ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปมันเป็นค่ำคืนที่มืดมิด มีเพียงแสงจากดวงดาวเท่านั้นที่ปกคลุมทั่วท้องฟ้า
นู่เฟย เเละเลี่ยซานรวดเร็วมาก เพียงไม่กี่วินาทีพวกเขาก็วิ่งไปหลบหลังโล่แสง แต่กำแพงเริ่มที่จะแตกหลังจากปะทะกับลูกศรสีทองเพียงไม่กี่ดอก
“ไม่มีที่จะหนีแล้ว! เสริมการป้องกันให้โล่ซะ!”
พวกเขากำลังตื่นตระหนัก ขณะปลดปล่อยพลังปราณเพื่อเสริมสร้างโล่ปกป้องตัวเอง ยุทธภัณฑ์ระดับปัฐพีขั้นกลางของพวกเขาแสดงประสิทธิภาพเต็มที่เพื่อปกป้องผู้ใช้ แต่คลื่นลูกศรสีทองที่กำลังมาถึง ทำให้โล่และการป้องกันของพวกเขาค่อยๆถูกทำลายทีละเล็กน้อย พวกเขากำลังเผาผลาญพลังปราณอย่างรวดเร็วเพื่อเสริมสร้างโล่ ทำให้ใบหน้าของพวกเขาเริ่มซีดขาวลง
“พวกเราจำเป็นที่จะต้องใช้เลือดของพวกเรา!” เลี่ยซานตะโกน พวกเขาทั้งคู่เริ่มผสานเลือดของพวกเขาเข้ากับพลังปราณแปลเปลี่ยนกลายเป็นกระแสพลังงานที่บริสุทธิ์ นักสู้ขอบเขตนักพรตได้กลั่นโลหิตของพวกเขาให้บริสุทธิ์ และสามารถใช้เลือดของพวกเขาเป็นพลังงานเพื่อต่อสู้ได้
ซวนหยวนหัวเราะ “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าควรจะหนีออกไปซะตอนนี้ ข้าได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเพื่อไปรายงานเรื่องนี้ให้กับศิษย์พี่เฟิงเลี่ยฟัง และพวกเจ้าจะได้เห็นดีกัน ตระกูลนู่ และตระกูลเลี่ย จะต้องประสบปัญหาอย่างแท้จริง!”
ทั้งคู่ลดการป้องกันลงเมื่อได้ยิน แต่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากป้องกันคลื่นลูกศรสีทอง เลี่นซานใช้พลังปราณมากเกินไป และไม่สามารถใช้ทักษะใดๆได้อีกต่อไป ดังนั้นซวนหยวนจึงรีบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ในที่สุด เมื่อยันต์อาคมลูกศรหายไป ทำให้เลี่ยซาน และนู่เฟยหมดเรี่ยวแรง พวกเขาต้องป้องกันตัวเองจากยันต์อาคมระดับนักพรต พวกเขาเพิ่งบรรลุขอบเขตนักพรตเมื่อไม่นานมานี้เท่านั้น มันเกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมีชีวิตรอด
“ไอเด็กสารเลวนั้นมันหนีไปแล้ว พวกเขาทั้งสองไม่คิดว่าซวนหยวนจะมียันต์อาคมระดับนักพรต 2 ใบ และทั้ง 2 ใบนี้เป็นของชิงหยุน! ดูเหมือนข่าวลือมันจะเป็นเรื่องจริงที่แขนของชิงหยุนถูกตัดโดยเฟิงเลี่ย และเจ้าเด็กนั้นมันก็ฉกแหวนมา! มันไม่รู้หรือว่าชิงหยุนมีศิษย์แท้จริงสนับสนุนเขาอยู่? ไม่ว่ายังไงก็ตามเจ้าเด็กนั้นมันจะต้องถูกฆ่า”
“พวกเราควรจะห่วงตัวเองก่อน เฟิงเลี่ยไม่มีทางปล่อยพวกเราไปแน่ พวกเราควรกลับไปยังตระกูลเพื่อบอกเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้น?
เมื่อทั้งสองคนกำลังพูดคุยกัน จู่ๆได้มีหอกแหวกว่ายผ่านอากาศโจมตีเข้ามา ทั้งสองคนไม่มีเวลาที่จะตอบโต้ ก่อนที่หอกจะเจาะทะลุแผ่นหลังของเลี่ยซานและทะลุออกมาที่หน้าอก มันทะลุร่างของเลี่ยซาน และทำลายหัวใจของเขา หอกจิตวายุมันทรงพลังมาก และมันได้ปลดปล่อยพลังระเบิดเข้าไปในร่างของเลี่ยซาน แม้ว่านักสู้ขอบเขตนักพรตจะแข็งแกร่ง แต่เลี่ยซานก็ถูกฆ่าตายอย่างน่าสัมเพช
จากนั้นซวนหยวนก็มุ่งเป้าไปที่หัวของนู่เฟย นู่เฟยเหลือพลังปราณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพียงพอแค่ลอยขึ้นมาจากพื้น เขาไม่คิดไม่ฝันว่าซวนหยวนจะฆ่าเลี่ยซานได้อย่างง่ายดาย เขาตะโกนอย่างร้อนรน “เจ้ากล้าดียังไงถึงฆ่าเลี่ยซาน!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ทำไมข้าจะไม่กล้า? ไปตายซะ!” ซวนหยวนยิ้มอย่างเย็นชา หอกจิตวายุของเขาทะลวงผ่านอากาศเจาะทะลุกะโหลกศีรษะของนู่เฟย ทำให้สมองของมันระเบิดทันที จากนั้นซวนหยวนก็ปล้นศพทั้งสอง และมุ่งหน้าไปยังประตูมิติ “พวกเจ้าทั้งสองช่างโง่เขลายิ่งนัก พวกเจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าจะหนี เพียงเพราะข้าพูดว่าข้าจะหนี?”
พวกมันทั้งสองลดการป้องกันลง เมื่อพวกมันคิดว่าสามารถฆ่าซวนหยวนได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่พวกมันลดการป้องกันของตัวเองลง และในที่สุดพวกมันก็ต้องตกตายเพราะกลอุบายของซวนหยวน ซวนหยวนหยิบแหวน และเหรียญตราของพวกมันออกมาทันที แล้วโอนคะแนนทั้งหมดให้กับตัวเอง – มังกร 4 ตัว, 400 ล้านคะแนน ซวนหยวนสงสัยว่าคนพวกนี้พยายามที่จะฆ่าเขา หรือมาเพิ่มความมั่งคั่งให้กับเขากันแน่ กระเป๋าเงินของซวนหยวนแทบจะทะลักหลังจากที่เขาใส่เหรียญกษัตริย์เพิ่มเข้าไปอีกกว่า 1 ล้านเหรียญกษัตริย์ นอกจากนี้ซวนหยวนยังมอบยุทธภัณฑ์ระดับปฐพีขั้นสูงของพวกมันให้แก่เฒ่าโลภมาก เขารู้ว่าในกรณีฉุกเฉิน เฒ่าโลภมากจะช่วยเขาด้วยทักษะ และอาคมป้องกันที่ดูดกลืนมา
“เฒ่าโลภมาก ข้าไม่สามารถมอบร่างกายของพวกมันหรือแก่นพลังของพวกมันให้กับเจ้าได้ ตระกูลนู่ และตระกูลเลี่ยต้องการสังหารข้า พวกมันต้องได้รับโทษ ข้าจะต้องให้ทุกคนรู้หากทำตัวเป็นศัตรูกับข้าผลจะเป็นเช่นไร!”
”ฮ่าฮ่าฮ่า ดี ดีมาก เจ้าหนู เจ้าช่างโหดเหี้ยมจริงๆ ”
*************************************
ณ ประตูมิติ มีศิษย์จำนวนมากที่ทำภารกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขากำลังรอคนอื่นๆมาถึงเพื่อเปิดใช้งานประตูมิติ หลังจากนั้นพวกเขาก็จะกลายเป็นศิษย์ภายในอย่างเป็นทางการ ฟางยู่โหยว และเหล่าผู้คุ้มกันของนางก็อยู่ท่ามกลางกลุ่มศิษย์คนอื่นๆ พวกเขาปฏิเสธที่จะไปกับกลุ่มศิษย์กลุ่มสุดท้าย และรอคอยอะไรสักอย่างอยู่ที่ประตูมิติ
ผู้อาวุโสคนกำลังพูดคุยกันอยู่ ขณะรอศิษย์คนอื่นๆมาถึง
“มันผ่านมาหลายวันแล้ว เจ้าคิดว่าซวนหยวน คนที่ทำให้แสงเจ็ดสีปรากฏ จะสำเร็จภารกิจของเขาไหม? ข้าไม่แปลกใจเลยถ้าขาถูกโจมตีโดยคนที่แข็งแกร่งบางคน”
“ข้าได้ยินมาว่าเขาได้รับคำสั่งให้รวบรวมคริสตัล และหยกมากกว่าศิษย์คนอื่นๆ มันต้องเป็นเรื่องที่ยากมากแน่ๆ”
“ข้าได้ยินมาว่าเขาไม่ได้แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ เจ้าแน่ใจหรือว่าเขาเป็นคนที่ทำให้เกิดแสงเจ็ดสีจริงๆ? บางทีเขาอาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน เหล่าผู้คนที่ถูกเลือกโดยศิษย์พี่เฟิงเลี่ยล้วนแต่มีชะตากรรมที่น่าสังเวช เขาน่าจะไม่แตกต่างจากคนอื่นๆ”
“เขามีศักยภาพมาก เขาไม่ตายง่ายๆหรอก เขาควรมีเซียนปกป้องเขา”
“เป็นไปไม่ได้ แม้ว่าเขาจะมีศักยภาพที่จะกลายเป็นเซียนก็ตาม แต่เขายังไม่ได้จุติ พวกเซียนไม่มีทางที่จะทุ่มเทเพื่อเขา”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้? พวกท่านจะรู้อะไรเรื่องเกี่ยวกับซวนหยวน?” ฟางยู่โหยวรู้สึกทนไม่ได้หลังจากได้ฟังบทสนทนาของผู้อาวุโส และนางรู้สึกโกรธมาก ดังนั้นนางจึงเข้าไปแทรก
“ไปให้พ้นแม่สาวน้อย เขาก็เป็นเพียงแค่เด็กโง่เขลาเขาจะทำอะไรได้?” หนึ่งในผู้อาวุโสหัวเราะเยาะ
ทันใดนั้นได้มีสายลมอันรุนแรงพัดเขาหาพวกเขา ทุกๆคนหันไปรอบๆ และมองเห็นใครบางคนกำลังวิ่งมา ขณะแบกศพสองศพ
ฟางยู่โยวเป็นคนแรกที่เรียกซวนหยวน “นายน้อยซวนหยวน!”
ทุกๆคนก็จ้องมองไปที่ซวนหยวน ชุดเกราะของเขากำลังส่องประกายด้วยแสงสีทองสดใส หมวกเหล็กของเขาให้ความรู้สึกถึงความห่วงใยของเซียน การก้าวเท้าทุกก้าวของเขาเหมือนมังกรที่ทรงพลัง เขาดูสง่างาม และดูโอ่อ่ามาก เป็นฉากที่หลายๆคนต้องจดจำไปตลอดชั่วชีวิต
มือแต่ละข้างของซวนหยวนแบกศพทั้ง 2 ร่าง ทั้งคู่สวมเสื้อคลุมของผู้อาวุโส ศิษย์จำนวนมากรู้จักศพพวกนี้ พวกเขาสงสัยว่าทำไมผู้อาวุโสทั้งสองถึงอยู่ในเหมืองแห่งนี้
“มันทั้งสองคนนี้ซุ่มโจมตีข้า และหวังจะฆ่าข้าให้ตาย ดังนั้นข้าจึงฆ่าพวกมัน พวกเขาอยู่ที่นี่เพราะคำสั่งของตระกูลเลี่ย และตระกูลนู่ ข้าแบกพวกมันมาเพื่อให้แน่ใจว่าพวกมันจะได้รับโทษ!”
คำพูดของซวนหยวนทำให้ผู้อาวุโสทั้งสี่คนตกใจ พวกเขามองหน้ากันและกันด้วยความสับสน
“เขาฆ่านักสู้ขอบเขตนักพรตสองคน? เขาอยู่เพียงแค่ขอบเขตพฤกษา มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”
“ดูบาดแผลที่ศพสิ เห็นได้ชัดว่าบาดแผลพวกนี้ถูกสร้างขึ้นโดยหอกจิตวายุเขาต้องเป็นคนฆ่าพวกเขา ข้ามั่นใจ เขาช่างบ้าบิ่นจริงๆ! ไม่เพียงแค่เฟิงเลี่ยเท่านั้นที่ได้กระทำเช่นนี้เมื่อตอนที่เขายังเยาว์วัย”
ในขณะที่ซวนหยวนแบกศพนักสู้ขอบเขตนักพรตทั้งสองศพ ทำให้ซวนหยวนดูเหมือนเป็นเทพเจ้าแห่งความตาย
“ผู้อาวุโส เปิดใช้งานประตูมิติด้วย ข้าจะกลับไปยังส่วนในของนิกาย” ซวนหยวนกล่าวอย่างเย็นชา
ปกติแล้วจะต้องรอให้มีผู้คนจำนวนมากเพื่อเปิดใช้งานประตูมิติ แต่อย่างไรก็ตามด้วยออร่าที่ดูสง่างาม และโอ่อ่า ทำให้พวกเขาต้องปฏิบัติตาม ผู้อาวุโสทั้งสี่คนพยักหน้า และเริ่มเปิดใช้งานประตูมิติทันที
ซวนหยวนสังเกตเห็นฟางยู่โหยวอยู่ภายในประตูมิติ พวกเขาพยักหน้าให้ ทันใดนั้นแสงสว่างอันเจิดจ้าเต็มไปทั่วอากาศ และทุกคนก็ถูกส่งกลับไปยังส่วนในของนิกาย
เมื่อซวนหยวนหายไปจากสายตาของพวกเขา ผู้อาวุโสทั้งสี่คนก็รู้สึกผ่อนคลายลง
“ช่างบ้าบิ่นยิ่งนัก!”
“เขาได้ฆ่าผู้อาวุโสไปสองคนจริงๆ!”
“เขาน่ากลัวจริงๆ!”