ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“ศิษย์น้องซวนหยวน ทำไมเจ้าถึงไม่หลับพักผ่อนเล่า? ศิษย์พี่ใหญ่อยากให้พวกเราเตรียมความพร้อมต่อสู้ที่อาจจะเผชิญในวันนี้ แม้เจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นจากผลของยา แต่จิตใจเจ้าของเจ้ามันยังคงเหน็ดเหนื่อย” เหยียน ซือหยุน เป็นห่วงเขา
ซวนหยวนยิ้มเขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าจากพลังปราณจิตวิญญาณ เขาพูดว่า”ข้ายังไม่รู้สึกเหนื่อย การฝึกฝนตอนกลางคืนทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้น”
ไม่มีแสงสว่างในตอนกลางคืน ดังนั้นมันจะเป็นเรื่องยากที่จะเห็นซวนหยวนฝึกฝนมันมีแต่เพียงแสงจันทร์สลัวๆเท่านั้น แต่พวกเขาทั้งหมดรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของมังกร ทักษะที่ซวนหยวนฝึกฝนสามารถเอาชนะทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาได้
พวกเขาคิดว่าทักษะที่ซวนหยวนฝึกฝนจะต้องสูงกว่าขอบเขตของพวกเขา พวกเขาคิดว่าอาจจะเป็นทักษะระดับปฐพี แต่มีเพียงเหยียน ซือหยุนเท่านั้นที่รู้ว่าเขากำลังฝึกฝนทักษะลับระดับสวรรค์ของตระกูลหยิน ซวนหยวนไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดกับนาง แต่นางก็ไม่ได้ตำหนิเขา เขาไว้ใจนางจึงบอกข้อมูลไปบางส่วน
กระดูกของซวนหยวนแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อน ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นจาก 150 เป็น 172 ในชั่วข้ามคืน แต่คนธรรมดาอาจจะไม่รู้ว่าเขาพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว
ไข่มุกช่วยเหลือการฝึกฝนของเขาเป็นอย่างมาก ผู้คนส่วนมากจะสามารถปรับปรุงได้ทีละหนึ่งจุดเท่านั้น ขอบเขตนักรบ ขอบเขตจอมยุทธ์ และขอบเขตจิตวิญญาณ เมื่อพวกเขามาถึงจุดสูงสุดของความสามารถของพวกเขา พวกเขาจะพบกับอุปสรรคใหญ่พวกเขาสามารถที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งได้เท่ากับวัว 1 ตัวเท่านั้น แต่ซวนหยวนสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้เท่ากับวัว 22 ตัว ภายในค่ำคืนเดียว นี่พิสูจน์ให้เห็นได้ว่าเขาเป็นอัจฉริยะที่หาตัวได้ยากบนเส้นทางของนักสู้ แต่ซวนหยวนก็ไม่พอใจกับความเร็วในการพัฒนาของเขา เขายังไม่ได้ใช้พลังของไข่มุกทั้งหมด ไข่มุกเป็นอุปกรณ์ระดับปฐพี มันเป็นอุปกรณ์ระดับปฐพีที่มีศักยภาพสูงสุด ผู้ฝึกฝนจำเป็นต้องใส่พลังปราณต่อสู้ของตัวเองเข้าไปเพื่อเป็นเชื้อเพลิง แต่ซวนหยวนยังขาดความแข็งแกร่งที่จะทำอย่างนั้น
เหยียน เหลียงประหลาดใจและชื่นชมน้องสาวของเขาที่มีความสามารถในการมองดูคน เขารู้สึกว่าซวนหยวนกำลังเติบโตขึ้นทุกๆวินาที ดังนั้นเขาจึงสรุปว่าซวนหยวนได้ปรับแต่งกระดูกของเขาอย่างครบถ้วนเหมือนผู็ฝึกฝนขอบเขตจอมยุทธ์ ใครจะรู้ว่าซวนหยวนสามารถที่จะทำมันก่อนที่จะก้าวสู่ขอบเขตถัดไป! แต่เหยียน เหลียงพูดกับตัวเขาเอง และเขาเพียงกล่าวว่า…
“ถ้างั้นเดินทางต่อกันเถอะ”
พวกเขาทุกคนติดตามเหยียน เหลียงอย่างระมัดระวัง แต่พวกเขาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงไปยังศูนย์กลางของป่า
ซวนหยวนที่กำลังขี่กู่ฉิงนั้นหิวโหยมาก เขาหยิบยาเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับหมาป่าของเขา 1 เม็ดและกินเอง 1 เม็ด แต่เขาก็ยังรู้สึกหิว ดังนั้นเขาจึงกินอีก จากนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีความอบอุ่นเกิดขึ้นในแขนขาและลำตัวของเขา
เหยียน เหลียงตกใจเมื่อเห็น “ศิษย์น้องซวนหยวนเจ้ากินยา 2 เม็ดในครั้งเดียว!”
ซวนหยวนหัวเราะและกล่าวว่า “มันจะไม่อันตรายที่กิน 2 เม็ดใช่มั้ย?”
นางถอนหายใจ
“ข้าอยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณและข้าใช้ยาเพียง 1 เม็ดต่อวัน เฉพาะขอบเขตจิตวิญญาณที่อยู่จุดสูงสุดพวกเขาจะต้องการใช้ยา 2 เม็ดต่อ 1 วัน นั่นหมายความว่าเจ้าอาจจะแข็งแกร่งกว่าข้า ถ้าวัดกันที่ความแข็งแกร่งของร่างกาย”
ซวนหยวนรู้สึกมีความสุข “ไม่ต้องกังวล ศิษย์พี่หญิงข้าจะไม่รังแกท่าน”
เขาหยิบดาบระดับต่ำของเขาที่ได้จากสำนัก มันไม่มีชื่อ เขาไม่ต้องการที่จะเปิดเผยดาบมังกรวารีของเขา เว้นแต่สถานการณ์ที่จำเป็นต้องใช้
หลังจากครึ่งวันของการเดินทาง พวกเขาได้เผชิญหน้ากับสัตว์อสูร 12 ตัวที่ดูไม่เป็นมิตร
“ศัตรู! ระวัง! “
ดาบในมือของเหยียน เหลียง เรียกว่า ดาบแสงจันทร์ มันอยู่ในระดับจิตวิญญาณขั้นสูงสุด เมื่อเขาเอามันออกจากฝัก จู่ๆพลังปราณต่อสู้ก็ปกคลุมตัวเขา
เหยียน เหลียงรวบรวมพลังปราณทั้งหมดไปที่ดาบของเขาและมันก็กลายเป็นเข็มแหลมๆเป็นพันๆ เป็นประกายเงางาม เขายิงเข็มแหลมๆทั้งหมดไปที่สัตว์อสูร
เข็มแหลมเงางามมีขนาดเล็กเหมือนไม้จิ้มฟัน แต่มันทิ้งรอยเลือดจำนวนมากบนตัวของสัตว์อสูร พวกมันคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดและสายตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังของพวกมัน พวกมันเข้าตาจน พวกมันไม่สามารถเห็นทางที่จะหลบหนี เขาใช้เวลาเพียงสักครู่ก่อนที่พวกมันทั้งหมดจะถูกฆ่าโดยเหยียน เหลียง ซวนหยวนก็ฆ่าสัตว์อสูรได้เหมือนกัน เขาฆ่าสัตว์อสูรเสือดำได้ 1 ตัว
“ผิวหนังของสัตว์อสูรขนของพวกมันสามารถที่จะขายได้ในราคาดี” แต่เมื่อพวกศิษย์กำลังฉลองกับชัยชนะ ก็มีฝูงสัตว์อสูรจำนวนมากมุ่งหน้ามาที่พวกเขา
เหยียน เหลียงขมวดคิ้วด้วยความตกใจ “มีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ ระวัง… ”
ภายในห้านาที พวกเขาได้พบกับสัตว์อสูรระดับจอมยุทธ์จำนวน 38 ตัว โชคดีที่ทุกคนทำงานเป็นทีม เฉพาะศิษย์ที่อ่อนแอไม่กี่คนเท่านั้นที่มีได้รับบาดเจ็บ โชคดีที่ไม่เกิดเหตุร้ายแรงขึ้น
หลังจากที่พวกเขาทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เหยียน เหลียงรู้สึกว่ามันแปลก และเขาก็สั่งกลุ่มของเขาว่า “ไปกันต่อ!”
พวกเขาทั้งหมดได้กลับขึ้นไปบนม้าของพวกเขาและวิ่งลึกเข้าไปในป่า
ซวนหยวนเข้าใจว่าทำไมเขาถึงกระตุ้นพวกเขา เพราะสัตว์อสูรมันไม่ได้มุ่งหน้าที่จะมาโจมตีพวกเราแต่แรก มันจะต้องมีคนยั่วยุให้พวกมันมุ่งหน้ามาที่กลุ่มของพวกเรา
คนที่อยากจะฆ่าเขามากที่สุดและตอนนี้พวกมันรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน กลุ่มของพวกเขาจะต้องเผชิญกับอัตรายมากขึ้นแน่
เหยียน เหลียงรู้ว่ามันต้องถูกคนอื่นยุยงให้โจมตีพวกเรา ถ้าพวกเรายังอยู่เพื่อที่จะเก็บเกี่ยวขนสัตว์อสูร พวกเราก็จะถูกล้อมรอบไปด้วยสัตว์อสูรจำนวนมาก เขาอาจจะสามารถที่จะหลบหนีอันตรายได้ แต่ศิษย์คนอื่นๆไม่สามาถหนีออกมาได้ปราศจากอันตราย เขาไม่สามารถที่จะสูญเสียศิษย์คนใดๆก็ตามก่อนที่พวกเราจะมาถึงรังปีศาจมายา
“มีใครบางคนทำอย่างนี้กับพวกเรา” ซวนหยวนกล่าว
“ข้ารู้ พวกมันจะต้องไม่เปิดเผยตัวเองแต่พวกมันอยากจะฆ่าพวกเราโดยใช้สัตว์อสูร” เหยียน ซือหยุนสรุป นางได้รับการฝึกฝนเพื่อที่จะเป็นเจ้าสำนักคนต่อไปของสำนักจันทร์พฤกษา นางเป็นคนที่มีความสามารถในด้านการวิเคราะห์ นอกจากนี้นางยังเป็นคนไร้ความปรานีเมื่อมันเป็นศัตรูกับนาง
“พวกเราไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ทางออกเดียวคือการไปรังปีศาจให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเข้าร่วมกับศิษย์พี่ ศิษย์น้องคนอื่นๆ พวกมันไม่สามารถที่จะโจมตีพวกเราเมื่อมีคนจำนวนมากอยู่รอบๆ” ทันใดนั้นแสงสว่างระเบิดออกมาจากดาบของเหยียน เหลียง พร้อมกับพลังปราณต่อสู้ที่รุนแรง ฉีกหั่นบรรดาสัตว์อสูรด้านหน้าของพวกเขา
หลังจากสี่ชั่วโมงของการวิ่งเข้าไปในป่า ป่ากลายเป็นวังเวง แห้งแล้งมากขึ้นและพื้นดินแข็งขึ้น ไม่มีแม้แต่พืชพิษสามารถที่จะอยู่รอดได้ที่นี่ แน่นอนต้นไม้ทั่วไปก็ไม่สามารถที่จะรอดได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม มันมีเสียงดังและมีพลังปราณขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้าของพวกเขา พวกเขาได้กลิ่นเลือด
พวกเขารีบวิ่งไปข้างอย่างรวดเร็ว สภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่างเริ่มน้อยลงและน้อยลง เสียงที่ดังขึ้นและหนวกหู มันมีเสียงคนกรีดร้องและเสียงสัตว์อสูรคำราม ในที่สุดเมื่อพวกเขาก็มาถึงแหล่งที่มาของเสียง พวกเขาเห็นเหล่าศิษย์ทุกคนกำลังสู้กับสัตว์อสูรจำนวนมาก และมันมีแม้กระทั่งสัตว์อสูรขอบเขตกษัตริย์อยู่ในฝูง