังเลือกที่จะช่วยข้า ข้า…. “

” เจ้าพูดเรื่องอะไร ? คิดว่าข้าจะกลัวพวกเค้างั้นหรอ จำไว้ว่า ข้าแค่ไม่พอใจเจ้าลูกศิษย์หลักนั้นที่มารังแกเจ้า อีกอย่างข้าก็ยืนอยู่ตรงนั้นจะให้ข้านิ่งเฉยงั้นหรอ ดังนั้นจึงใช้โอกาสสั่งสอนเค้าไปเลย “

” เพราะอะไร ? “

” เพราะเจ้าคือคนที่ข้าอยากจะปกป้องไง!!! “

หลังจากที่พูด’ชูเฟิง’ก็เดินยิ้มเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ขณะนั้น ‘ซูเหม่ย’ถึงกับหยุดอยู่กับที่ ดวงตาคู่งามของนางกระพริบไม่มีหยุด บนใบหน้าของนางเป็นสีแดงนางไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน เป็นครั้งแรกที่มีชายหนุ่มที่นางพึ่งรู้จักอยากจะปกป้องนาง แล้วคำพูดของเค้าก็อาจจะเชื่อถือได้จริงๆ

” งั้นหรอ ” จู่ๆ ซูเหม่ยก็ยิ้ม พร้อมกับเอามือเล็กๆของนางไขว้หลัง จากนั้นนางก็กระโดดตามชูเฟิงไป รอยยิ้มบนใบหน้านางในตอนนั้นช่างดูอ่อนหวาน ดูน่าทะนุถนอม เหมือนกับว่านางยิ้มออกมาจากใจ

 

 

 

โปรดติดตามตอนต่อไป……….

 

ที่มา:

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments