I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Divine Throne of Primordial Blood ตอนที่ 9 ข้ามองเห็นแสงสว่าง

| Divine Throne of Primordial Blood | 736 | 2337 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

บทที่ 9 ข้ามองเห็นแสงสว่าง

ใต้หมอกอันหนาทึบ ไอน้ำพวยพุ่งจากบ่อน้ำกลั่นตัวกลายเป็นน้ำล่วงหล่นลงในบ่อ

บนภูเขาที่มีหมอกปกคลุมหนาทึบ มีเงาร่างหนึ่งพุ่งผ่านไปรอบ ๆ บ่อน้ำด้วยความรวดเร็ว ด้วยการกระโดดและการเคลื่อนไหวสิ่งผลให้บนผิวน้ำกระเพื่อมขึ้นลงเสมือนอสรพิษกำลังเต้นรำผ่านอากาศ และนี่คือซูเฉิน

จากการเคลื่อนไหวที่มองเห็นอย่างรวดเร็วนั้นเป็นทักษะการเคลื่อนไหวทางร่างกาย คงไม่มีผู้ใดคิดว่ามันเป็นคนตาบอด การเคลื่อนไหวนี้ว่องไวดั่งลิง รวดเร็วดั่งกระต่ายยามหลบภัย

ในยามนี้ กู้ชิงหลัวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้ส่งผลให้การเคลื่อนย้ายที่ยอดเยี่ยมของมันเป็นอันล้มเหลวไป

แท้จริงแล้วกู้ชิงหลัวมิได้ทำสิ่งใดมากนัก เพียงโยนก้อนหินขนาดเล็กไปข้างหน้าเส้นทางที่ซูเฉินจะเคลื่อนที่ผ่าน และสร้างเสียงขึ้นบนนั้น

แม้แต่ซูเฉินก็มิอาจเลี่ยงได้

เมื่อมันก้าวเหยียบลงบนหินก้อนนั้น ทำให้มันลื่นตกลงไปในบ่อ

แม้ว่าการตกลงไปในน้ำจะดีกว่าตกลงบนพื้น ทว่าท่าทางตอนที่ตกลงไปไม่ได้สวยงามมากนัก (TL : ล้มหัวทิ่ม) ที่สำคัญคือช่วงนี้เป็นต้นฤดูหนาว อุณหภูมิของน้ำก็ผันแปรตามฤดูกาล แม้ว่าร่างกายของซูเฉินจะแข็งแกร่ง ก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกสั่นสะท้าน มันรีบกระโจนออกจากบ่อทันที

กู้ชิงหลัวถอนหายใจเล็กน้อย

ซูเฉิน เจ้ามันอัจฉริยะนางโยนมุกสีแดงไปให้ซูเฉิน นี่เป็นมุกหยางบริสุทธิ์ สิ่งนี้จะข่วยให้เสื้อผ้าแห้งได้เร็วขึ้น แม้ว่ามันจะไร้ประโยชน์ไปเสียเล็กน้อย ทว่ามูลค่าของมันนับว่าไม่น้อยเช่นกัน มีเพียงผู้ที่เกิดในตระกูลใหญ่เหมือนกู้ชิงหลัวเท่านั้นจึงจะมีมัน หากไปค้นหาที่ตระกูลซูทั่วทั้งหมด ก็ไม่มีโอกาสที่จะพบสิ่งนี้

กู้ชิงหลัวเอ่ย การที่เจ้าเปลี่ยนท่าก้าวย่างอสรพิษลวงอย่างเชี่ยวชาญได้รวดเร็วนี้ แสดงให้เห็นแล้วว่าเจ้ามีความเข้าใจและไหวพริบที่ดีอย่างยิ่ง แม้เจ้ามิได้มีสายเลือด ทั้งยังมิอาจมองเห็น เพียงไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้เท่านั้น ถึงกระนั้น เมื่อใดก็ตามที่เส้นทางของเจ้ามีสิ่งกีดขวางเข้ามา ความเร็วที่เคลื่อนย้ายของก้าวย่างอสรพิษลวงจะเป็นอันตรายต่อตัวเจ้าแทน แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่เข้าโจมตี ทว่าจะอาจตกอยู่ในภาวะกึ่งเป็นกึ่งตายได้ยามที่เจ้าล่วงหล่น บางทีข้าคงมิควรสอนทักษะที่ไม่เหมาะกับตัวเจ้า

ณ จุดนี้ กู้ชิงหลัวรู้สึกเสียใจเล็กน้อย

ข้าคิดว่าก้าวย่างอสรพิษลวงมิได้เลวร้ายนักซูเฉินรีดมุกหยางบริสุทธิ์ลงบนร่างกาย มีไอน้ำสีขาวกระจายขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ตัวมันที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำ บัดนี้ได้แห้งสนิทแล้ว ตอนนี้เราอยู่บนภูเขาที่เดิมพื้นดินขรุขระ มีเส้นทางซับซ้อนมากมาย ทั้งยังมีน้ำและหมอกทำให้พื้นดินนั้นลื่น ด้วยเหตุนี้จึงก่อให้เกิดความผิดพลาดได้ง่ายขึ้น หากเป็นการดวลตัวต่อตัวบนสนาม บนพื้นดินที่ราบเรียบและมั่นคง แม้ว่าข้าจะมิอาจหยิบยืมพลังของมันออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ทว่ามันยังคงมั่นคงกว่า ถึงอย่างไรคู่ต่อสู้ก็เป็นหนึ่งในตระกูลซู ซึ่งแตกต่างจากเจ้า พวกมันไม่คุ้นเคยกับก้าวย่างอสรพิษเงา มิอาจคาดเดาการเคลื่อนไหวของก้าวย่างอสรพิษลวงของข้าได้โดยง่ายแน่นอน ยิ่งกว่านั้นมีน้อยนักที่จะสามารถใช้พลังเพียงครึ่งเดียวของพวกมันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดังที่เจ้าเอ่ย

เช่นเดียวกับที่มันเอ่ย บัดนี้วิธีการเคลื่อนไหวก้าวย่างอสรพิษลวงของซูเฉินเป็นเหมือนดั่งเครื่องที่ถูกโปรแกรมไว้ มันจะดำเนินการก้าวย่างไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้ มิอาจปรับเปลี่ยนใด ๆ ได้ ถึงกระนั้น คู่ต่อสู้ของมันยังมิเคยได้พบเจอทักษะนี้มาก่อน ดังนั้นในมุมมองของซูเฉินก็ยังคงมีโอกาสที่จะนำมาใช้ระหว่างการต่อสู้ได้

แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ทว่าโอกาสที่เจ้าจะชนะคงไม่เกินสามในสิบอยู่ดีกู้ชิงหลัวถอนหายใจ

เจ้าเอ่ยเช่นนั้นก็มิถูกเสียทีเดียว มันมีโอกาสเพียงไม่เกินสองในสิบเท่านั้นซูเฉินเอ่ยตอบ ซูชิ่งเองก็พึ่งบรรลุกายาเหล็กไหลขั้นที่เจ็ดไปเมื่อวานนื้

ยามที่ซูเฉินบรรลุกายาเหล็กไหลขั้นที่แปดเมื่อสองเดือนก่อน มันมีพลังสูงกว่าซูชิ่งถึงสองขั้น หากนับรวมเอาความเร็วของก้าวย่างอสรพิษลวงด้วยแล้ว มันควรมีโอกาสมากกว่าสามในสิบที่จะได้รับชัยชนะ

ถึงกระนั้นซูชิ่งเองก็พึ่งบรรลุขั้นที่เจ็ดไปเมื่อวานนี้

แม้ว่ามันจะมีการพัฒนาช้ากว่าซูเฉิน ทว่ามันก็ยังสามารถปิดช่องว่างนี้ได้ก่อนถึงสิ้นปี

ด้วยเหตุนี้มันส่งผลให้ระดับความได้เปรียบของซูเฉินลดลง ทั้งโอกาสในการเอาชนะซูชิ่งเองก็ลดลงเช่นกัน

เมื่อได้ยินสิ่งที่ซูเฉินเอ่ย สมองของกู้ชิงหลัวพลันว่างเปล่าไปชั่วครู่ แม้จะเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ยังยืนยันที่จะเข้าร่วมการประเมินอย่างนั้นหรือ?”

ซูเฉินยิ้ม แม้ว่าจะไม่มีก้าวย่างอสรพิษลวง ข้าก็จะยังคงฝึกฝนต่อไป

ทว่าโอกาสที่จะได้รับชัยชนะจะน้อยมาก……

นั่นมิใช่เหตุผลที่จะให้ข้ายอมแพ้ใช่หรือไม่?”

ประโยคนั้นส่งผลให้กู้ชิงหลัวเงียบไป

หลังจากนั้นไม่นานกู้ชิงหลัวก็เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม เจ้าเอ่ยมาก็ถูก นั่นมิใช่เหตุผลที่จะยอมแพ้ แม้เจ้าจะแพ้ เจ้าควรกล้าที่จะยอมรับความล้มเหลวนั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ข้าผู้นี้มีของขวัญที่จะมอบมันให้แก่เจ้า

นางกรีดลงบนนิ้วมือ หยดเลือดเล็ก ๆ รวมตัวที่ปลายนิ้วของนาง

หยดเลือดที่รวมตัวกันมีความเก่าแก่และบริสุทธิ์ มันกลิ้งอยู่บนปลายนิ้วมือของนางราวกับไข่มุก

จากนั้นนางก็บังคับให้เลือดจางหายไปโดยการกดมันลงที่กลางหน้าผากของซูเฉินแล้วเอ่ยขึ้นว่า จงอย่านึกถึงสิ่งใด เพียงเจ้ามุ่งเน้นไปที่การไหลเวียนของพลังนั้นไปให้ทั่วร่างกายของเจ้า

นี่มัน……ความรู้สึกชุ่มชื่นบนระหว่างคิ้วของมันส่งผลให้ซูเฉินรู้สึกทึ่ง

นี่เป็นหยดแก่นแท้โลหิต มันครอบครองความลับของสายเลือดอสรพิษผันผยอง ข้ามิอาจส่งมันผ่านสายเลือดให้แก่เจ้า ทว่าอย่างน้อยข้าก็สามารถทำให้เจ้ารู้สึกเสมือนว่าได้กลายร่างเป็นอสรพิษผันผยองอย่างแท้จริงได้

จิตใจของซูเฉินสั่นสะท้าน

นี่มันแก่นแท้โลหิต

นี่เป็นสิ่งที่ล้ำค่าอย่างมากที่สุดสำหรับสายเลือดแต่ละตระกูลซึ่งเป็นแหล่งพลังของพวกมัน ทว่ากู้ชิงหลัวกลับมอบสิ่งนั้นให้แก่มันเพียงเพื่อต้องการให้มันสามารถเข้าใจความลับซ้อนของก้าวย่างอสรพิษลวงได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

แล้วเหตุใดมันจะไม่ซาบซึ้งใจ?

ชิงหลัว… เจ้า…

นี่… เจ้าโปรดอย่าได้แสดงความรู้สึกเช่นนั้นออกมาได้หรือไม่? ข้าเพียงมิชอบพวกโง่เง่าในตระกูลของเจ้าข่มขู่คนตาบอดเช่นนี้ เจ้าได้ซึมซับแก่นแท้โลหินไปแล้ว เจ้าควรใช้ก้าวย่างอสรพิษลวงเพื่อทำความเข้าใจสายเลือดนี้

ซูเฉินสูดหายใจเข้าอย่างยาวนาน ก่อนที่มันจะเก็บมุกหยางบริสุทธิ์ไว้แล้วกระโจนไปตามขอบบ่อน้ำอีกครั้ง

ก้าวย่างอสรพิษลวงเป็นทักษะการเคลื่อนไหวที่มีประสิทธิภาพมาก มีผู้กล่าวว่าหากทักษะมีระดับสูงขึ้น เพียงหนึ่งก้าวย่างสามารถเหยียบย่ำเมฆาได้ การเคลื่อนไหวผ่านอากาศ แม้ว่าระดับจะต่ำ ทว่ามันสามารถวิ่งผ่านเหนือผิวน้ำได้ ถึงกระนั้นเพื่อที่จะสามารถแสดงพลังออกมาอย่างเต็มที่ มันยังต้องใช้สายเลือดเฉพาะเพื่อดึงพลังสูงสุดออกมา

บัดนี้การเรียนรู้ทักษะก้าวย่างอสรพิษลวงของซูเฉินสูงขึ้นกว่าแต่ก่อน ทว่ายังคงอยู่ในระดับเริ่มต้น ซึ่งส่งผลให้ความเร็วในการเคลื่อนไหวและความเร็วในการหลบหลีกเพิ่มมากขึ้น การเคลื่อนไหวของทักษะก้าวย่างนี้ช่างแปลกประหลาด เมื่อใช้มัน ส่วนหนึ่งของร่างกายจะบิดและไถล ทั้งยังมีความสามารถในการป้องกันได้ในระดับหนึ่งได้อีกด้วย แม้ว่าจะไม่มีประสิทธิภาพมากนักหากฝ่ายตรงข้ามใช้อาวุธหรือเป็นผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิด ทว่านั่นก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการฝ่ายตรงข้ามที่มีกายาเหล็กไหลบนสนามประลองได้

โชคร้ายที่ซูเฉินตาบอด ด้วยเหตุนี้ส่งผลให้ความสามารถในการใช้ก้าวย่างอสรพิษลวงมีขีดจำกัดกั้นอยู่

ถึงกระนั้นซูเฉินก็ยังคงฝึกฝนอย่างจริงจัง แม้ว่ามันจะขาดความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ทว่าด้วยเหตุนี้ทำให้ความสามารถทางร่างกายในการทำความเข้าใจของมันสามารถเข้าใจในระหว่างการเพาะปลูกได้ ส่งผลให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นขณะที่มันเคลื่อนไหวไปตามริมบ่อน้ำ และในขณะที่ซูเฉินกำลังจดจ่อกับการทำความเข้าใจทักษะก้าวย่างอสรพิษอยู่นั้น

หยดแก่นโลหิตของกู้ชิงหลัวเริ่มที่จะแสดงผลอย่างช้า ๆ

ในช่วงระหว่างนี้ มันรู้สึกราวกับว่าตัวมันเองค่อย ๆ กลายเป็นปีศาจอสรพิษอย่างแท้จริง ขณะที่มันล่องลอยผ่านอากาศที่มีไอน้ำปกคลุมบางเบา รูปแบบการดำเนินการมีการเปลี่ยนแปลงที่ดูแปลกประหลาด

อสรพิษผันผยอง!

นี่คือที่มาของสายเลือดตระกูลกู้

ปีศาจอสรพิษชนิดหนึ่งที่ทรงพลัง มันมีความสามารถและเชี่ยวชาญในการควบคุมเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหวของน้ำโดยธรรมชาติ

ในขณะที่กำลังดำเนินก้าวย่างอสรพิษลวงอยู่นั้น มันได้รับรู้ถึงการคงอยู่ของอสรพิษผันผยอง จู่ ๆ ซูเฉินก็เข้าใจบางอย่างและมีการเปลี่ยนแปลงปรากฏขึ้นที่ใต้ฝ่าเท้าของมัน

ในที่สุดก็มาถึงกู้ชิงหลัวยิ้มเล็กน้อย

ขณะที่นางสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของซูเฉิน

ความเร็วของมันมิได้เพิ่มขึ้น ทว่ารูปแบบของมันเริ่มแปลกประหลาดและคล่องตัวมากขึ้น ในขั้นเริ่มต้น เมื่อเคลื่อนไหวผ่านรอบบ่อน้ำ ชั้นไอน้ำบาง ๆ อาจส่งผลให้ชุดของมันเปียกชื้นได้ ถึงกระนั้นบัดนี้ไอน้ำเริ่มกระจายตัวออกไปและเริ่มหมุนวนรอบ ๆ ร่างกายของซูเฉิน สร้างเป็นชั้นผังผืดบาง ๆ ครอบไปทั่วกายของมัน

แม้ว่ามันจะดูเหมือนปกติ ทว่ากู้ชิงกลับตกใจเป็นอย่างมาก

ผังผืด? มันพัฒนาเป็นผังผืดใช่หรือไม่?” หลังจากที่ได้มองอย่างชัดเจนแล้ว กู้ชิงหลัวเกือบตะโกนออกมา

การที่เกิดเป็นผังผืดได้ แสดงว่ามันได้เข้าใจก้าวย่างอสรพิษแล้ว ลักษณะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมันคือความสามารถในการควบคุมน้ำในสภาพแวดล้อมรอบข้างเพื่อสร้างเป็นชั้นของผังผืดบาง ๆ ที่มีความสามารถในการป้องกันทั่วไปได้ นี่เป็นรูปแบบการป้องกันที่แท้จริงของทักษะนี้

ชั้นผังผืดนี้ยังหมายถึงการบรรลุขั้นสูงสุดของการเพาะปลูกทางสายเลือดของก้าวย่างอสรพิษลวงที่ปกติต้องใช้เวลานานมากถึงสามปีจึงจะบรรลุได้ แม้ว่ากู้ชิงหลัวจะมอบหยดแก่นโลหิตให้แก่มัน ทว่ามันช่วยให้สามารถเข้าใจจิตวิญญาณของอสรพิษผันผยองได้อย่างลึกซึ้งเพียงเท่านั้น มิอาจเพิ่มพูนความเข้าใจให้มากขึ้นเช่นนี้ได้ การที่มันสามารถเข้าถึงระดับนี้ได้อย่างรวดเร็วเป็นสิ่งที่เหนือความคาดคิดของนางไปมาก

เจ้ามันอัจฉริยะตัวจริง…กู้ชิงหลัวได้แต่สรรเสริญจากส่วนลึกในใจของนาง

โชคร้ายที่แม้ว่ามันจะไร้สายเลือดนี้ ไม่ว่ามันจะมีพรสวรรค์มากสักเพียงใด ทว่าอนาคตของมันก็ยังมีเส้นขีดจำกัดกั้นอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังตาบอดอีก

ในขณะที่ซูเฉินอยู่ในความคิดนั้น จิตใจของมันจดจ่ออยู่กับความรู้สึกที่ถูกระตุ้นออกมาโดยก้าวย่างอสรพิษลวง

มันรู้สึกราวกับว่ามีอสรพิษผันผยองหลอมรวมเข้ากับร่างกายของมัน ส่งผลให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ทว่าไม่ว่ามันจะพยายามไปมากเพียงใด มันก็มิสามารถเพิ่มพูนให้เพิ่มขึ้นได้อีกต่อไป

นี่เป็นข้อจำกัดทางสายเลือดหรือไม่?

ที่อนุญาตให้มันรับรู้ทักษะ ทว่ามิอาจเข้าถึงจิตวิญญาณได้

แม้จะเป็นหยดแก่นแท้โลหิตของกู้ชิงหลัว ทว่ามันเป็นเพียงการพบเจอ มิอาจก้าวข้ามไประดับต่อไปได้

แม้ว่ามันจะไม่รู้ว่าตัวมันเองสามารถสร้างผังผืดได้ ซึ่งเป็นผลของการฝึกของผู้คนที่ต้องใช้เวลานานนับหลายปีจึงจะสร้างขึ้นได้ ซูเฉินสามารถคาดเดาได้ว่าสายเลือดนั้นเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดที่ส่งผลให้มันมิอาจเรียนรู้ก้าวย่างอสรพิษลวงได้อย่างสมบูรณ์

ด้วยเหตุนี้ มันถอนหายใจ ทว่าส่วนหนึ่งในตัวมันกลับไม่คิดจะยอมแพ้

มันยังคงจดจ่อต่อไปเรื่อย ๆ และพบเจอกับการปรากฏตัวของอสรพิษผันผยองที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ ค่อย ๆ ลึกและลึกลงไป ทันใดนั้นเสียงร้องคำรามของมังกรพลันดังขึ้นภายในตัวของซูเฉิน

โฮ้ว!”

ในมโนภาพของมันปรากฏเป็นมังกรขนาดใหญ่ที่กำลังบินและปลดปล่อยเปลวเพลิงออกมา มันเติมเต็มวิสัยทัศน์ทั้งหมดของซูเฉิน

อา!” ซูเฉินตะโกนขึ้นพร้อมกับลวงหล่นลงไปในบ่อน้ำ จมดิ่งลงไปโดยไม่ลอยขึ้นมา

ซูเฉิน!” กู้ชิงหลัวกระโจนลงไปในน้ำเพื่อลากตัวซูเฉินขึ้นมาจากใต้ผิวน้ำในทันที

ชุดของมันเปียกชุ่ม เผยให้เห็นร่างกายของมัน ทว่ากู้ชิงหลัวมิได้กังวลในเรื่องนี้ นางคว้าที่บ่าของซูเฉินและตะโกนเรียก ซูเฉิน ซูเฉิน เกิดสิ่งใดขึ้นกับเจ้า?”

ซูเฉินเหม่อมองท้องนภาเสมือนคนโง่

หลังจากนั้นสักพักสติของมันก็กลับคืนมา

ดวงตาของมันเต็มไปด้วยน้ำตา

เจ้า……กู้ชิงหลัวตกใจ

ซูเฉินร่ำไห้ขึ้นอย่างกระทันหัน

มันลุกขึ้นยืนและลูบที่ใบหน้าของกู้ชิงหลัว

นางรู้สึกหงุดหงิดกับการกระทำของมัน ทว่ายังคงให้มันสัมผัสต่อไป

ซูเฉิน มันเกิดสิ่งใดขึ้น?” กู้ชิงหลัวเอ่ยถาม

ซูเฉินตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แสง…… ข้ามองเห็นแสงสว่าง…… ข้าสามารถมองเห็นแสงสว่างได้!”

น้ำตาแห่งความปิติหลั่งไหลออกมา!

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments