I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Divine Throne of Primordial Blood ตอนที่ 5 คำโกหก

| Divine Throne of Primordial Blood | 693 | 2366 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

บทที่ 5 คำโกหก

ข่าวดวงตาของซูเฉินกำลังฟื้นตัวได้กระจายลุกลามไปทั่วทั้งตระกูลซูดั่งไฟลามป่า

ผู้คนที่ได้ยินต่างพูดปากต่อปากไปในทันที ทั่วทั้งตระกูลต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

มีผู้คนมากมายที่มีความสุขกับข่าวนี้ ขณะที่ยังมีอีกหลายคนที่ต้องพบการความผิดหวัง

ลานฝึกซ้อมที่ด้านนอกของมันที่เงียบเหงาไปหลังจากที่สูญเสียการมองเห็น เริ่มกลับมาแน่นขนัดอีกครั้ง ผู้เฒ่าของตระกูลซู ฉางเช่อเองก็มาเยี่ยมเยียนหลานชายด้วยตัวเอง มันจับมือของหลานชายขณะพูดคุยด้วยความอบอุ่น หลังจากนั้นผู้เฒ่าในตระกูลก็ได้มาเยี่ยมเยียนมันเรื่อย ๆ ทั้งท่านลุงจากตระกูลหลักและตระกูลสาขา

แม้แต่ซูเค่อจี๋เองก็ยังมอบของขวัญให้ขณะมาเยี่ยมเยียนซูเฉิน มันทั้งเอ่ยโกหกและสรรเสริญซูเฉินไปมากมาย “นับตั้งแต่ที่รู้ว่าดวงตาของเฉินเอ๋อร์ฟื้นตัว ข้ายินดีเป็นอย่างมาก คืนนี้ข้าจะดื่มเหล้าให้เจ้าหลายถ้วย”

ซูเฉินรู้สึกทำอันใดไม่ถูกเมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วเอ่ยขึ้น “ท่านลุงสอง ทั้งที่ท่านกำลังเอ่ยมามากมาย เหตุใดจึงต้องโบกมือตรงหน้าข้าด้วยเล่า?”

ซูเค่อจี๋เงยหน้าขึ้นหัวเราะ มันหยุดมือแล้ววางมันลงบนบ่าของซูเฉินแล้วเอ่ยขึ้น “หลานชาย ไปพักผ่อนเถิด” ก่อนจะจากไป

คืนนั้นซูเฉินได้ยินว่าข้ารับใช้หนุ่มที่ทำถ้วยแตกโดยไม่ตั้งใจ ทำให้ซูเค่อจี๋โกรธจนเกือบจะทำร้ายข้ารับใช้หนุ่มคนนั้นเกือบตาย

ความคิดที่จะเปลี่ยนวิธีการประเมินได้ถูกละเว้นไป หากซูเฉิงอานไม่เห็นพ้องด้วย ซูเค่อจี๋ก็ไม่มีทางที่จะทำให้เกิดขึ้นได้

ตอนนี้ยังไม่มีเป้าหมายที่ต้องทำ

สองเดือนต่อมา การประเมินปลายปีได้เริ่มขึ้น

ซูเฉินได้รับอันดับหนึ่งโดยไร้ซึ่งปัญหา ทั้งยังได้รับขวด “แก่นวิญญาณไม้เขียว” เป็นการส่วนตัวจากท่านผู้เฒ่า

ทางตอนเหนือของเมืองหลินเป๋ยมีภูเขาลูกหนึ่งชื่อว่าภูเขาแปดยอด บนยอดเขามีต้นไม้ลึกลับที่ชื่อว่าต้นดอกลายคราม ที่จะออกดอกเพียงปีละครั้ง น้ำจากดอกไม้ประกอบไปด้วยพลังงานลึกลับ เมื่อใช้มัน จะส่งผลให้เพิ่มการไหลเวียนและเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกาย ด้วยเหตุนี้มันจึงถูกเรียกว่าแก่นวิญญาณไม้เขียว

ต้นไม้นี้จะออกดอกเพียงครึ่งเดือน ทำให้ปริมาณน้ำที่เก็บเกี่ยวมีจำกัด ดังนั้นจึงมีเพียงสามขวดต่อปี

ภูเขาแปดยอดเป็นของตระกูลซู แม้ว่าพวกมันจะผูกขาดแก่นไม้เขียว และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ตระกูลซูรุ่งเรืองขึ้นเพราะความช่วยเหลือจากแก่นไม้เขียว ทุกปี ตระกูลซูจะขายออกไปสองขวด และหลงเหลือไว้ใช้ในตระกูลหนึ่งขวด

หลายปีมานี้ ซูเฉินเป็นบุคคลที่โดดเด่นที่สุดภายในรุ่นที่สาม ซูเฉินเองก็ได้รับแก่นไม้เขียนจากท่านผู้เฒ่าอยู่เสมอ และยังเป็นเหตุผลที่ซูเฉินสามารถบรรลุความก้าวหน้าในปัจจุบันได้ด้วยร่างกายที่พิการนี้ส่วนใหญ่เป็นเพราะแก่นไม้เขียว

นี่เป็นเหตุผลที่ซูเค่อจี๋ปรารถนาอยากจะได้มันมาครอบครองเป็นอย่างมาก

เมื่อตอนที่ร่างกายของซูเฉินยังปกติดี มันทำได้เพียงอิจฉาเท่านั้น มิอาจลงมือทำสิ่งใดได้ ทว่าบัดนี้ซูเฉินตาบอดไปแล้ว มันรู้สึกว่านั่นเป็นเรื่องที่ไร้ค่ามากที่สุดที่จะซูเฉินใช้มัน หากสามารถย้อนเวลากลับไปได้ มันจะกลับไปคว้าเอาขวดที่ซูเฉินใช้ไปให้บุตรชายของมันแทน

ถึงกระนั้น สิ่งที่ใช้ไปแล้วก็คือใช้ไปแล้ว ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ยามที่เห็นซูเฉินถือขวดหยกนั่นคราใด ซูเค่อจี๋ก็เข้าใจทันทีว่ามันได้สูญเสียโอกาสไปอีกครั้งแล้ว

และคงไม่เหลือโอกาสอีกแล้ว

เวลาไม่กี่เดือนผ่านล่วงเลยไปดั่งลูกเกาทัณฑ์

ซูเฉินที่กำลังฝึกฝนหมัดพยัคฆ์เพลิงอยู่บนลานฝึก นี่เป็นเคล็ดวิชาแรกที่ปู่ของมันได้ส่งต่อให้ผู้สืบสายเลือดตระกูลซู เป็นเคล็ดวิชาที่มีความมั่นคงและดุดัน แน่นอนว่ามันต้องแข็งแกร่งมาก เพื่อปรับบปรุงความแข็งแกร่งของเคล็ดวิชานี้ ซูฉางเช่อได้ใช้เงินจำนวนมากซื้อขวดยาแก่นโลหิตพยัคฆ์เพลิงคำรามมากมาย ด้วยเหตุนี้ทำให้มันได้รับสายเลือดของพยัคฆ์เพลิงคำราม ผลักดันให้มันเข้าสู่เขตแดนหยางขั้นต้น และกลายเป็นเสาหลักแห่งตระกูลซู

ซูเฉินปล่อยหมัดไปที่เสาเหล็กที่หุ้มอยู่บนเปลือกไม้ด้านหน้า ด้วยการโจมตีของมัน ส่งผลให้เสาเหล็กที่เที่ยงตรงนั้นเกิดเสียงดังขึ้นมา และเนื่องจากสูญเสียการมองเห็นไป ทำให้มันต้องระมัดระวังท่าทางและการเคลื่อนไหวเป็นอย่างมาก ทุกการกระทำเป็นเส้นตรงเสมอต้นเสมอปลาย แม้ว่ามันจะเดินไปข้างหน้า ทว่าทิศทางที่เดินกลับมิเคยเบี่ยงเบนไปไหน

เมื่อ ‘ดั่งพยัคฆ์พุ่งหล่นจากภูเขา’ ตกกระทบที่เสาเหล็ก ทำให้เกิดเสียงดังก้องกังวาน เปลือกไม้ที่หุ้มเสาเหล็กแตกออกและร่วงหล่นกระจายไปทั่วพื้น ไม่เพียงเท่านั้น ซูเฉินยังได้ประทับรอยบนเสาเหล็กที่ดูเหมือนจะโค้งไปจากเดิม

“เป็นหมัดที่ดี!” เสียงชื่นชมมาจากด้านหลัง

มันยิ้ม “ท่านลุงสาม”

บุคคลที่เข้ามาที่ลานฝึกแห่งนี้ มันเป็นชายวัยกลางคนที่มีลักษณะอันน่าเกรงขาม ทั้งยังมีบุคลิกที่สง่างามอีกด้วย ที่มุมปากประกอบด้วยเส้นหนวดเล็กน้อย ควบคู่กับดวงตาที่เปล่งประกายนั้น ทำให้มันกลายเป็นที่ดึงดูดใจของบุคคลได้ง่าย

นี่คือบุตรชายคนที่สามของผู้นำตระกูลซู ซูเฟยหู

ในบรรดาสมาชิกในตระกูลซู ซูเฟยหูเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับซูเฉินมากที่สุด หลังจากซูเฉินสูญเสียการมองเห็น ซูเฟยหูได้ไปลากตัวหมอทั้งสิบภายในเมืองหลินเป๋ยเพื่อมารักษามันด้วยตัวเอง ทำให้ช่วงนั้นในเมืองเกิดความวุ่นวายมาก ทุกคนต่างรู้ดีว่ามันเป็นบุตรคนที่สามของผู้นำตระกูลซู  ดังนั้นคนอื่นจึงไม่สามารถทำสิ่งใดได้

ซูเฟยหูเดินก้าวยาวไปยืนข้าง ๆ ซูเฉิน มันเพ่งมองที่ก่อนจะพูด “เหมือนว่าอีกไม่นานเจ้าจะบรรลุขั้นที่แปดแล้ว ความเร็วของเจ้าช่างรวดเร็วยิ่งนัก”

“รวดเร็ว?” ซูเฉินยิ้มอย่างขมขื่น “ที่จริงผู้เยาว์ยังรู้สึกว่ามันช้าเกินไป หากไม่ใช่เพราะดวงตาของผู้เยาว์แล้ว บางทีผู้เยาว์อาจจะบรรลุถึงชั้นที่เก้าหรือไม่ไกลจากในตอนนี้”

มีเพียงตัวมันเองเท่านั้นที่เข้าใจถึงผลกระทบจากการสูญเสียการมองเห็นเป็นเช่นไรอย่างแท้จริง

บุคคลอื่นอาจมองเห็นว่าการโจมตีของมันเต็มไปด้วยพลังและความแข็งแกร่ง ทว่าสิ่งนี้ทำให้มันต้องใช้เวลานานถึงสองปีกว่าจะบรรลุได้อย่างช้า ๆ

มันต้องจ่ายไปด้วยแรงกายจำนวนมากเพื่อให้ตนเองสามารถทำเช่นนี้เป็นปกติได้

ซูเฟยหูเข้าใจความรู้สึกนั้น มันตบที่ไหล่ของซูเฉินแล้วถอนหายใจ “การที่สามารถบรรลุได้ถึงขั้นนี้ถือว่าดีมากแล้ว ตระกูลซูของเราควรภูมิใจที่มีลูกหลานเช่นเจ้า”

“กระนั้น พวกมันก็มิได้ใจกว้างเพียงเพราะสิ่งนี้ใช่หรือไม่?” ซูเฉินถาม

ซูเฟยหูหยุดไปชั่วครู่ “เจ้ารู้รึ?”

ซูเฉินลดน้ำเสียงลงเล็กน้อย “ข่าวลือหลังจากที่ผู้เยาว์ตาบอดแพร่กระจายอยู่นี้ ผู้เยาว์อาจมิได้ดีพร้อม ทว่าหูของผู้เยาว์นั้นได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี… พวกมันกระวนกระวายมากเกินไป”

แท้จริงแล้วตระกูลซูกำลังเริ่มกระวนกระวาย

ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา มีสมาชิกในตระกูลรอคอยให้ดวงตาของซูเฉินฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ ทว่าสิ่งที่รอคอยนั้นกลับกลายเป็นเพียงความผิดหวังเท่านั้น

บางคนเริ่มรู้สึกไม่พอใจ หากมิอาจฟื้นฟูได้ นั่นเป็นเพียงการขวางกั้นมิให้อัจริยะคนอื่นสามารถเข้าถึงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ มันช่างไร้ความหมาย

ซูเฟยหูตอบด้วยน้ำเสียงที่เจือด้วยความโกรธ “ซูเค่อจี๋เสนอตัวออกมากล่าวหาว่าเจ้าโกหกตระกูลตั้งแต่ต้น ว่าเจ้ามิอาจฟื้นฟูดวงตาได้อีกแล้ว กลุ่มคนโง่และอ่อนแอภายในตระกูลเห็นด้วยความคำพูดของมัน และเตรียมที่จะทดสอบหลังจากปิดกั้นการได้ยินของเจ้า”

การทดสอบโดยปิดกั้นการได้ยิน เป็นการทดสอบสายตาของซูเฉินโดยการปิดกั้นความสามารถทางการได้ยิน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง

ข้อเสนอนี้ถูกเสนอขึ้นมาโดยซูเค่อจี๋เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทว่าผู้เฒ่าตระกูลซูไม่เห็นด้วย

แม้การทดสอบจะไม่มีสิงใดซับซ้อน ทว่าการทำแช่นนั้นถือว่าเป็นการแสดงให้เห็นว่าพวกมันมิได้ไว้วางใจในผู้สืบทอดของตระกูล

ซูเฉินมิใช่ผู้สืบทอดที่ไม่คู่ควร ตรงกันข้าม มันกลับเป็นบุคคลที่โดดเด่นมาก ไม่มีเหตุผลที่ตระกูลจะทำเช่นนี้

ถึงกระนั้น พอผ่านไปครึ่งปีกลับไม่มีข่าวคราวใด ๆ อีกเลย และเสียงที่หายไปนั้นได้หวนกลับมาอีกครั้ง คราวนี้แม้แต่ท่านผู้เฒ่าก็มิอาจหยุดยั้งได้

“หมายความว่าตระกูลต้องการให้ผู้เยาว์เข้ารับการทดสอบอย่างนั้นหรือ?” ซูเฉินถาม

“ใช่แล้ว พวกมันต้องการให้ข้ามาบอกเจ้า”

ปัง!

เปลือกไม้ในมือซูเฉินถูกบดขยี้ มือของมันสั่นเทา

หลังจากสูดหายใจเข้าลึก ๆ มันก็สงบคลื่นที่อยู่ในใจ และเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสงบเป็นพิเศษ “เช่นนั้นผู้เยาว์คงต้องรบกวนให้ท่านลุงสามกลับไปแจ้งแก่พวกมันว่าข้าไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้”

“เพราะเหตุใด?” ซูเฟยหูไม่เข้าใจในทันที

ซูเฉินตอบ “แท้จริงแล้วผู้เยาว์โกหก…… ดวงตาของผู้เยาว์มิได้ดีขึ้นเลย”

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments