I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Divine Throne of Primordial Blood ตอนที่ 6 การปฏิรูป

| Divine Throne of Primordial Blood | 828 | 2368 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

บทที่ 6 การปฏิรูป

“เจ้าลูกอกตัญญู!”

เสียงของซูเฉิงอานดังไปทั่วทั้งห้องโถง

“เจ้าลูกอกตัญญู! เจ้ากล้าโกหกข้า!”

ปัง! ซูเฉิงอานตบเข้าที่ใบหน้าของซูเฉิน

“ท่านจะทำสิ่งใด?” ถางหงหรุ่ยเข้ามาปกป้องบุตรชายของนาง

“เจ้ายังจะปกป้องมันอีกรึ?!”  ร่างซูเฉิงอานสั่งเทิ้มด้วยความโกรธ มันชี้ที่ซูเฉิน “เจ้าลูกอกตัญญู เจ้าบังอาจโกหกข้าผู้เป็นบิดาของเจ้าผู้นี้ ดวงตาเจ้ามิอาจฟื้นฟูได้อีก”

“แล้วอย่างไร?” ถางหงหรุ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมา “เหตุผลที่เฉินเอ๋อร์ต้องทำเช่นนี้เป็นเพราะท่านวางแผนที่จะสนับสนุนคำแนะนำของพี่ชายท่านที่ต้องการปฏิรูป”

“ที่ข้าทำเพราะมันเป็นสิ่งที่ดีต่อตระกูล”

“และนั่นมันก็ดีต่อภรรยาสี่ของเจ้าด้วยเช่นกัน” ถางหงหรุ่ยจ้องซูเฉิงอานอย่างเยือกเย็น

นับตั้งแต่ที่ซูเฉิงอานเริ่มรับภรรยาคนที่สอง ความสัมพันธ์ระหว่างมันกับถางหงหรุ่ยค่อย ๆ จางหายไป เมื่อเหยียนหวูโชงเข้ามา ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาก็ถึงจุดต่ำสุด

ซูเฉิงอานชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะตอบด้วยความโกรธ “ข้าต้องการมีบุตรเพิ่มอีกคน ทว่าเจ้าเป็นกังวลว่ามันจะทำให้เฉินเอ๋อร์เสียเปรียบและไม่เต็มใจ แล้วเจ้าคิดว่าข้ามีทางเลือกอื่นอีกอย่างนั้นหรือ?”

“(TL : ตอแหล…!!!) โกหก!” ถางหงหรุ่ยทะเลาะกับสามีของนาง “หากท่านต้องการบุตรเพิ่ม ท่านจะรับภรรยาทั้งสามมาด้วยเหตุผลอันใด? มันชัดแจ้งแล้วว่าท่านดวงตามืดบอดไปกับไฟความปรารถนา!”

ซูเฉิงอานโกรธจนใบหน้าแดงก่ำแล้วเอ่ยว่า “เป็นผู้สืบทอดตระกูลใหญ่ การมีลูกหลานมากมายเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว เฉินเอ๋อร์ก็ตาบอดไปแล้ว โชคชะตาได้กำหนดให้อนาคตของมันนั้นมืดบอดไป เพื่อเป็นผู้นำตระกูลในอนาคต เป็นธรรมชาติที่ข้าจะต้องมีผู้สืบทอดที่โดดเด่น เจ้ายังไม่เข้าใจเหตุผลนี้อีกรึ?”

สิ่งที่เอ่ยมานั้นมิผิดเลยแม้แต่น้อย

ความเชื่อเก่าแก่ของตระกูลใหญ่คือยิ่งมีลูกหลานมากเท่าใด ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น เหตุผลเบื้องหลังเรื่องนี้ง่ายมาก การมีลูกหลานมากมาย แม้ว่าส่วนใหญ่จะล้มเหลวในการตอบสนองความต้องการ ทว่าสิ่งที่ต้องการคือผู้ที่ประสบผลสำเร็จ เพื่อนำตระกูลไปสู่ความมั่งคั่ง

ด้วยเหตุนี้ เมื่อผู้สืบทอดรุ่นนี้แก่ตัวไป ก็จะเลือกสรรผู้สืบทอดคนใหม่ นั่นมิเพียงมองที่ความสามารถของผู้สืบทอดเท่านั้น พวกมันยังคำนึงถึงศักยภาพของบุตรพวกมันอีกด้วย

ซูเฉิงอานเป็นบุตรชายคนโตของผู้นำตระกูล ด้วยเหตุผลนี้มันจะกลายเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป ทว่าหากมันมิอาจมีลูกหลานที่โดดเด่น อนาคตของตระกูลอาจผันกลายเป็นไร้อนาคต เนื่องจากตระกูลซูจะตกอยู่ในภาวะแก่งแย่งภายในเนื่องจากขาดผู้สืบทอดที่เหมาะสม

ถางหงหรุ่ยจ้องที่สามีของนาง “ที่ท่านเอ่ยมาทั้งหมด ท่านเพียงเป็นคนเห็นแก่ตัวที่คำนึงถึงแต่ตัวเองเท่านั้น”

“ข้าคำนึงถึงแต่ตนเอง?” ซูเฉิงอานรู้สึกผิดหวัง “เจ้าควรคำนึงถึงสิ่งที่ข้าทำเพื่อปกป้องมันในช่วงสองปีที่ผ่านมา พี่รองพยายามที่จะปฏิรูป ข้าต้องต่อสู้กับแรงกดดันจากผู้อาวุโส หากกมิใช่เพราะข้า มันคงมิได้รับอันดับหนึ่ง หรือแม้แต่อันดับสองเสียด้วยซ้ำ!”

“แท้จริงแล้ว เมื่อท่านรู้ว่าดวงตาของมันกำลังฟื้นฟู” ถางหงหรุ่ยยิ้มอย่างเยือกเย็น “แล้วบัดนี้ล่ะ?”

ซูเฉิงอานไร้ซึ่งคำพูด

“ท่านไม่ต้องรักษาท่าทางแล้วงั้นรึ หืม?” ถางหงหรุ่ยพูดต่อ “เพราะท่านพบว่าบุตรชายของท่านไร้ค่าที่จะปกป้อง?”

ใบหน้าซูเฉิงอานเปลี่ยนเป็นซีดเซียว มิอาจเอ่ยสิ่งใดออกมาได้

ถางหงหรุ่ยมองที่สามีด้วยความผิดหวัง “ซูเฉิงอาน บัดนี้ข้าได้เห็นเนื้อแท้ของท่านแล้ว ท่านเป็นเพียงคนเห็นแก่ตัวที่เปรียบเทียบบุตรของตัวเองกับผลประโยชน์ที่ทำให้กับท่าน หากมันไร้ค่า เจ้าจะยังดูแลมัน ปกป้องมัน หากมันไร้คนเคียงข้าง ท่านจะทอดทิ้งมันทันที”

“ข้าทอดทิ้งมันไปเมื่อใดกัน?” ซูเฉิงอานรู้สึกผิดหวังอีกครั้ง มันเพียงตบหน้าบุตรชายครั้งเดียว? เจ้าเด็กน้อยนี่กล้าโกหกบิดาของตัวเอง มันเพียงแค่ลงโทษเท่านั้น มิได้ไล่ออกจากตระกูลเสียหน่อย มันไปทอดทิ้งบุตรชายตอนไหน? นอกจากนี้ เห็นชัดแจ้งแล้วว่าบุตรชายของมันไม่เหมาะที่จะเป็นนักสู้อีกต่อไป….

ถึงกระนั้น ความคิดเหล่านี้ก็มิได้เอ่ยออกไป มันเพียงแค่มองที่บุตรชายแล้วเอ่ยว่า “เฉินเอ๋อร์ บอกข้ามาว่าเหตุใดเจ้าจึงไม่คิดจะยอมแพ้เสียแต่บัดนี้?”

“เพราะข้าเชือว่าข้าจะฟื้นฟูมันได้” ซูเฉินตอบ “ขอทานกล่าวเช่นนั้น มันเปลี่ยนดวงตาข้า มันบอกว่าจะมอบความเป็นไปได้ในอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด นั่นหมายความว่ายังมีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นฟูมัน”

“มันเป็นแค่คำกล่าวขยะ!” ซูเฉิงอานตะโกนออกมาโดยที่มิอาจควบคุมตัวเองได้

มันเคยได้ยินเรื่องนี้จากซูฉิงมาก่อน และเคยหวังไว้เช่นเดียวกัน แม้แต่ในช่วงเวลาที่ซูเฉินตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า มันและมารดาของมันได้ใช้คำกล่าวนี้เพื่อปลอบโยน

แม้จะผ่านไปสองปีแล้ว ทว่าดวงตาของซูเฉินยังคงเหมือนเดิม แล้วสิ่งใดคือความเป็นไปได้ในอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด?

คำเหล่านี้ก็เป็นเพียงผายลมเท่านั้น

โกหก ทุกอย่างโกหก!

ซูเฉิงอานเลิกตั้งความหวัง มีเพียงซูเฉินและถางหงหรุ่ยเท่านั้นที่ยังยึดถือ และฝึกฝนอย่างหนักต่อไป

“เฉินเอ๋อร์ เจ้าต้องเข้าใจ ความฝันมิอาจเป็นจริงได้ เจ้าไปเชื่อคำกล่าวของบุคคลที่ทำร้ายเจ้าได้อย่างไร? เจ้าควรตื่นจากความฝัน แล้วยอมรับเสียว่ามันเป็นภาพลวงตาที่มิอาจเกิดขึ้นได้!” ซูเฉิงอานสั่งสอนอย่างขึงขัง

“แล้วหลังจากนั้น?” ซูเฉินยิ้ม “เมื่อข้ายอมแพ้ ท่านจะได้ทอดทิ้งข้าได้อย่างถูกต้องใช่หรือไม่?”

ซูเฉิงอานตกใจ แผนการที่มันซ่อนไว้ในใจได้ถูกซูเฉินมองออกหมด ทำให้มันรู้สึกกังวลในทันที

เป็นไปไม่ได้? มันมีอายุเพียงสิบสี่ปี จะเข้าใจจิตใจมนุษย์ได้อย่างไร?

หลังจากนั้น ความกังวลของมันพลันแทนทีด้วยใบหน้าโกรธ

มันใช้ความโกรธเพื่อปกปิดความรู้สึกผิด

ซูเฉิงอานตะโกนขึ้น “โอหัง! นี่หรือคือวิธีการพูดกับบิดาของเจ้า?”

ซูเฉินไม่ตอบ ได้แต่ “จ้อง” ที่ใบหน้าของผู้เป็นบิดา

แม้ว่าดวงตาของมันจะมืดบอด ทว่าก็ยังมองคล้ายกับคนปกติที่แข็งแรงและเปล่งประกาย

ขณะที่มันจ้องที่ซูเฉิงอาน แววตาของมันทำให้ซูเฉิงอานรู้สึกไม่สบายภายในใจอีกครั้ง

ดูเหมือนว่ามันจะต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองมิให้ไปจ้องมองที่บุตรชายของมัน

ในที่สุดซูเฉินก็เอ่ย “ท่านพ่อ บอกข้าได้หรือไม่ว่าข้าทำสิ่งใดผิด?”

ซูเฉิงอานเงียบ

หลังจากนั้นไม่นาน มันก็ตอบว่า “เจ้ามิได้ทำสิ่งใดผิด เจ้ายังเป็นลูกที่ดีเสมอ”

“แล้วเหตุใดข้าจึงไม่ได้รับการสนับสนุน แม้ว่าข้าจะพยายามมากเพียงใด แต่กลับกลายเป็นเช่นนี้?” ซูเฉินถามอีกครั้ง

ซูเฉิงอานตอบ “การที่เจ้าพยายามไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เพียงแต่มันเป็นการปิดกั้นเส้นทางของผู้อื่นเท่านั้น”

__ __

ซูเฉิงอานทำการปฏิรูปหลังจากที่คำโกหกถูกเปิดเผย

ถึงกระนั้นก็มิได้เปลี่ยนแปลงสิ่งใดมากมาย ในช่วงสิ้นปีก็ยังคงทำการทดสอบพลังปัจจุบันของผู้เข้าร่วมซึ่งเป็นวิธีหลักในการประเมิน เพียงแต่เพิ่มการต่อสู้เข้ามาเพื่อความท้าทาย

หลังจากอันดับหนึ่งถูกประกาศ บุคคลนั้นจะต้องยอมรับคำท้าทาย ผู้ท้าชิงจะเลือกจากผู้สืบทอดที่พ่ายแพ้ไป ผู้ท้าชิงมีเพียงโอกาสเดียว และไม่อนุญาตให้ใช้อาวุธใด ๆ

ข้อได้เปรียบจากการปฏิรูปคือการที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงสิ่งใดมากมาย สิ่งนี้นำไปสู่การลดจำนวนผู้เข้าร่วมเป็นอย่างมากในเวลาเดียวกัน ทั้งยังลดความกังวลของซูฉางเช่อจากการบาดเจ็บในการแข่งขัน

แน่นอนว่าการปฏิรูปนี้มีจุดประสงค์ที่ชัดเจน ทุกคนรู้ว่าเป้าหมายคือซูเฉิน

ส่งผลให้ซูชิ่งรู้สึกตื่นเต้นได้ในช่วงหนึ่ง มันได้ป่าวประกาศว่าซูเฉินควรยอมแพ้ในการประเมินสิ้นปี มิเช่นนั้นมันจะท้ายทายเอง

ถึงกระนั้น การคุกคามของมันไร้ประโยชน์อย่างชัดเจน

นั่นเป็นเพราะซูเค่อจี๋และบุตรชายได้รับข่าวยืนยันการเข้าร่วมการประเมินสิ้นปีของซูเฉินอย่างรวดเร็ว

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments