ตอนต่อไป*** ชี้แจงเล็กน้อย ช่วงแรกเป็นยุคปัจจุบัน เลยเลือกใช้ ผม ฉัน แกฯ หลังจากไปอีกโลกแล้วจึงเปลี่ยนไปใช้ เจ้า ข้าฯ นะครับ***
เด็กกำพร้าที่ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีแม้แต่ชื่อ ตั้งแต่จำความได้เขาถูกทอดทิ้งให้อยู่ในที่ที่หนาวเหน็บ อยู่ตัวคนเดียวด้วยอายุ 4 ปี มีบาดแผลเต็มตัวมากมายปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขา เขาต้องต่อสู้กับสัตว์จรจัดเพื่อแย่งเศษอาหารที่คนอื่นๆทิ้งไว้
เขานั้นใฝ่ฝันเสมอว่าต้องการที่จะเป็นเซียน ผู้ซึ่งสามารถเหาะเหินไปบนท้องนภาและผ่าแยกพื้นปฐพี พลังของพวกเขาสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงรูปร่างภูเขาและทำให้ท้องทะเลว่างเปล่าได้
เขาปรารถนาที่จะมีอำนาจเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมอันโหดร้ายของเขา นั้นคือเหตุผลที่เขาอยากเป็นเซียนที่มีชื่อเสียง ครั้งหนึ่งบนถนน “ซวนหยวน” ได้รับอาหารและเงิน เขาได้ยินหมอดูตาบอดพูดว่า ซวนหยวน (ชื่อเหมือนกันเฉยๆ) คือจักรพรรดิอรุณผู้ซึ่งสามารถเอาชนะดินแดนรอบๆอาณาจักรของเขาได้ทั้งหมดทุกอาณาจักรได้ปฏิญาณที่จะจงรักภักดีต่อเขา ซวนหยวน เป็นจักรพรรดิที่แท้จริงภายใต้สรวงสวรรค์
เมื่อตอนเขา 5 ปี เขาได้พบเจอขอทานชรา ขอทานชราปฏิบัติต่อเขาด้วยความเมตตาและสอนวิธีการอยู่รอด เขากล่าวกับ ซวนหยวน ว่า “ เมื่อแกอายุครบ 7 ปี ฉันจะส่งแกเข้าโรงเรียนเพื่อที่แกจะได้รับความรู้ ”
“ ฉันแก่มากแล้ว และฉันก็ได้เดินทางมาถึงจุดสุดท้ายของชีวิต ฉันไม่สามารถที่จะอยู่เคียงข้างแกได้อีกแล้ว ฉันไม่อยากให้แกอยู่ในสังคมที่ถูกรังเกียจ แกต้องไปที่โรงเรียน มันเป็นหนทางเดียวที่แกจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของแกได้ แกเป็นเด็กฉลาด ฉันรู้ดี ถ้าแกพากเพียรมากพอ วันหนึ่งแกจะได้อยู่ในเมืองใหญ่ จะมีสาวงามมากมายเข้าหาแก แกไม่จำเป็นที่จะต้องเหมือนกับฉัน ที่ทำได้แค่ปีนหน้าต่างมองพวกเธออาบน้ำ….. “
วันแรกของโรงเรียน ซวนหยวน ร้องไห้ตลอดทาง เขาไม่ต้องการที่จะแยกจากขอทานชรา
ซวนหยวน เป็นเด็กที่ฉลาดมาก เขาเข้าใจวิชาที่สอนได้รวดเร็ว น้อยมากที่เขาจะขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ ทุกปีที่ผ่านมาเขาอยู่จุดสูงสุดของห้อง ในความเป็นจริงผลการเรียนของเขาดีมาก จนถึงขั้นต้องเรียนข้ามชั้น ถึง 2 ชั้น เขาเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในเมือง โรงเรียนรับรู้ว่า ซวนหยวน มีชีวิตที่ยากลำบาก พวกเขางดเว้นค่าเรียนและยังให้เงิน ซวนหยวน เมื่อตอนที่พวกเขาสามารถให้ได้
ซวนหยวน เก็บเงินทุกๆ เหรียญ ที่เขาได้รับจากทางโรงเรียนและเขาเก็บเงินไว้ส่วนหนึ่งเพื่อให้แก่ ขอทานชราเพื่อที่จะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น. ปีนั้นเป็นฤดูหนาวที่เหน็บหนาวมาก โชคร้าย ที่ขอทานชราไม่ได้มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะทนทานความเหน็บหนาวโดยลำพังและยอมจำนนต่อความเหน็บหนาว เขาอยู่กับความหนาวเย็น.. ตัวคนเดียว.. เป็นเวลายาวนานก่อนที่ ซวนหยวน จะมาถึง
ซวนหยวน ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดในอากาศที่เหน็บหนาวไปถึงขั้วหัวใจในการแบกร่างขอทานชราผ่านหิมะไปยังพื้นที่โล่งๆ เพื่อขอทานชราจะสามารถนอนหลับเป็นครั้งสุดท้าย เขาใช้มือเปล่าขุดดินที่เย็นเยียบไปเพราะหิมะ ความเจ็บปวดที่เขารู้สึกจากมือ ช่วยให้เขากลั้นน้ำตาที่ไหลออกมา เขาพยายามอย่างมากที่สุดที่จะก้าวข้ามความเจ็บปวดในหัวใจและฝ่ามือของเขา เขาใช้มือเปล่าๆค่อยๆขุดหลุมฝังศพและวางร่างของขอทานชราเพื่อให้เขาได้นอนหลับไปตลอดกาล ซวนหยวน รู้สึกถึงน้ำอุ่นๆ ที่ไหลออกมาจากตาเขาใช้พลังทั้งหมดที่จะอดกลั้นมัน
“ ตะ… ตาแก่ คุณตายอย่างโดดเดี่ยว ครั้งหนึ่งคุณเคยบอกผม คนดีจะได้รับผลตอบบแทน แต่ทำไม! ทำไมคุณถึงต้องตาย!? มันเป็นเพราะผมใช่ไหม? ผมไม่สามารถที่จะทำให้คุณมีความสุข ผมไม่สามารถที่จะ ตะ… ตอบแทน ความใจดีของคุณ ผมขอให้คุณมีความสุขในภพหน้า ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องใช้ชีวิตข้างถนน ขอให้มีความสุขนะ ตาแก่ ” ซวนหยวน ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป เขาก้มกอดเข่าและเริ่มร้องไห้
หมอดูเคยกล่าวไว้ว่า ถ้าหมอบคลานครบ 100 ครั้ง ต่อคนดีผู้โชคร้ายในชีวิตนี้ เขาจะกลับชาติมาเกิดและมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ดังนั้น ซวนหยวน จึงเริ่มหมอบคลานบนพื้นที่ถูกแช่แข็ง ร่างกายที่ผอมแห้งของเขาคุกเข่าลงอีกครั้งและอีกครั้ง ขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้มของเขา เขาหวังว่าการหมอบคลานในครั้งนี้จะช่วยให้ขอทานชรา อิ่มท้องและมีบ้านที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นในภพหน้า
มีสระเลือดเล็กๆ ข้างๆหลุมฝังศพของขอทานชรา ในที่สุด ซวนหยวน ก็ลุกขึ้นหน้าผากของเขาปกคลุมไปด้วยเลือดและดวงตาของเขานั้นว่างเปล่า แม้ว่าสายตาที่มองนั้นจะว่างเปล่า น้ำตาของเขายังคงไหลอยู่ หัวของเขามีรอบแผลขนาดใหญ่จากการกระทบกับน้ำค้างแข็งที่ปกคลุมพื้นดิน แต่หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความโดดเดี่ยว ซึ่งมันไม่สำคัญที่ไม่มีอะไรทิ้งไว้ให้เขา เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ขอทานชราเป็นเพียงคนเดียวที่เขาเห็นว่าเป็นครอบครัว ตอนนี้ขอทานชราตายแล้ว ซวนหยวน แท้จริงแล้วเขารู้สึกถูกทอดทิ้งและโดดเดี่ยว
หิมะที่ล่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าเหมือนกับขนนกที่ลอยผ่านอากาศ ร่างกายของเขาหนักอึ้ง หัวของเขาเหมือนถูกปั่น ร่างกายของเขาถูกแช่แข็ง เข้าไม่มีจุดหมายปลายทาง เขาเดินอย่างสิ้นหวังผ่านพายุหิมะ ท้ายที่สุดร่างกายของเขาก็ล้มลงและถูกปกคลุมไปด้วยหิมะอย่างรวดเร็ว ดินที่ถูกปกคลุมไปด้วยผ้าห่มสีขาว ไม่มีแม้ร่องรอยของเด็กชายที่หัวใจแตกสลายถูกกลบฝัง
***********************************************
ซวนหยวน ตายหลังจากที่ถูกหิมะกลบทับ ซวนหยวน รู้สึกว่าตัวเรากำลังลอยขึ้นไปบนอากาศ ร่างกายของเขาเบาดั่งขนนก และลอยเคว้งไปในอากาศไม่สามารถที่จะควบคุมได้
“ ข้าอยู่ที่ไหน? ”
เขาหันมองลงไปและเห็นหลุมศพมากมายมหาศาล มันเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย มีฝูงอีกาและแร้งเริ่มที่จะจิกกินซากศพที่เน่าเปื่อย
“ มีคนตายมากมายถูกนำมารวมไว้ที่นี่ …ข้าตายแล้วอย่างนั้นหรือ? ” ซวนหยวน ยิ้มมอย่างขมขื่น เขายกมือขึ้นและมองทะลุผ่านเห็นเหล่าศพพวกนั้นได้ มันดูเหมือนว่าเขาตายและกลายเป็นวิญญาณ
แต่ในขณะนั้นเอง หมาป่าสีเงินตัวหนึ่ง ได้บุกมายังหลุมฝังศพและจู่โจมฝูงอีกาและแร้ง มันรีบบินขึ้นไปใกล้ๆและ ส่งเสียงร้องไปที่หมาป่าที่ขัดจังหวะงานเลี้ยงของพวกมัน
หมาป่าสีเงินไม่ได้สนใจเสียงเหล่านั้น มันค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ร่างของเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านล่าง มันนั่งลงและเริ่มที่จะดมกลิ่นร่างกายด้วยจมูกของมัน หมาป่าเห่าคำรามให้นกทั้งหมดเงียบ
ใบหน้าของเด็กหนุ่มนั้นขาวซีดแต่ยังคงเหลือความน่าเกรงขามเพราะมีบาดแผลหลายแห่งอยู่ทั่วร่างกายของเขา เสื้อผ้าของเขามอมแมมและมีกริชสีดำสนิมผูกติดไว้กับเอวของเขา กริชที่ดูไร้ค่ามันมีสนิมและดูทื่อ ร่างของเด็กหนุ่มไม่ปรากฏสัญญาณชีวิต
หมาป่าสีเงินอยู่เคียงข้างเขาและเริ่มที่จะเห่าหอน ราวกับว่ามันขอให้สวรรค์แสดงความเมตตา
บางที… สวรรค์อาจจะตอบรับคำขอร้องของมัน
ทันใดนั้น! กริชสีดำเริ่มที่จะสั่นและมีพลังอำนาจแปลกๆ เริ่มพลุ่งพล่านออกมา พลังนั้นเริ่มที่จะดึงดวงวิญญาณของ ซวนหยวน เข้าไปยังร่างของเด็กหนุ่ม
ซวนหยวน สะดุ้งก่อนที่จะตอบสนอง ดวงตาของเขารู้สึกหนักอึ้ง
ซวนหยวน ค่อยๆ ลืมตาของเขาขึ้นมา เมื่อเขามองขึ้นไปเขาเห็นเพียงแค่ท้องฟ้าสีเทาผ่านหมอกหนา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกปวดหัวอย่างหนัก ตามด้วยความทรงจำมากมายไหลเข้ามาในหัวของเขา เขารู้สึกราวกับว่าหัวกำลังจะระเบิด ข้อมูลมากมายถูกอัดแน่นอยู่ในหัวของเขา
จากนั้น เขาสังเกตเห็นว่าถูกรายล้อมไปด้วยซากศพนับไม่ถ้วน กลิ่นเน่าเหม็น โชยออกมาจากศพ ซวนหยวน สะดุ้ง เขากระโดดเหมือนแมวที่ถูกเหยียบหาง
“ เกิดอะไรขึ้น? ข้ายังไม่ตาย? มันไม่สำคัญ ข้าจะต้องออกจากที่นี่เป็นอันดับแรก ”
ความคิดแรกของเขา คือการออกไปจากหลุมฝังศพ เขาปีนขึ้นไปและวิ่งเข้าไปยังป่าใกล้ๆ กลิ่นเน่าเหม็นจากร่างกายของเขาค่อยๆ จางหายไป เมื่อเขาเดินเข้าใกล้สุดขอบป่า เขาตระหนักได้ว่าร่างกายของเขาเจ็บปวดอย่างมาก
เขาเหนื่อยเกินไปที่จะวิ่งต่อ ขาของเขาไร้เรี่ยวแรงและล้มลงข้างต้นไม้ ขณะที่หายใจอย่างหนักหน่วง ในที่สุดเขาสังเกตเห็นหมาป่าที่ตามหลังเขามา เขากลัวอย่างมาก แต่เมื่อจู่ๆ ก็มีความทรงจำไหลผ่านเข้ามาให้หัวของเขา มันดูเหมือนจะเป็นความทรงจำของเด็กหนุ่มที่ตายไปที่เขาเห็น เขาจำได้ว่ามันคือหมาป่าที่เห่าหอนข้างกายของเด็กหนุ่ม เขาค่อยๆ เริ่มที่จะเรียกชื่อมัน…
“ กู่ ฉิง ”
เมื่อได้ยินซวนหยวน เรียก มันเห่าตอบรับด้วยตาที่เป็นประกาย
เมื่อ ซวนหยวน ได้ยินเสียงที่ออกมาจากปากของเขา แต่มันกลับเป็นเสียงที่ไม่คุ้นเคย มีความทรงจำมากมายในหัวที่ไม่ใช่ของเขา แต่ที่สำคัญอันดับแรกคือการเติมเต็มท้องที่ว่างเปล่าของเขา
“กู่ ฉิง ข้าหิว ข้าไม่สามารถขยับไปไหนได้ไกล ดังนั้นเจ้าช่วยออกไปหาอะไรให้ข้ากินหน่อยได้ไหม? ” ซวนหยวน รวบรวมเศษเสี้ยวของความหวังในขณะที่พูดกับหมาป่าสีเงิน
มันดูเหมือนว่า กู่ ฉิง ได้ยินเสียงท้องที่ร้องของ ซวนหยวน มันเริ่มเข้าใจ และวิ่งเข้าไปในป่าเพื่อล่าสัตว์ ซวนหยวน ประหลาดใจที่หมาป่าสีเงินตัวนี้มีความฉลาดมาก อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่ากันจะตรงกับความทรงจำในหัวของเขา
เขาคิดว่าเป็นเวลาที่ดีที่จะรวบรวมความคิดและไตร่ตรอง ในขณะที่ กู่ ฉิง ออกไปล่าอาหารให้เขา
“ เป็นไปได้ไหม ที่ข้าจะกลับมาเกิดใหม่? นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่ ”
เขาเห็นเพียงผืนป่าข้างๆเขา และหลุมศพมากมายจากที่ๆ เขาจากมาเท่านั้น
หลังจากความทรงจำไหลแวบเขามาในหัว ไม่ช้าเขาก็ตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่โลกเดิมของเขา
เจ้าของร่างกายนี้มีชะตากรรมคล้ายกับ ซวนหยวน เด็กชายอายุ 14 ปี และไม่มีชื่อ ตั้งแต่เขายังเด็ก เขาอดทนตลอดจากการดูถูก ข่มเหง แต่เขาพยายามฝ่าฟันต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง กริชสีดำสนิมกลายเป็นสมบัติของเขาจากเหตุบังเอิญ ถึงแม้มันจะดูทื่อและไร้ประโยชน์ มันคมอย่างเหลือเชื่อและสามารถตัดผ่านโลหะอื่นๆได้ มันดูเหมือนว่ากริชนี้ถูกย้อมไปด้วยอำนาจพิเศษ
ป่าแห่งนี้ถูกเรียกว่าป่าแห่งความชั่วร้าย ภายในป่าเต็มไปด้วยสัตว์อสูรที่แสนจะอันตราย เด็กหนุ่มคนนั้นกล้าที่จะล่าสัตว์อสูรด้วยความสามารถด้านเวทอันน้อยนิด เขาเตร็ดเตร่ตามขอบป่า และใช้โอกาสดักซุ่มโจมตีสัตว์อสูรที่ออกมาหากินตามหลุมศพ
ถึงแม้ว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาพยายามฆ่าอสูรพยัคด้วยความช่วยเหลือของหมาป่าทั้ง 2 ตัว กู่ ฉิง และ กู่ เย่ แต่ กู่ เย่ นั้นบาดเจ็บขณะที่ต่อสู้กับอสูรพยัค เด็กหนุ่มตระหนักได้ว่าต้องไปช่วย กู่ เย่ เขาต้องชำแหละร่างของอสูรพยัคและแบกมันไปในเมืองเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นยาที่จะนำมารักษา กู่ เย่ เมื่อเขาชำแหละร่างของมันเขาพบผลึกอสูรในร่างของมัน
ผลึกอสูรเป็นของที่หายากและมีค่ามาก บางครั้งเราอาจไม่พบผลึกอสูรแม้แต่อันเดียวหลังจากฆ่าสัตว์ไปร้อยๆตัว ผลึกอสูรที่ได้นี้เป็นโชคลาภที่คาดไม่ถึง
เขาทิ้ง กู่ เย่ ให้อยู่ภายใต้การดูแลของ กู่ ฉิง และมุ่งหน้าไปยังเมืองจันทร์สลายเพื่อที่จะแลกเปลี่ยนผลึกอสูระ แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงขณะที่เดินทางก็คือกลิ่นอายของอสูรพยัค ยังคงติดอยู่กับผลึกอสูรและมันไปดึงดูดความสนใจของชายหนุ่มตระกูลเยว่ – เยว่ เย่วจือ มันเป็นผลึกอสูรที่มีคุณภาพสูงและ เย่วจือ ต้องการมัน ดังนั้น เย่วจือ สั่งให้คนรับใช้ของเขาไปทุบตีเด็กหนุ่มเพื่อแย่งชิงผลึกอสูร ผลึกอสูรถูกแย่งชิงไปพร้อมกับร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผล เขาถูกจับโยนลงไปในหลุมศพ
“ ถึงจะเป็นวิธีที่ต่ำช้า ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าในทันที ข้าจะโยนเจ้าลงไปในหลุมและปล่อยให้สัตว์อสูรเป็นคนตัดสินชะตากรรมของเจ้า! ”
หลังจากพวกมันจากไป หมาป่าสีเงินก็มาพบกับเจ้านายของมันที่อยู่ในสภาพที่น่าเวทนานัก
ต้องขอบคุณ กู่ ฉิง หมาป่าสีเงินที่คอยเฝ้าปกป้องเด็กหนุ่มเอาไว้ไม่ให้ถูกสัตว์ร้ายในป่าลากไปกิน แต่เพราะไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องจากแพทย์เด็กหนุ่มยอมจำนนต่อบาดแผล แต่หมาป่าเงินที่ซี่อสัตย์ก็ยังไม่ออกห่างจากร่างอันไร้วิญญาณของเจ้านายมัน หลังจากเขาตาย
จากความทรงจำทั้งหมดนี้ ซวนหยวน ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เขาหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น อะไรคือความยุติธรรม? อะไรคือความถูกต้อง? วิธีที่ เย่วจือ ใช้นั้นโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก หัวใจของ ซวนหยวน เต็มไปด้วยความโกรธและเขากรีดร้องออกมาด้วยความคับแค้นใจ
“ พวกเราทั้งคู่ต่างก็โดดเดี่ยวและมีชะตากรรมที่โชคร้ายนัก ตอนนี้ข้าอยู่ในร่างของเจ้า ข้าก็คือเจ้า และเจ้าก็คือข้า! ตอนนี้ข้าอยู่ในโลกที่ไม่รู้จักและไม่มีทางที่จะให้หันหลังกลับไป เย่วจือ จะต้องได้รับผลตอบแทนในสิ่งที่มันทำไว้ ข้าจะเป็นเฉกเช่น จักรพรรดิอรุณ ซวนหยวน ข้าจะพิชิตโลกและอาบผืนปฐพีด้วยเลือดของมังกร ในนามของ “ ซวนหยวน ” ข้าจะทำลายทุกคนที่ต่อต้านข้า!! ”
ทันใดนั้น แผ่นดินใต้เท้าของเขาเริ่มที่จะสั่นสะเทือน
ปัง! ปัง! ปัง!
ซวนหยวน หันกลับไปมองเขาเห็นอสูรหมียักษ์ สูงสามเมตร ปากที่ดูน่ากลัวและฟันที่แหลมคมของมันเปิดออก พร้อมที่จะขย้ำใครก็ได้ทุกเมื่อ มันดูน่าสยดสยองเป็นอย่างมาก
ซวนหยวน ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี เขาตัวสั่นไปถึงกระดูกสันหลังและสมองราวกับถูกแช่แข็ง เขาไม่สามารถที่จะตอบสนองอะไรได้….