ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“นี่เวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานกว่าสี่เดือนแล้ว เจ้าจะบอกข้าว่ายังมิอาจจัดการมันได้อย่างนั้นหรือ?”
เหยียนหวูโชงตบลงที่พนักแขนด้วยความโกรธ
ผู้ที่กำลังคุกเข่าต่อหน้านางคือข้ารับใช้ที่ดูเหมือนผู้จัดการ ข้ารับใช้ผู้นั้นเอ่ยตอบเสียงอ่อน “หลังจากที่ซูเฉินเข้าร่วมศาลาหยกพิสุทธิ์แล้ว มันติดตามไปรอบ ๆ ถางเจินขณะที่มันเรียนรู้เกี่ยวกับโบราณวัตถุต่าง ๆ จากมัน ไม่ว่าเมฆจะครึ้มฝนหรือฟ้าเปิด มันก็ยังทำเช่นนั้นตลอดเวลามิขาดแม้แต่คราเดียว ทั้งยังไม่ให้ตนเองได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินการค้าภายในร้านอีกด้วย มันยกหน้าที่ทั้งหมดให้กับถางเจินเป็นคนจัดการ เราจึงมิอาจทำสิ่งใดกับเรื่องนี้ได้”
“เจ้าได้ลองใช้วิธีอื่นบ้างหรือไม่?”
“เราทำแล้ว ถึงกระนั้นราวกับพวกมันล่วงรู้ถึงเหตุผลที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังการมอบหมายให้ซูเฉินไปที่ร้านแห่งนั้น ทั้งยังมีการสอดส่องเข้มงวดอย่างมากในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ บัญชีของพวกมันได้รับการดูแลอย่างดี ไม่พบความคลาดเคลื่อนแต่อย่างใด แม้ว่าพวกมันจะสูญเสียโอกาสทางการค้าไปบ้างจากเหยื่อที่เราวางไว้ เราได้จัดกลุ่มมากมายเพื่อที่จะเข้าใกล้ แม้จะได้รับของปลอมขั้นสูงที่หงเหวินถงสร้างขึ้น ทว่ามันกลับมิอาจผ่านการตรวจสอบของพวกมันได้ สถานที่แห่งนี้คือศาลาพันปี มันถูกคุ้มกันจากทหารในเมือง พวกเราจึงมิอาจก่อการใหญ่ได้ นั่นทำให้เราต้องใช้เวลามากยิ่งกว่าเดิม”
ใบหน้าของเหยียนหวูโชงมืดครึ้ม “เช่นนั้นเจ้าจะบอกว่าหลังจากข้าใช้อำนาจเพื่อส่งซูเฉินไปที่ศาลาหยกพิสุทธิ์ มันเป็นเพียงการส่งมันไปศึกษาและเรียนรู้เช่นนั้นหรือ?”
“นายหญิง โปรดสงบอารมณ์ก่อน” ข้ารับใช้โขกศีรษะของมันลงบนพื้นอย่างแรงขณะที่มันกำลังหมอบอยู่
“ไร้ประโยชน์เสียจริง!” เหยียนหวูโชงตำหนิขณะที่ลุกขึ้นยืน
นางเดินกลับไปกลับมา ส่งผลให้ชายกระโปรงสีแดงกระพือดั่งคลื่นในท้องทะเลอันสดใส
หลังผ่านไปไม่นาน เหยียนหวูโชงก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงอันหนาวเหน็บ “ไม่ว่ามันจะถูกคุ้มกันไว้อย่างดีอย่างไร ถึงกระนั้นพวกมมันก็ยังเป็นมนุษย์ เพื่อลดการป้องกันของศาลาหยกพิสุทธิ์ เราจะต้องมุ่งเป้าหมายไปที่บุคคลภายใน เจ้าได้พยายามติดสินบนผู้ใดในที่แห่งนั้นบ้างหรือไม่?”
ข้ารับใช้เอ่ยตอบ “ข้าพยายามดูแล้ว ทว่าผลที่ได้ไม่ดีนัก นอกจากซูเฉินแล้ว มีคนทำงานในศาลาหยกพิสุทธิ์ทั้งสิ้นเก้าคน มีหัวหน้าร้านสามคน มีนักบัญชีหนึ่งคน จับกังสองคน หญิงรับใช้สองคน และพ่อครัวหนึ่งคน พวกมันแต่ละคนต่างมีหน้าที่รับผิดชอบของตนเอง โดยเฉพาะเมื่อซูเฉินมาถึง พวกมันได้ถูกกำชับอย่างดีว่ามิอาจก้าวก่ายเกินหน้าที่รับผิดชอบของตนได้ ไม่นานมานี้ ทว่าพวกเราได้ทำการติดสินบนจับกังผู้หนึ่ง และให้มันแอบลอบเข้าไปยังห้องเก็บของยามที่ไม่มีผู้ใดอยู่ใกล้ ๆ มิคาดคิดว่าการกระทำครานั้นกลับถูกซูเฉินที่หูเฉียบคมได้ยินสิ่งที่ผิดปกติเสียก่อน มันทำการร้องเรียกยามแล้วจับกุมคนของเราทันที หลังจากที่จับกุมไว้ได้ มันไล่ออกโดยมิปล่อยให้จับกังผู้นั้นได้อธิบายสิ่งใดทั้งสิ้น หลังจากนั้นเจ้าจับกังผู้นั้นมาหาพวกเราพร้อมทั้งขู่ว่าจะบอกเรื่องที่ติดสินบนันให้ซูเฉินรับฟัง ท้ายที่สุดแล้วพวกเราได้มอบเงินให้แก่มันไปร้อยเหรียญทองเพื่อหลบหนีออกไปจากเมืองนี้”
“ใช้ตั้งร้อยเหรียญทองเพื่อปิดปากมันเช่นนั้นรึ? พวกเจ้าแน่ใจเพียงใดว่ารู้วิธีใช้จ่ายเงินนี้” เหยียนหวูโชงขมวดคิ้วด้วยความโกรธ
ในเวลานี้กำลังในการซื้อขายทองค่อนข้างมีค่ามาก ทองหนึ่งร้อยเหรียญก็เพียงพอแล้วที่จับกังผู้นั้นจะใช้ชีวิตไปอย่างสุขสบายได้นานกว่าสิบปีโดยไม่ต้องกังวลสิ่งใด
ข้ารับใช้ผู้นั้นตอบอย่างไร้ซึ่งหนทาง “พวกเราไม่มีทางเลือกมากนัก ซูเฉินมันมีนิสัยโหดร้ายมากเกินไป หลังจกาที่มันจับกุมตัวจับกังผู้นั้นได้ ได้เอ่ยกับมันว่า ‘ข้ามิต้องการให้เจ้าบอกกล่าวต่อข้าว่าผู้ใดบงการเจ้าอยู่เบื้องหลัง ข้าเพียงอยากจะเอ่ยบอกต่อเจ้าว่าเป็นเพราะพวกมัน จึงทำให้เจ้าต้องเสียงานนี้ไป และนั่นเป็นเพราะเจ้าตัดสินใจที่จะทำงานให้แก่มัน หากเจ้าฉลาดเพียงพอก็ควรไปขอเงินชดเชยจากพวกมันซะ ข้าขอแนะนำให้เจ้าบอกต่อพวกมันว่าต้องการทองหนึ่งร้อยเหรียญเพื่อเป็นค่าปิดปาก เชื่อข้า เพื่อที่จะปิดปากเจ้า ไม่ว่าจะเป็นเงินทองหรือสิ่งใดพวกมันต้องมอบให้เจ้า แน่นอนว่าเพื่อป้องกันจากการถูกพวกมันสังหาร เจ้าจะต้องเตรียมการบางอย่างเอาไว้ หากพวกมันกล้าที่จะสังหารเจ้า สิ่งสกปรกที่พวกมันทำนี้จะแพร่สะพัดไปในทันที เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกมันก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากต้องมอบเงินให้แก่เจ้า…’ เมื่อเจ้าจับกังได้ยินเช่นนั้น มันจึงมุ่งหน้ามาเรียกเก็บเงินจากพวกเรา คราแรกเราคิดจะสังหารมันเพื่อยุติปัญหานี้ ทว่ามันกลับทำตามคำแนะนำของซูเฉิน ทั้งยังเตรียมการไว้พร้อมสรรพ พวกเราไม่มีทางเลือกนอกจากทำตามที่มันต้องการ!”
ร่างกายของเหยียนหวูโชงสั่นสะท้านด้วยความโกรธ
ว่ากระไรนะ เจ้าซูเฉินมันบังอาจใช้เบี้ยของข้าเพื่อขู่ข้าเช่นนั้นรึ? มิเพียงแผนการชิงร้านของนางล้มเหลว ทว่ายังสูญเสียเงินทองไปเป็นจำนวนมากให้แก่มัน ยิ่งตระหนักถึงเรื่องนี้มากเท่าไร ความโกรธยิ่งพุ่งพล่านภายในใจจนตะโกนออกมา “เจ้าได้ลองติดสินบนหัวหน้าร้านดูหรือไม่?!”
“หัวหน้าร้านถางคือคนที่ติดตามนายหญิงถางหงหรุยมาจากตระกูลของนาง ความจงรักภักดีของมันอยู่ที่นาง จึงมิอาจติดสินบนมันได้ หัวหน้าร้านคนที่สอง จางเฮิงพึ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งโดยนายของมันเมื่อหลายปีก่อน หัวหน้าร้านคนที่สาม เหลาอวี่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากความช่วยเหลือของถางเจิน พวกมันทั้งหมดต่างจงรักภักดีต่อศาลาพิสุทธิ์ การติดสินบนพวกมันจึงมิใช่เรื่องง่ายเลย…”
เหยียนหวูโชงเอ่ยขึ้น “ข้าได้ยินมาว่าเหลาอวี้มีบุตรชายผู้หนึ่งที่ชื่นชอบการเล่นพนันยิ่งนัก จริงหรือไม่?”
ข้ารับใช้ผู้นั้นเอ่ยตอบ “ถูกต้องขอรับ! ถึงกระนั้นเหลาอวี้ได้ตระหนักถึงจุดอ่อนนี้ และได้กักบริเวณบุตรชายของมันไว้แต่ในบ้านตลอดช่วงเวลานี้”
“แม้มันจะกักบริเวณมันเป็นร้อยวันได้ ทว่ามันคงมิอาจกักขังไว้หลายปีได้กระมั้ง? หลังผ่านไปสองสามเดือนมันก็คงลดความระมัดระวังลงแล้ว”
“ผู้โง่เชลาผู้นี้เข้าใจแล้ว ข้าจะรีบไปจัดการให้ในทันที!”
“ไปได้แล้ว อย่าได้ทำให้มันยุ่งยากอีก” เหยียนหวูโชงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันหนาวเหน็บ “ไม่ว่าอย่างไร ข้าต้องให้ซูเฉินได้ชดใช้!”
ก่อนหน้านี้มันได้ให้ความสำคัญกับสมบัติเหล่านั้นอย่างยิ่ง ทว่าหลังจากที่ปราชัยจากซูเฉินมานับไม่ถ้วน ความอัปยศที่สั่งสมไว้มากมายได้บิดเบือนเจตนาของมันไป จากที่ต้องการสรรหากำไร บัดนี้กลับกลายเป็นความเกลียดชังที่มีต่อซูเฉิน
แม้ว่าจะมิอาจสรรหากำไรได้อีกต่อไป ทว่าเพื่อการแก้แค้นครานี้ มันไม่ปล่อยซูเฉินไปแน่นอน
__ __
“ฮ่า!”
เมื่อเสียงร้องตะโกนดังขึ้น ก้อนหินก้อนนั้นพลันแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ที่ลานด้านหลังของศาลาหยกพิสุทธิ์ ซูเฉินหดหมัดของมันกลับคืนเพื่อเป็นการเสร็จสิ้นการฝึกฝนในวันนี้
แม้ว่ามันจะติดตามถางเจินเพื่อศึกษาเรื่องราวต่าง ๆ ทว่ามันมิได้หยุดการฝึกฝนของมัน เห็นได้ชัดว่าเส้นทางที่ซูเฉินตั้งเป้าไว้สูงสุดคือผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิด
เมื่อไม่นานมานี้ ในที่สุดมันก็ก้าวข้ามสู่กายาเหล็กไหลขั้นที่เก้า อาจกล่าวได้ว่าบัดนี้มันได้ยืนอยู่ใกล้ประตูสู่ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดแล้ว
“เหลือเวลาอีกปี ยังมีเวลาเพียงพอ” ซูเฉินพึมพำกับตนเอง
ในทุกฤดูร้อนของทุกปี สถาบันมังกรซ่อนจะเริ่มเปิดรับสมัคร
สถาบันการศึกษามังกรซ่อนเป็นสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงเลื่องลือมากที่สุดในอาณาจักรลองซาง เหล่าผู้มีพรสวรรค์มากมายภายในอาณาจักรต่างตกอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ เพื่อหวังให้ตนเองถูกรับเข้าสถาบันการศึกษาแห่งนี้
ปีหน้านี้ ซูเฉินจะอายุสิบหกปี นั่นนับว่าเป็นเกณฑ์อายุที่ทางสถาบันการศึกษาเปิดรับ
หากมันสามารถก้าวไปถึงขอบเขตหลอมรวมพลังชีได้ มันก็จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดอย่างเป็นทางการ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสที่จะได้รับคัดเลือกให้เข้าสถาบันการศึกษาแห่งนี้
ตลอดช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เหตุผลที่ซูเค่อจี๋ทรงพลัง นั่นก็เพราะว่ามันต้องการปูทางที่ดีที่สุดให้กับซูชิ่ง
มันหวังให้ซูชิ่งก้าวไปถึงขอบเขตหลอมรวมพลังชีให้ได้ก่อนจะถึงวันคัดเลือกบุคคล
ซูเฉินไม่เต็มใจที่จะยอมหลีกทางให้ หากมันรอจนกระทั่งสายตาของมันฟื้นตัวเต็มที่ มันก็คงจะสายเกินไป
คราแรกซูเฉินคิดเป็นกังวลว่ามันจะสามารถฟื้นตัได้หรือไม่ ทว่าบัดนี้มันได้ยืนยันแล้วว่าสามารถฟื้นตัวได้ มันเพียงกังวลว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใดจึงจะฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์
เนื่องด้วยอัตราการฟื้นตัวของมันในเวลานี้นับว่ายังเชื่องช้าอยู่มาก
ซูเฉินไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมการทดสอบรอบคัดเลือกของสถาบันการศึกษามังกรซ่อนด้วยสายตาที่สั้นเช่นนี้
“ข้าสงสัยว่าข้าจะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคครานี้ได้ดังเช่นยามเมื่อข้าฝึกฝนก้าวย่างอสรพิษลวงหรือไม่กัน” ซูเฉินถอนหายใจ
เมื่อมันตระหนักถึงก้าวย่างอสรพิษลวง มันก็ตระหนักถึงกู้ชิงหลัวที่ไม่ได้พบหน้ากันมานาน
บัดนี้กู้ชิงหลัวจะกระทำสิ่งใดอยู่? จำนวนครั้งที่นางมาที่หลังภูเขาเริ่มลดลงเรื่อย ๆ และครั้งสุดท้ายที่พวกมันพบเจอกันก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว
“ข้าไม่แน่ใจว่านางยุ่งยากอยู่กับสิ่งใด” ซูเฉินส่ายศีรษะ
ทันใดนั้นมันก็ตระหนักได้ว่าหากกู้ชิงหลัวมิได้ออกมาพบมัน แล้วมีสิ่งใดหยุดมันมิให้ไปพบนางกันเล่า?
ไปเยี่ยมเยียนกู้ชชิงหลัว
เมื่อความติดนี้ได้เริ่มหยั่งรากลึกลงไปในใจของมันแล้ว ซูเฉินตระหนักว่ามันมิอาจหยุดได้โดยง่ายและตัดสินใจที่จะทำมัน
แม้ว่ามันจะมิได้มีปัญหาใด ๆ กับตระกูลหลิน และมิได้มีสัมพันธ์กับตระกูลกู้ ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างกู้ชิงหลัวและซูเฉินต่างถูกเก็บเป็นความลับ
ถึงกระนั้น นี่ก็มิได้เป็นปัญหาให้แก่ซูเฉินแต่อย่างใด
//ตรวจสอบล่าสุด 15/07/2560 23:48
// เจ๊าะแจ๊ะท้ายตอน \\
นับว่าเฉิน ๆ เรานี่ร้ายกาจไม่น้อย ช่างสะใจผู้แปลยิ่งนัก ฮ่า ๆ
แอบกระซิบเล็กน้อยว่าเฉิน ๆ เราใกล้จะได้ชมเชยความงามของกู้ชิงหลัวแล้ว ทั้งยังมีฉากเด็ดอีกด้วย อิอิ